อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] – ตอนที่ 223 อย่าทำตัวหื่นกาม

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

ตอนที่ 223 อย่าทำตัวหื่นกาม

ตอนที่ 223 อย่าทำตัวหื่นกาม

อวี้ชิงลั่วตกใจจนไม่กล้าขยับเขยื้อน จนกระทั่งสัมผัสถึงความชุ่มฉ่ำที่คออีกครั้ง หญิงสาวจึงกัดฟันแน่น

“เย่ซิวตู๋! อย่ามาหื่นกามตรงนี้” เจ้าคนชั่วนี่ถึงกับควบคุมตนเองไม่ได้เลยหรือ? ไม่มองเลยว่าที่นี่มันที่ไหน ลูกหัวแก้วหัวแหวนก็ยังนั่งอยู่บนคานของห้องแล้วกำลังมองลงมานะ

เย่ซิวตู๋ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง และในที่สุดก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมา “หื่นเช่นนั้นหรือ?”

“หนานหนานเองก็กำลังมองดูอยู่ ท่านรีบออกไปเลยนะ”

“หืม…เจ้าหมายความอย่างไร ขอเพียงแค่ไม่ได้อยู่ในสายตาของหนานหนานข้าก็สามารถเข้าใกล้เจ้าได้เช่นนั้นหรือ?” เย่ซิวตู๋เหลือบตาขึ้นมองและยิ้มให้กับเย่หลานเฉิงที่ฟุบอยู่บนคานและหันหน้าไปมองหนานหนานที่อยู่ด้านใน

อวี้ชิงลั่วจะเป็นบ้าขึ้นมาจริง ๆ “เย่ซิวตู๋ ท่านความคุมจิตใจตนเองหน่อย ไม่เช่นนั้นจะโดนเจอเข้านะ”

“เพียงแค่เจ้าไม่ส่งเสียง ผู้ใดก็ไม่มีทางพบหรอก”

ขี้ปดยิ่งนัก…อวี้ชิงลั่วโมโหแล้ว ข้อศอกของหญิงสาวถองฉากกั้นจนเกิดเสียงดังปึง

จ้าวผิงที่กำลังสนทนาอยู่ภายในห้องก็ชะงักกะทันหัน และมองเข้ามาด้วยความตกใจ

ไท่จื่อเฟยตื่นตระหนก นางอยากจะเอ่ยอะไรออกมา แต่ก็รู้สึกตื่นเต้นจนบาดแผลตรงแผ่นหลังฉีกออก ส่งผลให้รู้สึกปวดแปลบขึ้นมาในทันที ระหว่างเหตุการณ์นี้เองจ้าวผิงจึงลุกขึ้นเงียบ ๆ และเดินออกไปนอกม่านไข่มุก

“ผู้ใดอยู่ตรงนั้น?” จ้าวผิงเดินเข้าไปยังทิศทางของฉากกั้นห้อง หญิงสาวขมวดคิ้วพร้อมกับก้าวเท้าอย่างระมัดระวัง

ในห้องนี้มีคนเช่นนั้นหรือ? ถ้าหากว่ามีคนอยู่ เช่นนั้นแผนการของนางวันนี้คงไม่มีทางบรรลุผลแล้วใช่หรือไม่?

จ้าวผิงกัดฟันแน่น ในมือของนางถือมีดสั้นคมปลาบเอาไว้ตั้งแต่เวลาใดก็ไม่ทราบ หญิงสาวกำมันเอาไว้ในมือแน่น

“ออกมา” นางเดินไปถึงฉากกั้นห้องอย่างรวดเร็ว นิ้วมือกำด้ามมีดแน่นแล้วจ้วงแทงเข้าไปข้างหน้าแรง ๆ

หากแต่ตรงมุมแคบ ๆ นั่นมีเงาใครสักคนสักที่ไหน? ขณะที่จ้าวผิงรู้สึกประหลาดใจ ก็มีเสียงหนูร้องขึ้นมาดัง ‘จี๊ด จี๊ด จี๊ด’

“กรี๊ดด…”จ้าวผิงร้องขึ้นด้วยความหวาดกลัว ขาทั้งสองกระโดดโหยงในทันที และรีบถอยออกมาไม่กี่ก้าว เมื่อออกมาจากมุมนั้นจึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เพียงแต่เวลาต่อมา จู่ ๆ นางก็หยิ่งผยองต่อไท่จื่อเฟยขึ้นมา “ช่างน่าเวทนาเสียจริง เรือนนี้ไม่ได้เก็บกวาดมาเป็นเวลานาน ถึงกับมีหนูขึ้นเรือนเสียแล้ว”

ไท่จื่อเฟยค่อย ๆ หลับตาลงและลอบถอนหายใจ หญิงสาวกังวลอย่างเปล่าประโยชน์ มีเย่ซิวตู๋อยู่ด้วยจะปล่อยให้จ้าวผิงเป็นฝ่ายได้เปรียบได้อย่างไรเล่า?

อวี้ชิงลั่วที่ตอนนี้ได้ยักย้ายมาอยู่บนคานพร้อมด้วยเย่ซิวตู๋แล้วก็หลับตาลงเช่นกัน หลังจากนั้นจึงหันไปถึลงตามองเขา

อีกฝ่ายไม่แยแสใด ๆ ยักไหล่เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นเพราะข้อศอกของหญิงสาวไปชนต่างหาก

แต่หนานหนานที่อยู่ทางอีกฝั่งกลับกดเสียงลงและมองพ่อแม่ของตนที่อยู่ข้าง ๆ บนคานอย่างผิดหวัง “พวกท่านช่างช่างไม่ระมัดระวังตัวเลย โตเป็นผู้ใหญ่แล้วแค่ซ่อนตัวแค่นี้ยังไม่สามารถทำได้ โชคดีที่ข้ามีความสามารถเลียนเสียงของหนูได้ ไม่เช่นนั้นก็คงจะถูกพบตัวเข้าแล้ว ไม่ต้องเล่นกันแล้วเข้าใจไหม?”

อวี้ชิงลั่วเคาะลูกชาย “ถ้ายังกล้าที่จะสอนข้าก็ลองดูสิ”

หนานหนานน้อยใจจะตายอยู่แล้ว ทว่าก็ไม่ได้กล้าต่อต้านอวี้ชิงลั่ว แต่ทันใดนั้นก็หันไปมองมารดาอย่างครึ้มใจ ก่อนจะเอ่ยปากตามน้ำนาง “ท่านแม่ ข้าหาได้สั่งสอนท่านไม่ ข้าบอกท่านพ่อต่างหาก จริง ๆ นะ เป็นถึงบุรุษแท้ ๆ แต่กับแค่หลบอยู่กับท่านแม่ง่าย ๆ เท่านี้กลับยังทำไม่ได้”

“…” ริมฝีปากเย่ซิวตู๋กระตุกสองครั้ง ชายหนุ่มสับสนจริง ๆ ว่าในท้ายที่สุดเด็กคนนี้นั้นคล้ายกับผู้ใด เหตุใดจึง…จึงมองคนอื่นด้วยความคิดแบบนี้?

แม้ในใจเขาคิดอยากเขกกระโหลกเจ้าเด็กนี่อยู่ร่ำๆ แต่ก็ต้องทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาต่อหน้าเขาแทน

เย่หลนเฉิงกลืนน้ำลายเงียบ ๆ เด็กชายรู้สึกว่าหนานหนานช่างห้าวหาญยิ่งนัก ไม่ต้องพูดถึงท่านลุงห้าที่เป็นอ๋อง กล่าวแค่ว่าเขาเป็นท่านพ่อของหนานหนาน เช่นนั้นแล้วจึงไม่มีลูกคนใดที่ไม่เคารพพ่อแม่ของตน แล้วจะมีเด็กคนไหนที่กล้าจะอกตัญญูต่อพ่อแม่เช่นนี้?

เย่หลานเฉิงถอนหายใจ เมื่อนึกถึงตนเองที่เคารพท่านพ่อท่านแม่มาโดยตลอดก็อดเม้มปากไม่ได้ หลังจากนั้นจึงหันไปมองไท่จื่อเฟยที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียง

จ้าวผิงเดินกลับมาที่บริเวณขอบเตียงอีกครั้ง และมองดูไท่จื่อเฟยที่หายใจด้วยความยากลำบาก นางยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “อันที่จริงแล้วมันก็ไม่ได้น่าแปลกเท่าไรหรอกที่หนูพวกนั้นจะมาที่นี่ ในเมื่อแผลบนหลังของเจ้ากำลังเน่าเปื่อย หนูพวกนั้นจึงได้กลิ่นเหม็น ๆ มาจากตัวเจ้าไงล่ะ หึ ๆๆ อย่าบอกนะว่าตอนกลางคืนหนูพวกนั้นปีนขึ้นมาบนตัวของเจ้า…อี๋…แค่คิดก็ขยะแขยงแล้ว”

เย่หลานเฉิงขมวดคิ้ว เน่าเปื่อย? แผ่นหลังท่านแม่เน่าหรือ?

เย่หลานเฉิงมองไปที่อวี้ชิงลั่ว ราวกับได้คำตอบจากสายตาของหญิงสาว

แต่อวี้ชิงลั่วกลับไม่เอ่ยอะไรออกมา เป็นไปไม่ได้ที่นางจะบอกกับเด็กชายถึงภาพที่โหดร้ายเช่นนั้น หลังจากนั้นนางจึงหันไปมองไท่จื่อเฟยที่หายใจอย่างรุนแรง

เป็นไปได้ว่าไท่จื่อเฟยไม่ยินยอมที่จะให้จ้าวผิงเอ่ยอะไรไปมากกว่านี้ นางกลัวว่าเมื่อลูกชายของตนได้แล้วแล้วจะรู้สึกไม่สบายใจ หลังจากที่อดทนมานาน หญิงสาวก็ทนไม่ได้ที่จะไล่แขก “เจ้าพูดพอหรือยัง? ถ้าหากว่าพอแล้วก็เชิญเจ้ากลับไป ในห้องนี้มีหนู ถึงเวลานั้นอย่ากลัวจนตายไปเล่า”

“ฮ่า ฮ่า ไท่จื่อเฟยช่างน่าขบขันนัก จะบอกอย่างไรดีว่าแต่ก่อนนั้นข้าเองก็เคยเป็นทาสมาก่อน เมื่อก่อนก็อาศัยอยู่ในห้องที่มีขนาดไม่ต่างจากห้องนี้นัก ไท่จื่อเฟยอย่าได้กลัวไป จะมีอะไรน่ากลัวสำหรับข้าเล่า” จ้าวผิงพูดจาน่าฟัง แต่แววตาของนางดูลังเล ราวกับว่ายังคงหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย

ไท่จื่อเฟยยิ้มเยาะ แต่รู้สึกว่าคำพูดของจ้าวผิงในวันนี้ช่างพิกลนัก รู้สึกผิดปกติอยู่เล็กน้อย

“จริงสิ หากว่าตามที่องครักษ์ผู้นั้นเอ่ย วันนี้องค์รัชทายาทอยู่ที่ภัตตาคารเยว่หมิงและดูเหมือนว่าจะพบซื่อจื่อด้วย”

ไท่จื่อเฟยตกตะลึง ภายในใจของนางสงสัยมากขึ้นไปอีก วันนี้จ้าวผิงดูไม่ปกติเสียจริง

“องครักษ์กล่าวว่าวันนี้ซื่อจื่อมีผิวอมชมพู ดูเหมือนว่าจะดีกว่าเมื่อก่อนเยอะมาก คิดว่าช่วงนี้เขาคงจะกินดีอยู่ดี ข้าคิดว่าไท่จื่อเฟยนั้นก็รู้ว่าลูกชายของเจ้านั้นปลอดภัยดี ก็ควรจะวางใจได้แล้ว”

“เจ้าพูดเรื่องพวกนี้กับข้าเพราะเหตุใด?” ภายในใจไท่จื่อเฟยรู้สึกหวาดระแวง

จ้าวผิงประหลาดใจ “ไท่จื่อเฟยได้รู้ว่าซื่อจื่อนั้นปลอดภัย เหตุใดจึงไม่มีความสุข? ข้าคิดว่าเจ้าจะดีใจจนกระโดดลุกขึ้นมา อ๋อ แต่น่าเสียดาย สถานการณ์ของไท่จื่อเฟยในตอนนี้เกรงว่าวันข้างหน้าจะไม่ได้พบกับซื่อจื่อเสียแล้วสิ ซื่อจื่อน้อยเองก็น่าสงสารนักที่ไม่ได้พบหน้ามารของตนในวาระสุดท้าย ”

เย่วิวตู่และอวี้ชิงลั่วสบตากัน ในเวลานั้นสีหน้าของทั้งสองเปลี่ยนไป

และเป็นไปตามที่คาดเอาไว้ เวลาต่อมาก็ได้ยินเสียงของจ้าวผิงที่ลดลง “ไท่จื่อเฟย เมื่อมองดูเจ้านอนอยู่ตรงนี้ทั้งวันทั้งคืน ข้าก็เป็นทุกข์เหมือนกัน แต่องค์รัชทายาทมีคำสั่งไม่ให้ผู้ใดมาช่วยเจ้าแล้ว เจ้าที่ดูท่าทางจะไม่รอดเช่นนี้จะทำอย่างไรดีล่ะ? สู้ให้ข้าไปส่งเจ้าไม่ดีกว่าหรือ ตอนนี้เจ้าก็ได้รู้ว่าซื่อจื่อนั้นปลอดภัยดี ก็ควรตายได้อย่างไม่ทุกข์ใจแล้ว ในท้ายที่สุดเจ้าได้ทำเรื่องดี ๆ พอตายแล้วองค์รัชทายาทก็จะเลื่อนตำแหน่งให้ข้า อย่างไรเจ้าก็ตายไปแล้ว ”

ม่านตาไท่จื่อเฟยหดลง “เจ้าจะฆ่าข้า”

“เจ้าอย่ามาโทษข้าสิ” จ้าวผิงหัวเราะขณะหยิบถุงยาออกมาจากอ้อมแขน ก่อนจะเทราดบาดแผลที่แขนไท่จื่อเฟย

………………………

สารจากผู้แปล

เดือดร้อนหนานหนานต้องเลียนเสียงหนูคอยเบรกพ่อเลยเนี่ยท่านอ๋อง เล่นอะไรไม่รู้จักเวล่ำเวลาเลย

นังขนมผิงคิดจะฆ่าไท่จื่อเฟยเรอะ บังอาจ ต่อหน้าชิงลั่วกับอ๋องห้าด้วย ช่างไม่กลัวตายเลยนะ

ไหหม่า(海馬)

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

Status: Ongoing
จากภรรยาผู้เป็นที่รังเกียจของสามีและถูกใส่ความว่าเป็นชู้กับบุรุษอื่นจนกระทั่งมีบุตรด้วยกัน​ อีกหกปีให้หลังได้เป็นหมอหญิงฉายา​ ‘หมอปีศาจ’​ ผู้ลือนามพร้อมบุตรชายแสนซนที่สรรหาเรื่องราวต่างๆ​ รวมถึงบุรุษที่คาดว่าจะเป็นบิดาตนมาให้ไม่หยุดหย่อน​ อวี้ชิงลั่ว​ แพทย์หญิงมือฉกาจจากยุคปัจจุบันผู้ทะลุมิติ​มาเข้าร่างของหมอปีศาจผู้นี้จะทำอย่างไรต่อไปดี​ ในเมื่อปริศนาเกี่ยวกับตัวเองก็ต้องสืบ​ ส่วนบิดาของลูกติดเจ้าของร่างก็ต้องหา?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท