ตอนที่ 246 ขอให้ประสบผลสำเร็จ
ตอนที่ 246 ขอให้ประสบผลสำเร็จ
เย่ซิวตู๋พยักหน้าอย่างเย็นชา ประคองอวี้ชิงลั่วลงจากรถม้า และทั้งสามคนก็ค่อย ๆ เดินเข้าไปตำหนักอี๋ซิ่งอย่างเชื่องช้า
ครั้นฟ้าสว่างเหมิงกุ้ยเฟยได้ไปรอองค์ชายเจ็ดที่ห้องของเขาแล้ว แต่จนกระทั่งผ่านไปสองสามชั่วยาม เย่ซิวตู๋เองก็ยังไม่ได้เข้าวัง
ด้านของเจี่ยนเซียงที่พยายามเกลี้ยกล่อมเหมิงกุ้ยเฟยให้รับประทานอาหารเช้าอยู่หลายครั้ง แต่เมื่อเห็นท่าทางที่เป็นกังวลใจของนาง เจี่ยนเซียงจึงทำได้แค่เพียงกลืนคำพูดของตนเองลงไป ในสายตาของเหนียงเหนียงนั้นองค์ชายเจ็ดสำคัญที่สุด เกรงว่าถ้าวันนี้ไม่ได้เห็นองค์ชายเจ็ดตื่นขึ้นมา เหนียงเหนียงก็คงจะเสวยอะไรไม่ลง
“เจี่ยนเซียง!!” เหมิงกุ้ยเฟยลุกขึ้นจากเก้าอี้ฉับไว “เจ้าออกไปดูเร็วเข้า เหตุใดเฟยเกอจึงยังไม่กลับมา?”
“เพคะ”
“ช้าก่อน” ขณะที่เจี่ยนเซียงเหลือเพียงไม่กี่ก้าวก็กำลังจะออกประตูแต่กลับถูกหยุดเอาไว้ เหมิงกุ้ยเฟยชะงักไปครู่หนึ่ง กระทั่งผ่านไปสักพักจึงเอ่ยขึ้น “แต่ว่าอ๋องซิวยังไม่ได้เข้าวัง เจ้าให้เฟยเกอนำป้ายอาญาสิทธิ์ของเราไปที่จวนของท่านอ๋องซิว และเรียกตัวเขามา”
เจี่ยนเซียงถอนหายใจเงียบ ๆ ยิ่งเหนียงเหนียงใส่ใจมากเท่าไรก็ยิ่งวุ่นวาย ผู้อารักขาของท่านอ๋องซิวก็ยังอยู่ที่นี่ ถึงอย่างไรวันนี้ท่านอ๋องซิวต้องกลับวังอยู่แล้ว เพียงแต่อาจจะล่าช้าเท่านั้น ตอนนี้เหนียงเหนียงอดทนรอไม่ได้ต้องการให้เฟยเกอไปที่จวนท่านอ๋องซิว แต่นางก็ไม่ได้บอกท่านอ๋องซิวว่านางนั้นเร่งรีบแค่ไหน?
แม้ว่าภายในใจของนางจะคิดเช่นนี้ ใบหน้าก็ยังแสดงออกด้วยความเคารพ “หม่อมฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
หลังจากที่เจี่ยนเซียงถอยไปไม่กี่ก้าว หญิงสาวถึงก็ได้ออกจากห้องไป
อย่างไรก็ตาม หญิงสาวยังไม่ทันจะออกจากประตูของตำหนักอี๋ซิ่ง ก็พบเข้ากับเฟยเกอซึ่งกำลังพาบุรุษและสตรีสองคนเดินตรงมาทางนี้ เจี่ยนเซียงยินดีมากพลันรีบยกชายกระโปรง และหันหลังกลับไปที่ห้องบรรทมอีกครั้ง หญิงสาวกดน้ำเสียงเอาไว้และเอ่ยขึ้นกับเหมิงกุ้ยเฟย “เหนียงเหนียง เฟยเกอกลับมาแล้วเพคะ”
“เย่ซิวตู๋มาด้วยหรือไม่?”
“เพคะ ข้างกายท่านอ๋องมีสตรีสวมผ้าคลุมหน้าไว้ติดตามมา มองจากรูปร่างแล้วเหมือนกับในข่าวลือไม่ผิดเพี้ยน” เจี่ยนเซียงถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่ท่านอ๋องซิวมาพอดี ไม่เช่นนั้นเหนียงเหนียงคงจะขุ่นเคืองมากกว่านี้
เหมิงกุ้ยเฟยสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ มององค์ชายเจ็ดที่ยังหลับใหลอยู่บนที่เตียง ค่อย ๆ ลุกขึ้นอย่างเชื่องช้าดูสง่างาม เดินออกจากห้องไป
เมื่อทางฝั่งนี้นั่งลงได้สักพัก เฟยเกอพาเย่ซิวตู๋และอวี้ชิงลั่วก้าวผ่านประตูเข้ามานางโค้งคำนับเหมิงกุ้ยเฟย “เหนียงเหนียง ท่านอ๋องและแม่นางชิงมาแล้วเพคะ”
“อืม” เหมิงกุ้ยเฟยจิบชาหนึ่งคำ เหลือบตาไปมองพวกเขาปราดหนึ่ง หลังจากนั้นหยุดสายตาจ้องมองอวี้ชิงลั่ว
เมื่อเห็นว่านางยังคงสวมผ้าคลุมหน้าเอาไว้ เหมิงกุ้ยเฟยพลันรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย หากแต่ไม่ได้แสดงท่าทางอะไรออกมา “คนผู้นี้คือแม่นางชิง หมอปีศาจผู้โด่งดังหรือ?”
“เพคะ” อวี้ชิงลั่วไม่อ่อนน้อมถ่อมตนเลยแม้แต่น้อย นางมีชื่อเสียงมาก ๆ อย่างไม่มีข้อกังขา
ขมับของเหมิงกุ้ยเฟยกระตุกขึ้น ไม่รู้จักคำพูดสุภาพเลยแม้แต่น้อย มารยาทสักนิดก็ไม่รู้จัก พฤติกรรมดูไม่แตกต่างจากหมอทั่วไป
“ซิวเอ๋อร์ สายตาของเจ้าช่างมีแววยิ่งนัก เลือกคนได้ดียิ่งนัก” น้ำเสียงของเหมิงกุ้ยเฟยประชดประชันเล็กน้อย จะกล่าวว่าก่อนหน้าเย่ซิวตู๋ไม่รู้จังแม่นางชิงผู้นี้ก่อนการแข่งขันหมอปีศาจ เหมิงกุ้ยเฟยไม่ปักใจเชื่อแม้แต่น้อย
ถ้าหากว่าไม่ได้จับกุมเอาไว้ ถ้าหากว่าไม่รู้ว่าแม่นางผู้นี้เป็นหมอปีศาจ เขาจะกล้าเอ่ยขึ้นอย่างใจกล้าบ้าบิ่นว่าถ้าหากหญิงสาวพ่ายแพ้แล้วตนนั้นจะมาขอโทษต่อหน้า
เหมิงกุ้ยเฟยเยาะเย้ยในใจไม่หยุด มือที่วางไว้บริเวณขอบโต๊ะชักกลับมาเชื่องช้าและกำหมัดแน่น เย่ซิวตู๋ช่างเป็นคนดีนัก รู้ทั้งรู้ว่าชายแซ่เสิ่นเป็นตัวปลอม แต่กลับไม่เอ่ยอะไรและไม่เปิดเผยเบาะแสใด ๆ มองดูตนเองให้ความสนใจชายแซ่เสิ่น และปล่อยให้นางหน้าแตก
หึ ช่างเป็นลูกชายที่ดีเสียยิ่งกระไร
แน่นอนว่าเย่ซิวตู๋นั้นมองเห็นนิ้วที่กำเอาไว้แนบแน่นของเหมิงกุ้ยเฟย และรับรู้ว่านางกำลังไม่พอใจ
หากแต่เขาไม่ได้สนใจ เพียงแค่กระตุกมุมปากวูบหนึ่ง และไม่ได้ตัดสินใจที่จะรับคำของนางเอาไว้ “เสด็จแม่ การแข่งขันทักษะทางการแพทย์เมื่อวานนั้น นับได้ว่าเป็นการเปิดเผยตัวตนของท่านเสิ่นอย่างสมบูรณ์ และยังเป็นการป้องกันไม่ให้เขาทำร้ายคนในวัง เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว แน่นอนว่านางไม่ได้เกลี้ยกล่อมให้ข้าปิดกั้นเสิ่นอิงออกจากการแข่งขัน ไม่เพียงแต่ไม่มีความผิด แต่กลับมีบุญคุณด้วยซ้ำ เสด็จแม่ควรจะปล่อยเขาได้แล้วไม่ใช่หรือ?”
“หึ เจ้าอย่าลืมคำพูดที่เจ้าเคยกล่าวเอาไว้ ฮ่าวถิงยังคงไม่ได้สติ เชิญแม่นางชิงรักษาฮ่าวถิงให้ก่อนเถิด”
ว่าพลางส่งสัญญาณให้กับเฟยเกอ นางพยักหน้าเดินเข้าไปหาอวี้ชิงลั่ว และยกมือขึ้นมาทำท่า ‘เชิญ’ เหมือนกับว่าต้องการจะพาตนนั้นเข้าไปข้างใน
เย่ซิวตู๋ยิ้มเยาะ ค่อย ๆ ยกมือขวาขึ้นมาขวางเอาไว้ “เสด็จแม่ กระหม่อมประสงค์จะพบเสิ่นอิง อยากจะดูว่าเขายังสบายดีหรือไม่”
เหมิงกุ้ยเฟยขุ่นเคืองเป็นอย่างมาก จ้องไปที่เย่ซิวตู๋ด้วยสายตามุ่งร้าย แต่เพียงแค่นึกถึงเย่ฮ่าวถิงที่ยังนอนไม่ได้สติมาหลายวันนั้น ในที่สุดนางก็อะลุ่มอล่วยและหันไปกำชับเจี่ยนเซียง “ให้คนพาผู้อารักขาผู้นั้นเข้ามา”
“เพคะ เหนียงเหนียง” เจี่ยนเซียงเดินออกจากประตูรวดเร็ว และเดินไปที่บ้านหลังเล็ก ๆ อย่างเร่งรีบ
ไม่นานนัก เสิ่นอิงก็มายืนต่อหน้าเยซิวตู๋ด้วยจิตสติอันแจ่มชัด โค้งคำนับเยซิวตู๋อย่างเคร่งขรึม หลังจากนั้นก็เข้าไปยืนข้าง ๆ อีกฝ่าย เพียงแค่ลดสายตาลง ยังคงรู้สึกคลุมเครืออยู่เล็กน้อย และแสดงสีหน้าตื่นเต้นออกมา
เสิ่นอิงเชื่อว่าท่านอ๋องจะมาช่วยตน
เหมิงกุ้ยเฟยแอบเย้ยหยัน “เห็นแล้วหรือยัง? ผู้อารักขาของเจ้าอยู่ดีกินดีในวัง ไม่ได้ถูกทำให้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ แต่ตอนนี้น้องชายของเจ้านอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง ผ่านไปหลายวันแล้วจนร่างกายของเขาผอมซูบไปมาก”
ครั้นกล่าวถึงเย่ฮ่าวถิง ความรู้สึกของเหมิงกุ้ยเฟยค่อย ๆ เริ่มหวั่นไหวขึ้น
อวี้ชิงลั่วได้แต่ก้มหน้าลงไม่เอ่ยคำใด จนกระทั่งเย่ซิวตู๋ลดมือที่ขวางตนไว้ลง นางจึงตามเฟยเกอเข้าไปในห้องบรรทม
ถึงแม้ใบหน้าขององค์ชายเจ็ดจะยังคงหม่นหมอง แต่ก็ไม่ได้น่าหวาดกลัวเหมือนครั้งแรก สำหรับคำถามที่ว่าเขาผอมลงไปหรือไม่นั้น กลับเป็นไปตามที่เหมิงกุ้ยเฟยกล่าวเอาไว้ไม่มีผิด เขาผอมลงไปกว่าเมื่อก่อนมาก ถ้าหากว่าต้องการจะให้เขากลับมาเป็นเหมือนเช่นก่อน ก็ยังจำเป็นต้องพักฟื้น
ความจริงแล้วอาการไม่ได้เลวร้าย เพียงแต่พลังหยวนขององค์ชายเจ็ดได้รับความเสียหายรุนแรง อย่างน้อยคนที่คิดจะต่อต้านเย่ซิวตู๋ก็น้อยลงไปหนึ่งคน หวังว่ามันจะเป็นเช่นนั้น อวี้ชิงลั่วขอให้ประสบผลสำเร็จ
เหมิงกุ้ยเฟยและเย่ซิวตู๋ตามเข้ามาทีหลัง พบกับอวี้ชิงลั่วที่กำลังจับชีพจรขององค์ชายเจ็ดอยู่ เหมิงกุ้ยเฟยอดใจไม่ได้ที่จะเย้ยหยัน “การถอนพิษแม่นางชิงล่ะ?”
นางกล่าวพลางหยุดสายตาลงที่เย่ซิวตู๋
พิษนี้เกิดขึ้นเพราะเขา ตอนนี้กลับต้องตีหน้าเซ่อ แสร้งทำเป็นซื่อวินิจฉัยอีกหรือ?
“เสด็จแม่โปรดอย่าร้อนพระทัย แม่นางชิงคือหมอปีศาจ กระหม่อมเชื่อในฝีมือของนาง ไม่นานจะต้องรักษาน้องเจ็ดได้เป็นแน่”
เมื่อเย่ซิวตู๋เอ่ยประโยคนี้ เจี่ยนเซียงที่อยู่ด้านนอกจู่ ๆ ก็เข้ามาคำนับพวกเขา เอ่ยขึ้นเบา ๆ “เหนียงเหนียง ท่านอ๋อง เหมียวกงกงมาเพคะ และยังบอกอีกว่าฮ่องเต้เรียกท่านอ๋องซิวเข้าพบ ตอนนี้รออยู่ด้านนอกแล้วเพคะ”
ฮ่องเต้ต้องการพบ?
เหมิงกุ้ยเฟยหัวเราะเสียงเบา “ซิวเอ๋อร์ ในเมื่อเสด็จพ่อเรียกพบเจ้า คงจะมีเรื่องด่วน เจ้าไปพบเสด็จพ่อก่อน และในส่วนของน้องเจ็ดทางนี้ เราเชื่อในหมอปีศาจ นางจะต้องแก้พิษได้อย่างรวดเร็ว”
……………………………
สารจากผู้แปล
เป็นคนวางพิษเอง ยังต้องมาเป็นคนถอนพิษอีกเหรอเนี่ย
ไหหม่า(海馬)