ตอนที่ 231 ออดอ้อน
ตอนที่ 231 ออดอ้อน
เสียงของเย่ซิวตู๋พลันชะงัก หลังจากมองอวี้ชิงลั่วปราดหนึ่ง จึงเปลี่ยนบทสนทนาเสียดื้อ ๆ “หนานหนานกับหลานเฉิงกลับวังไปพร้อมกับเจ้าแปดแล้วหรือ?”
“พ่ะย่ะค่ะ” โม่เสียนพยักหน้า ครั้นนึกได้ว่าเมื่อครู่ได้ยินเจ้านายเอ่ยถึงเยว่ซิน จึงอดไม่ได้ที่จะถามเสียงเบาว่า “ท่านอ๋อง พวกเราจะไปรับเยว่ซินที่จวนอวี๋หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
เดิมทีเยว่ซินเป็นสาวใช้ในจวนอวี๋ แต่เพราะอวี๋จั้วหลินได้รับบาดเจ็บ จึงต้องให้นางกลับไปดูแลอวี๋จั้วหลินแทนในนามของอวี้ชิงลั่ว รอจนกระทั่งการประลองของโรงเตี๊ยมเยว่หมิงสิ้นสุดลง แม่นางอวี้ก็จะไปดูอาการอวี๋จั้วหลินที่จวนอวี๋
“…” เยว่ซิวตู่เกลียดเสียจนอยากจะใช้เท้าเตะอีกฝ่ายให้ออกไป ดันมาพูดในสิ่งที่ไม่สมควรพูดเสียได้ จะรับเยว่ซินกลับมาไปแค่คนเดียวก็สิ้นเรื่องแล้วมิใช่รึ? พวกเราที่ไหนกัน?
ทว่าอวี้ชิงลั่วที่อยู่ข้าง ๆ ได้พยักหน้าอย่างเรียบง่ายแล้ว “ถูกต้อง ไปจวนอวี๋ตอนนี้เลย”
เย่ซิวตู๋จิบน้ำหนึ่งคำอย่างเบื่อหน่าย หลับตาพิงเข้ากับข้าง ๆ ประตูรถและไม่ปริปากพูดอะไรอีก
โม่เสียนถึงกับใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ เขาไม่เข้าใจเลยว่าอะไรที่กระตุ้นทำให้นายท่านไม่พอใจ ทว่าเขามั่นใจได้ว่าตอนนี้นายท่านอารมณ์ไม่ดีแล้ว
โม่เสียนก็ไม่กล้าพูดอะไรมากไปกว่านั้นเช่นกัน รีบปล่อยม่านรถลง กระโดดขึ้นหลังม้าและกระตุกบังเหียนให้ม้าวิ่งกุบกับมุ่งหน้าไปยังจวนอวี๋
นายท่านไม่พูด แม่นางอวี้ก็ไม่พูดเช่นกัน บรรยากาศนี้อึมครึมจนน่าอึดอัด หากหนานหนานยังอยู่ก็คงดี ปากของเจ้าเด็กคนนั้นพูดไม่หยุด หากมีเขาอยู่ บรรยากาศก็คงไม่อึมครึมขนาดนี้ หากเป็นเหมือนตอนที่มาเมื่อครู่ เช่นนั้นเขาก็คงเต็มใจที่จะรับหน้าที่เป็นคนขับรถม้า
น่าเสียดายชะมัด ตอนนี้หนานหนานอยู่บนรถของท่านอ๋องแปดแล้ว โม่เสียนไม่เข้าใจเลย เพราะเหตุใดนายท่านถึงไม่รับหนานหนานกลับจวน แต่กลับปล่อยให้หนานหนานไปอยู่ในวังนี่ไม่เท่ากับเสี่ยงอันตรายมากยิ่งขึ้นหรือ? อีกอย่างการมีหนานหนานอยู่ในตำหนัก ก็ทำให้ตำหนักอ๋องซิวดูมีชีวิตชีวาขึ้นด้วย
พวกเขาได้รู้จักกับหนานหนานมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว และก็ชอบหนานหนานมาก
“ฮัดชิ้ว…” ร่างกายของหนานหนานกระตุกฉับพลัน และเกือบจะพ่นน้ำลายใส่หน้าเย่หลานเฉิง
“หนานหนาน เป็นอะไรหรือ?”
หนานหนานส่ายหน้า ออกแรงขยี้จมูกเล็ก ๆ ของตนเอง แอบถอนหายใจและพูดอย่างจนปัญญาว่า “คาดว่าท่านแม่เพิ่งจะแยกจากข้าคงคิดถึงข้าแล้ว ก็เลยกำลังบ่นถึงข้าอยู่”
เย่ฮ่าวหรานมุมปากกระตุก จากความเข้าใจของเขาต่ออวี้ชิงลั่ว นางไม่มีทางบ่นถึงหนานหนานจนทำให้เขาจาม สตรีผู้นั้นใจไม้ไส้ระกำยิ่งกว่าอะไรดี ไม่มีทางคิดถึงเขาตอนที่เพิ่งจะแยกจากกันหรอก
เย่หลานเฉิงกลับแอบรู้สึกหดหู่ เมื่อได้ยินหนานหนานพูดถึงแม่ ก็อดนึกถึงไท่จื่อเฟยที่เป็นลมหมดสติไม่ได้ “ข้าเองก็คิดถึงท่านแม่เหมือนกัน ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้กลับไปเยี่ยมท่านแม่ที่ตำหนักรัชทายาทอีก”
“โถ่เอ๊ย เสี่ยวเฉิงเฉิง เจ้าอย่าเศร้าโศกเช่นนี้เลย” หนานหนานโอบไหล่ของเย่หลานเฉิง พูดอย่างจริงใจราวกับผู้ใหญ่ตัวน้อย “ครั้งหน้าหากได้เจอกับฝ่าบาทก็ประจบประแจงสักหน่อยสิ แค่นี้พระองค์ก็ให้เจ้าออกจากวังแล้ว”
“…”
เย่ฮ่าวหรานและเย่หลานเฉิงหันมาสบตากัน นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินหนานหนานพูดว่าจะประจบประแจงฮ่องเต้อย่างเปิดเผยเช่นนี้ ทั้งยังเป็นเด็กน้อยวัยห้าขวบด้วย
“หนานหนาน เจ้าควรเรียกฝ่าบาทว่าเสด็จปู่นะ” เย่ฮ่าวหรานครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยเตือนเขา
หนานหนานมองเขาด้วยความประหลาดใจ ยกมือขึ้นมาลูบคางและเอ่ยถามด้วยความฉงน “ทำไมล่ะ? ทำไมข้าต้องเรียกเขาว่าเสด็จปู่ด้วย?”
เย่ฮ่าวหรานเบิกตาโต “เจ้าเป็นลูกชายของพี่ห้า พี่ห้าเป็นองค์ชายของฝ่าบาท เจ้าก็ต้องเรียกฝ่าบาทว่าเสด็จปู่สิ”
“เอ๋? ท่านบอกว่าท่านพ่อของข้าเป็นองค์ชายหรือ?”
เย่ฮ่าวหรานถึงกับตบฉาดเข้าที่หน้าผากตนเอง เหตุใดเจ้าเด็กคนนี้ยังไม่เข้าใจถึงสถานการณ์ในตอนนี้อีก? หรือว่า เขาเรียกพี่ห้ามานานขนาดนั้นเขาก็ยังคิดไม่ได้?
“แน่นอน ท่านพ่อของเจ้าย่อมเป็นองค์ชายอยู่แล้ว มิเช่นนั้นเหตุใดข้าถึงเรียกเขาว่าพี่ห้าล่ะ?”
เย่หลานเฉิงพยักหน้าเช่นกัน “นั่นสิ ท่านพ่อของเจ้าคือท่านอาห้าของข้า ท่านอาห้าคือท่านอ๋องซิวเชียวนะ”
หนานหนานมองพวกเขาทั้งคู่ด้วยท่าทางมึนงง หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง จึงทำท่าทางราวกับตระหนักขึ้นได้ “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง ข้าก็นึกว่าพวกเจ้าเรียกไปงั้นเสียอีก ข้าเองก็สงสัยมากเช่นกัน ว่าเพราะเหตุใดถึงต้องเรียกท่านพ่อว่าพี่ห้า คนที่เรียกว่าพี่ห้าได้ต้องมีความกล้าหาญมากเลยนะ ที่แท้ก็เป็นเพราะท่านพ่อของข้าอยู่อันดับที่ห้านี่เอง อืม พูดเช่นนี้ท่านพ่อของข้าก็เก่งเหมือนกันนะเนี่ย อืม…เอ๋! เอ๋!!! เช่นนั้นเสี่ยงเฉิงเฉิงก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของข้าน่ะสิ?”
“…”
เย่ฮ่าวหรานและเย่หลานเฉิงรู้สึกอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา การแสดงออกพวกเขาไม่ชัดเจนขนาดนั้นเลยหรือ? ใครที่ได้ยินคำเรียกระหว่างพวกเขา ต่างก็เข้าใจถึงความสัมพันธ์กันทั้งนั้น
เรียกไปอย่างนั้น? เขาคิดอย่างไรกันแน่ เย่ซิวตู๋คือบุคคลที่จะไปเรียกตามใจชอบได้งั้นหรือ?
หนานหนานหัวเราะหึ ๆๆ ภายในใจรู้สึกมีความสุขอย่างมาก พวกเขาบอกว่าฮ่องเต้คือเสด็จปู่ของเขาสินะ ถ้าเป็นเสด็จปู่แล้วเช่นนั้นก็คงทำเรื่องมากมายได้ง่ายขึ้นเยอะเลย เขาอยากจะทำอะไรก็ทำ อยากจะกินอะไรก็กิน ฮ่องเต้เสด็จปู่ต้องหาให้เขาเป็นแน่
ครั้นหนานหนานนึกถึงเรื่องเหล่านี้ เขาก็กลืนน้ำลายแรง ๆ อย่างห้ามไม่อยู่ ทั้งยังรู้สึกได้ว่ามีท่านพ่อนี่ดีจริง ๆ เลย
เย่ฮ่าวหรานมุมปากกระตุกวูบ เหตุใดเขาถึงรู้สึกว่าเมื่อครู่เขาได้พูดในสิ่งที่ไม่สมควรพูดกันนะ?
หรือว่า พี่ห้าไม่เคยบอกหนานหนานแบบตรงไปตรงมาว่าเขาคือองค์ชาย?
“เช่นนั้นก็หมายความว่า ท่านอ๋องแปดเป็นท่านอาของข้า ถูกต้องหรือไม่” จู่ ๆ หนานหนานก็หันหน้ามา จ้องมองเย่ฮ่าวหรานด้วยท่าทางจริงจัง
เย่ฮ่าวหรานถึงกับใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ลางสังหรณ์ไม่ดีพลุ่งพล่านขึ้นภายในใจ ลางสังหรณ์เช่นนี้ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของเขา แม้แต่การพยักหน้าก็กลายเป็นเรื่องที่ยากลำบาก
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงขยับคอที่แข็งทื่อ ถือเป็นการตอบอีกฝ่ายแล้ว
ใครจะไปคิดว่าเขาเพิ่งพยักหน้า หนานหนานพลันพุ่งตัวเข้าใส่เขาด้วยท่าทางตื่นเต้น ดวงตาเป็นประกายแวววาวกล่าวว่า “ในเมื่อท่านเป็นท่านอา เช่นนั้นก็ต้องรักหนานหนานมาก ๆ เลยถูกต้องหรือไม่?”
“เจ้า…เจ้าคิดจะพูดอะไร?”
“อ้อ คือแบบนี้ ตอนนี้ข้ายังไม่อยากกลับวัง ข้าได้ยินมาว่า ตลาดกลางคืนของเมืองหลวงแห่งนี้มีความครึกครื้น สวยงามและมีของกินเยอะมาก ๆ ท่านอาแปด ท่านดูสิ ไหน ๆ พวกเราก็ออกมาแล้ว ไปกินของกินที่ตลาดกลางคืนแล้วค่อยกลับกันเถอะ ท่านไม่ต้องห่วง พวกเรากินไม่เยอะ ท่านเสียเงินไม่มากหรอก”
เย่ฮ่าวหรานตัวสั่นเทิ้ม พยายามถอยออกห่างจากหนานหนานให้มากขึ้นอีกหน่อย
ความหมายของเจ้าเด็กคนนี้ก็คือ เขาต้องแบกรับความเสี่ยงจากการถูกเสด็จพ่อบริภาษ ดูแลอาหารการกินของเขา ทั้งยังต้องให้เขาออกเงินให้อีก?
สวรรค์เถอะ หนานหนานกินไม่เยอะตรงไหนกัน? เห็นได้ชัดว่ากินเก่งจะตายไป?
ในที่สุดเย่ฮ่าวหรานก็เข้าใจแล้ว นิสัยไร้ยางอายขนาดนี้ของหนานหนานคงได้รับการถ่ายทอดมาจากอวี้ชิงลั่วเป็นแน่
“ไม่ได้ กว่าจะเดินตลาดกลางคืนเสร็จ ประตูวังก็ปิดแล้ว”
“โถ่เอ๊ย ท่านอาแปด ข้ารู้ว่าท่านเป็นห่วงข้ามากที่สุด ปัญหาเล็ก ๆ เหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับท่านเลย ถูกต้องหรือไม่ ท่านเก่งกาจขนาดนั้น ย่อมมีวิธีแก้ปัญหาอยู่แล้วจริงหรือไม่?”
เย่ฮ่าวหรานถึงกับหนาวสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ หนานหนานทำตัวออดอ้อน ถึงขั้นยอมทำทุกอย่างชนิดที่ว่าไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล หากทำเช่นนี้ต่อไป ท่านอาแปดย่อมต้านไม่ไหวเป็นแน่ “หนานหนาน พวกเรา…เฮ้ย…”
เย่ฮ่าวหรานยังพูดโน้มน้าวใจไม่จบ จู่ ๆ รถม้าก็หยุดลง ภายใต้เงื่อนไขของแรงเฉื่อยทำให้หนานหนานและเย่หลานเฉิงกระแทกเข้าใส่ตัวของเย่ฮ่าวหรานทันที
………………………….
สารจากผู้แปล
นี่เรียกได้ว่าขุดหลุมฝังตัวเองหรือเปล่านะท่านอ๋องแปด เตรียมตัวเป็นเหยื่อของหนานหนานได้เลยค่ะ
ไหหม่า(海馬)