ตอนที่ 244 ไม่ต้องการเขาแล้ว
ตอนที่ 244 ไม่ต้องการเขาแล้ว
อวี้เป่าเอ๋อร์จ้องมองไปยังคนสองคนที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมา เด็กชายกะพริบตาและรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้
เยว่ซินเดินเข้าไปข้างหน้า แล้วค่อย ๆ โค้งคำนับต่อเย่ซิวตู๋ “คารวะท่านอ๋องเจ้าค่ะ”
กล่าวเสร็จก็เข้าไปนั่งยอง ๆ ตรงหน้าอวี้เป่าเอ๋อร์และเริ่มร่ายคำพูดยาวเหยียด “คุณชายน้อย ท่านตื่นมาตั้งแต่เมื่อใดเจ้าคะ? เหตุใดตื่นมาแล้วไม่อยู่ในห้อง ข้าน้อยไปหาที่ห้องแต่กลับไม่พบจนเป็นกังวลอย่างมาก ดีแล้วที่ไม่เกิดเรื่องอะไรกับคุณชาย โชคดีเหลือเกิน”
หญิงสาวว่าพลางใช้มือขวาลูบหน้าอกของตน ไม่ช้าหัวใจที่รู้สึกกดดันก็ผ่อนคลาย หลังจากนั้นจึงลอบชำเลืองไปทางเย่ซิวตู๋ กดข่มน้ำเสียงเอาไว้แล้วเอ่ยถามขึ้นเบา ๆ “คุณชายน้อย เหตุใดจึงมาอยู่ในห้องของท่านอ๋องได้? คุณชายมาเองหรือเจ้าคะ?”
อวี้เป่าเอ๋อร์รู้สึกตกใจกับคำถามที่ยิงรัวเป็นชุุดของหญิงสาว การแสดงออกของเขาจึงเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกสับสน อวี้เป่าเอ๋อร์จ้องมองเยว่ซินที่อยู่ข้างหน้าก็รู้สึกว่านางนั้นดูจะใจดี แต่ก็รู้สึกขึ้นมาอีกว่าตนนั้นไม่รู้จักนางเลยแม้แต่น้อย
“คุณชายน้อย? คุณชายเจ้าคะ?” เยว่ซินเห็นเขาไม่ตอบกลับจึงรู้สึกใจหาย นางกังวลว่าคุณชายน้อยจะตกใจกลัวเมื่ออยู่ต่อหน้าเย่ซิวตู๋ อย่างไรเสียตัวนางเองในเวลาที่อยู่ต่อหน้าเย่ซิวตู๋นั้นก็กลัวจนตัวสั่น ไม่กล้าที่จะเอ่ยอะไรออกมาสักคำ เว้นเสียแต่ว่าถ้ามีคุณหนูอยู่ด้วย ตนจึงจะมีความกล้าขึ้นมาบ้าง แต่นี่คุณชายเป็นเด็กอายุสิบเอ็ดปีเท่านั้น
อวี้เป่าเอ๋อร์กลืนน้ำลาย เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ลังเลเล็กน้อย “คือว่า ข้ากับเจ้า เรารู้จักกันด้วยหรือ?” ไม่เช่นนั้นนางจะเรียกเขาว่าคุณชายน้อยด้วยเหตุใด?
เยว่ซินตกตะลึง หลังจากนั้นนางจึงตบหน้าผากตนเอง “ไอหยา ดูข้าน้อยสิ ข้าน้อยเองก็ลืมไปว่าตามคุณหนูออกมาจากจวนตระกูลอวี้ คุณชายพึ่งจะอายุได้สี่ปี หลายปีมาแล้วที่ไม่ได้พบเจอกันจะต้องจำไม่ได้อย่างแน่แท้ คุณชายน้อยเจ้าคะ ข้าน้อยมีนามว่าเยว่ซิน เป็นสาวใช้ที่คอยปรนนิบัติพี่สาวของท่าน เมื่อก่อนยังเคยอุ้มท่านไปซื้อขนมสายไหมอยู่เลย”
เยว่ซิน? เยว่ซินเช่นนั้นหรือ?
ถึงแม้รูปร่างหน้าตาของหญิงสาวนั้นจะเลือนรางไปตามกาลเวลาแล้ว แต่ชื่อนี้ก็ยังติดอยู่ในใจของเขาอยู่ อวี้เป่าเอ๋อร์ค่อย ๆ ครุ่นคิด หลังจากนั้นม่านตาของเขาก็เบิกกว้าง “เยว่ซิน เจ้าคือเยว่ซินเช่นนั้นหรือ? ข้า…ข้าคาดไม่ถึงว่าจะได้พบกับเจ้า”
“เจ้าค่ะ คุณชายน้อย นานหลายปีที่ไม่ได้พบกันและเยว่ซินก็ได้พบกับคุณชายแล้ว” เยว่ซินรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นการแสดงออกที่ดีใจของอวี้เป่าเอ๋อร์ นางเอ่ยขึ้นด้วยความจริงใจและดวงตาของนางก็แดงขึ้นเรื่อย ๆ
เหวินเทียนไม่สามารถทนมองต่อได้อีก ชายหนุ่มจึงกระแอมขึ้นมาเบา ๆ
“ท่านอ๋องและแม่นางอวี้เองก็ยังอยู่ในห้องนี้ เยว่ซินเจ้าสำรวมระวังสักหน่อยจะได้หรือไม่?”
เยว่ซินตกตะลึงไปครู่หนึ่ง หญิงสาวจ้องมองเหวินเทียนที่กำลังจับจ้องมาที่ตน
พริบตานั้นเยว่ซินก็รู้สึกตัวได้ หญิงสาวจับมืออวี้เป่าเอ๋อร์ด้วยความตื่นเต้นและเอ่ยขึ้น “วันนี้คุณชายไม่เพียงแต่จะได้พบข้าน้อยนะเจ้าคะ ท่านดูสิเจ้าคะว่านั่นผู้ใด?” เยว่ซินมองไปยังอวี้ชิงลั่ว แล้วเข้าไปเอ่ยใกล้ ๆ ข้างใบหูของอวี้เป่าเอ๋อร์ “ผู้นั้นก็คือคุณหนูไงเจ้าคะ คุณหนูยังมีชีวิตอยู่ นางยังคงมีชีวิตอยู่ รีบเรียกท่านพี่สิเจ้าคะ”
ท่านพี่เช่นนั้นหรือ?
อวี้เป่าเอ๋อร์ดวงตาเบิกกว้าง มองดูหญิงสาวที่อยู่ข้างหน้าตนอย่างไม่เชื่อสายตา คำพูดของเยว่ซินยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขา นางบอกว่าท่านพี่ยังมีชีวิตอยู่ นางบอกว่านี่คือท่านพี่เขานั้นคิดถึงมาโดยตลอดอย่างนั้นหรือ?
ร่างกายของเด็กชายค่อย ๆ สั่นสะท้านขึ้นมา มือทั้งสองข้างค่อย ๆ ขยี้ตาของตนเอง ท่าทางการแสดงออกดูตกใจเป็นอย่างมาก รู้สึกว่าโลกทั้งใบนี้กลับกลายเป็นของปลอมขึ้นมา
“ท่านพี่?” อวี้เป่าเอ๋อร์เอ่ยพึมพำและเงยหน้าขึ้นไปมองหญิงสาวที่กำลังมองมาที่ตนเช่นกัน
ดวงตาคู่นั้น ไหนจะจมูกนั่น ริมฝีปากนั้นอีก ช่างเหมือนกับภาพในความฝันของเด็กชายอย่างไรอย่างนั้น
อวี้เป่าเอ๋อร์กระตุกมุมปากราวกับว่าจะหัวเราะ ทว่าใจกลับอยากจะร้องไห้ออกมาเป็นอย่างมาก เพียงพริบตาน้ำตาของเขาก็ไหลออกมาโดยที่ไม่สามารถควบคุมได้
เด็กชายใช้มือปาดเช็ดน้ำตาอย่างสุดกำลัง แต่ดูเหมือนว่าใช้เพียงหนึ่งข้างจะไม่เพียงพอ เขาจึงใช้สองมือถูดวงตาที่แดงก่ำ แต่น้ำตาเจ้ากรรมก็ไม่มีท่าทางว่าจะหยุดไหลเลยแม้แต่น้อย
ชั่วขณะนั้นหัวใจของอวี้ชิงลั่วพลันอ่อนไหวขึ้นมา สุดท้ายนางก็นั่งลงแล้วดึงมือของเด็กชายเอาไว้ “ไม่ต้องถูแล้ว มันไม่ดีต่อดวงตา”
“ท่านพี่” น้ำเสียงที่ดูอบอุ่นและห่วงใยเช่นนี้ เป็นดั่งก้อนหินที่ตกเข้าไปในปล่องอันร้อนระอุ พริบตานั้นเองเด็กชายก็สูญเสียการควบคุมและทรุดตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของอวี้ชิงลั่วทันที แขนทั้งสองข้างของเขากอดคอหญิงสาวเอาไว้และร้องไห้ออกมา “ท่านพี่ ใช่ท่านพี่ของข้าจริง ๆ ด้วย ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่าน…พี่สาวของข้า เป่าเอ๋อร์คิดถึงท่านเหลือเกิน”
มือของอวี้ชิงลั่วชะงักไปครู่หนึ่ง และในที่สุดก็สัมผัสร่างผ่ายผอมของอีกฝ่าย
ตัวของเขาผอมเสียจนรู้สึกราวกับกำลังโอบกอดโครงกระดูกเอาไว้ในอ้อมแขนก็มิปาน รูปร่างที่ซูบเซียวไร้เรี่ยวแรงนั้นดูย่ำแย่กว่าในตอนที่พบกับเย่หลานเฉิงเป็นครั้งแรกเสียอีก หลายปีที่ผ่านมานี้สองแม่ลูกเฉินจีซินทำบาปไปมากมายเท่าใดแล้วที่ปฏิบัติต่อเด็กอายุสี่ปีอย่างเหี้ยมโหด
“ฮือ ท่านพี่ ช่างดีเหลือเกินที่ท่านนั้นยังมีชีวิตอยู่ เป่าเอ๋อร์ดีใจเป็นอย่างมาก ฮือ แต่ว่า เหตุใดท่านจึงไม่มาหาเป่าเอ๋อร์เลย ข้าคิดว่าจะไม่มีวันที่ได้พบกับท่านอีกแล้ว ท่านไม่ต้องการข้าแล้วใช่หรือไม่?”
หัวใจของอวี้ชิงลั่วถูกบีบรัดขึ้นมาทันที หลังได้ยินคำตัดพ้อด้วยความน้อยใจจากเด็กชาย
ไม่ใช่เพราะนางไม่ได้ไปหาเด็กชาย แต่ว่า…พี่สาวจริง ๆ ของเขานั้นถูกอวี๋จั้วหลินสังหารไปแล้ว
อวี้ชิงลั่วสูดหายใจเข้าลึก ๆ ฝ่ามือค่อย ๆ ลูบลงไปบนแผ่นหลังอันผอมบาง พลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ข้าขอโทษ เป่าเอ๋อร์ เป็นเพราะพี่ไม่ดีเอง”
“ไม่ใช่ ไม่ใช่ ฮือ ท่านไม่ได้ไม่ดี เป่าเอ๋อร์ไม่ได้โทษท่านพี่ ข้า…ฮือ ท่านพี่ ข้านั้นคิดถึงท่านเหลือเกิน ท่านพี่ วันข้างหน้าท่านไม่จากข้าไปอีกจะได้หรือไม่ ข้ามีเพียงแค่ท่านผู้เดียว”
อวี้เป่าเอ๋อร์เอ่ยขึ้น ยิ่งเขาระบายอารมณ์ในใจออกมาเท่าใดก็ยิ่งควบคุมอารมณ์ไม่ได้ และกอดคอของอวี้ชิงลั่วเอาไว้แน่น
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว การแสดงออกของชายหนุ่มดูกลัดกลุ้มเล็กน้อย ต่อให้รู้ว่าทั้งสองนั้นเป็นพี่น้องกัน แต่อาการกอดกันอย่างแนบชิดเช่นนี้กลับทำให้ภายในใจของเขาไม่สงบสุข
เย่ซิวตู๋เม้มปากและหันไปกำชับกับเหวินเทียน “ไปเตรียมอาหารเช้า”
“ขอรับ” เหวินเทียนอดใจรอไม่ไหวที่จะออกไปจากที่แห่งนี้ เมื่อหันไปพบกับเยว่ซินที่ยืนประทับใจโง่ ๆ อยู่อีกด้านหนึ่งจึงได้รีบดึงนางออกจากตรงนั้นทันที
อวี้ชิงลั่วคอยลูบหลังให้อวี้เป่าเอ๋อร์ นางรู้ว่าภายในใจของเด็กชายนั้นต้องหวาดกลัวเป็นอย่างมาก หญิงสาวจึงรู้สึกสงสารเด็กคนนี้จับใจ
เย่ซิวตู๋มองดูด้วยสายตาเย็นชาพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามที่เขาเห็นอวี้เป่าเอ๋อร์ร้องไห้อย่างน่าสังเวชพร้อมกับปาดน้ำตาและน้ำมูกลงบนเสื้อผ้าของอวี้ชิงลั่ว ในใจของเย่ซิวตู๋ก็ยิ่งหงุดหงิดขึ้นทันที
ชายหนุ่มนั่งลง และดึงผ้าที่อยู่ตรงเอวของอวี้ชิงลั่วออกมา ก่อนละเลงลงไปบนใบหน้าของอวี้เป่าเอ๋อร์
สองพี่น้องที่กอดกันอยู่หลังจากไม่ได้พบเจอกันมาเป็นเวลานานต่างก็ตกตะลึง ทันทีที่หันไปมองก็พบว่าเย่ซิวตู๋นั้นได้ยืนขึ้นแล้วมองดูพวกเขาด้วยท่าทีที่เมินเฉย
……………………………
สารจากผู้แปล
เดี๋ยววว ท่านอ๋อง นั่นน้องชายเค้านะ ขยันทำไหน้ำส้มแตกจริง ๆ เลยท่าน
ไหหม่า(海馬)