ตอนที่ 248 เจ้าแต่งงานกับเย่ซิวตู๋เถอะ
ตอนที่ 248 เจ้าแต่งงานกับเย่ซิวตู๋เถอะ
หลังจากที่อวี้ชังลั่วล้างมือเสร็จ จึงใช้ผ้าเช็ดหน้าค่อย ๆ เช็ดอีกสองสามรอบ จนกระทั่งนิ้วที่เรียวบางของนางสะอาดหมดจด จึงได้วางผ้าเอาไว้อีกด้านหนึ่งก่อนที่จะยิ้มขึ้นและมองไปทางเหมิงกุ้ยเฟย “เชิญกล่าว”
“ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่แม่นางชิงจะอยู่ตัวคนเดียว วันนี้เราเห็นแม่นางชิงเองก็รู้สึกโปรดปรานขึ้น เอาเช่นนี้สิ เราจะไปทูลขอฮ่องเต้เกี่ยวกับเรื่องการแต่งงานของเจ้า แม่นางชิงอย่าเพิ่งรีบร้อนปฏิเสธหรือเป็นกังวลไป เราไม่ได้ต้องการให้แม่นางลำบากใจ อืม…เช่นนี้ แม่นางชิงและซิวเอ๋อร์เองก็รู้จักกัน และซิวเอ๋อร์ก็ได้เคยช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้ ก็นับว่าเป็นดอกไม้ที่เบ่งบานท่ามกลางสมรภูมิ ซิวเอ๋อร์เป็นลูกชายคนสำคัญของเรา เราไม่ได้คุยโวโอ้อวด ซิวเอ๋อร์เป็นคนที่มีความสามารถและสติปัญญาที่สูง ตอนนี้สนมเอกก็คอยดูแลเขาข้างกายมาโดยตลอด แม่นางชิงสามารถดูแลเขาแทนเราจะได้หรือไม่?”
“กุ้ยเฟยเหนียงเหนียง” อวี้ชิงลั่วอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เหมิงกุ้ยเฟยผู้นี้ต้องการจะให้นางและเย่ซิวตู๋นั้นเป็นคู่กัน “หม่อมฉันไม่คู่ควรกับท่านอ๋องซิว”
“เหตุใดแม้นางจึงดูถูกตัวเอง? ในสายตาเรานั้น แม่นางชิงและซิวเอ๋อร์ก็เหมาะสมราวกับเป็นคู่สวรรค์ประทาน” เมื่อฟังประโยคนั้นของนาง เหมิงกุ้ยเฟยก็สามารถรับรู้ได้ทันทีว่าเวลานี้อีกฝ่ายไม่มีคนในใจ ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นก็ให้นางและเย่ซิวตู๋นั้นอยู่ด้วยกัน ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ “วันข้างหน้าถ้าหากว่ามีคนที่มีความสามารถเช่นนี้แบบแม่นางชิงคอยสนับสนุนซิวเอ๋อร์อยู่ข้างหลัง องค์ฮ่องเต้และเราก็จะได้สบายใจ”
อวี้ชิงลั่วเสียหลักเล็กน้อย เหมิงกุ้ยเฟยแน่ใจแล้วหรือว่าหลังจากที่นางและเย่ซิวตู๋แต่งงานกันเหมิงกุ้ยเฟยจะสบายใจ? และยังมีคนที่นางช่วยชีวิตเอาไว้ที่ชื่อเย่ฮ่าวผิง ถ้านางซาบซึ้งในบุญคุณความเมตตาจริง ๆ นางก็ควรจะแต่งงานกับเย่ฮ่าวถิงไม่ใช่หรืิอ?
เสิ่นอิงที่ยื่นอยู่ตรงประตูทำได้เพียงแต่ก้มหน้าอย่างเงียบ ๆ ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของเหมิงกุ้ยเฟยนั้นจะไม่ได้ดัง แต่ว่าเขานั้นอยู่ใกล้ที่สุด และหูมีประสาทไว แน่นอนว่าเขาจำทุก ๆ คำพูดของเหมิงกุ้ยเฟยที่รั่วไหลเข้าหูนาง
เสิ่นอิงคิดว่าดารที่จะให้อวี้ชิงลั่วแต่งงานกับท่านอ๋องนั้นไม่มีปัญหา ถ้าหากว่าแม่นางอวี้นั้นเห็นด้วยท่านอ๋องก็คงจะดีใจมากกว่านี้ ถึงเวลานั้นแม่นางอวี้อยากจะวิ่งออกไปแค่ไหนแต่ก็ไม่สามารถทำได้ แม้แต่ตัวตนของหนานหนานเองก็จะถูกเปิดเผย
สิ่งที่น่าเสียดาย…สำหรับแม่นางอวี้นั้นมันเป็นไปไม่ได้
และในด้านของนายท่านของตน เสิ่นอิงรู้สึกว่าคำพูดพวกนี้ของเหมิงกุ้ยเฟย จำเป็นที่จะต้องบอกกับนายท่าน ไม่รู้ว่าเมื่อไรนายท่านจะกลับมา ชายหนุ่มกลัวเหลือเกินว่าแม่นางจะใจร้อนและเอ่ยมาว่าไม่ต้องการที่จะแต่งงาน
เย่ซิวตู๋นั้นอยากที่จะกลับหาแม่นางอวี้ใจจะขาด ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะรู้ดีว่าอวี้ชิงลั่วจะสามารถรับมือได้ และก็รู้เช่นกันว่าเหมิงกุ้ยเฟยจะไม่ลงมือสังหารนางในตอนนี้ แต่ว่าจะให้นางไปอยู่ที่ใดนั้นชายหนุ่มจึงไม่วางใจเรื่องนี้เป็นที่สุด
ดังนั้นในตอนที่ฮ่องเต้สนทนากับเขา จิตใจกลับไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัว
“อะแฮ่ม…” เย่ฮ่าวหรานไอขึ้นมาเบา ๆ และเหลือบมองไปยังเย่ซิวตู๋ เมื่อพบว่าชายหนุ่มนั้นยังไม่ได้สติ เย่ฮ่าวหรานก็อดที่จะเป็นกังวลไม่ได้ “พี่ห้า เสด็จพ่อกำลังถามท่านอยู่นะ”
เย่ซิวตู่หันกลับมาอย่างเย็นชา มองไปยังฮ่องเต้ที่ประทับอยู่ด้านบน และเมื่อเห็นว่าฝ่าบาทมีสีหน้าที่โกรธเคียงก็คิดว่าเมื่อสักครู่จิตใจของตนนั้นล่องลอยไปนานพอสมควร
ชายหนุ่มกวาดสายตาไปรอบ ๆ ด้วยความรวดเร็ว และเมื่อพบว่าเย่ฮ่าวหรานกำลังมองมาที่ตน สำหรับองค์รัชทายาทและองค์ชายท่านอื่น ๆ ต่างก็มองดูความโชคร้ายของผู้อื่นอย่างสนุกสนาน
เย่ซิวตู๋รู้สึกปวดหัว เดิมทีชายหนุ่มคิดว่าฮ่องเต้นั้นเรียกเขามาพบเพียงผู้เดียว คิดว่าเขาเอ่ยไม่กี่คำแล้วก็จะจากไป คาดไม่ถึงว่าแม้แต่องค์รัชทายาทและคนอื่น ๆ ก็ยังพูดถึงเรื่องนี้อย่างคลุมเครือ เกรงว่าเวลานี้จะไปไหนไม่ได้เสียแล้ว
“เสด็จพ่อโปรดอภัย กระหม่อมเพียงแค่กังวลเกี่ยวกับพิษของน้องเจ็ด โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ได้มาพบบรรดาเหล่าพี่น้องในที่แห่งนี้โดยขาดน้องเจ็ดไปหนึ่งคน ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะมีความรู้สึกบางอย่าง” เย่ซิวตู๋หัวเราะเยาะในใจ ตนนั้นคิดจะหยอกล้อ ไหนมันจะง่ายดายเช่นนี้?
เมื่อฮ่องเต้ได้ยินประโยคนี้ ก็อดที่จะพยักหน้าด้วยความสบายใจ “หาได้ยากนักที่เจ้าจะเห็นใจน้องเจ็ด เราได้ยินมาว่าเจ้าพาหมอปีศาจท่านนั้นมารักษาเย่ฮ่าวถิงแล้ว มีหมอปีศาจผู้นั้นด้วย ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ซิวเอ๋อร์เองก็จะได้พักผ่อนเช่นกัน ”
เย่ฮ่าวหรานหัวเราะขึ้นในความคิด พี่ห้านั้นกล่าวได้อย่างมีชั้นเชิง
ในทางกลับกันองค์รัชทายาทและคนอื่น ๆ เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มนั้นได้รับการชื่มชมแต่ไม่ได้โดนตำหนิ จิตใจของพวกเขาก็คงจะไม่พอใจ
เย่ซิวตู๋ค่อย ๆ พยักหน้า “มีหมอปีศาจอยู่ กระหม่อมเชื่อว่าไม่นานน้องเจ็ดก็จะฟื้นขึ้น”
“ดีแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ก็มาคุยกัยเรื่องเวยเยวี่ยนโหวกัน” ฮ่องเต้กวาดสายตามอง ผู้คนรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว มองดูแต่ละคนที่ไม่กล้าที่จะกล่าวอะไรออกมา จึงไอขึ้นแผ่วเบา “พวกเจ้าคิดว่า ควรจะจัดการเวยเยวี่ยนโหวเช่นไรกันดี?”
ผู้คนต่างก็จ้องมองกันไปมา เรามองเจ้า เจ้ามองเรา ภายในใจของแต่ละคนเองก็รู้ดีว่าฝ่าบาทยังจะไม่จัดการอะไร เพียงแค่ถามความคิดเห็นเท่านั้น แต่ไม่กี่วันก่อนของพวกเขาไม่กี่คนนั้นไม่พอใจเวยเยวี่ยนโหวมาก ภายในใจคิดอยากจะสังหารเขาให้จบ ๆ ไป ถ้าหากว่าการลงโทษนั้นไม่รุนแรงพอ วันข้างหน้าเขาก็มีโอกาสที่จะกลับมาอีกครั้ง และจะไม่มาเป็นศัตรูของตนหรือ?
แต่ว่าเย่ซิวตู๋จะไม่อดทนต่อไป ผู้คนพวกนี้ทำได้แค่เพียงผลัดวันไปเท่านั้น
จะกล่าวอีก เรื่องราวของเวยเยวี่ยนโหวที่ลงมือสังหารอวี้ชิงลั่วและหนานหนาน ชายหนุ่มไม่วางมืออย่างแน่นอน
“เสด็จพ่อ ดูหมิ่นกษัตริย์ เข่นฆ่าผู้คน เดิมทีแล้วถือเป็นการสังหารขุนนางนั้นนับว่าเป็นโทษร้ายแรง”
เมื่อเย่ซิวตู๋เอ่ยปากพูด ฮ่องเต้ก็เริ่มขมวดคิ้วขึ้น เขารู้ดีว่านี่คือแผนการของลูกชายตนเอง และเขาก็แน่วแน่ที่จะไม่ปล่อยเขาไป
องค์ชายคนอื่น ๆ ต่างก็จับจ้องกัน มองสีหน้าของฮ่องเต้ ก่อนหน้านี้ที่แต่ละคนจะเอ่ยอะไร จึงได้หยุดลงทันที
“แต่ท้ายที่สุดแล้วเวยเยวี่ยนโหวนั้นก็เป็นขุนนางคนสำคัญของราชสำนัก หลายปีมานี้เขามีความดีความชอบในการรบ ถ้าหากว่าการลงโทษคือการยึดทรัพย์และสังหารล้างโคตร เกรงว่าจะทำให้เหล่าขุนนางเกรงกลัว” ฮ้องเต้เหลือบตาไปมองเย่ซิวตู๋ ดวงตาของเขาเปี่ยมไปด้วยคำเตือนราวกับว่าเหมือนอยากให้ชายหนุ่มหยุดพูด
เย่ซิวตู๋แสร้งทำเป็นไม่เห็น เขาค่อย ๆ เงยหน้า “เสร็จพ่อเห็นพระทัยเหล่าขุนนาง กระหม่อมเข้าใจดี แต่ถ้าปล่อยเวยเยวี่ยนโหวไปง่าย ๆ ถึงเวลานั้นอำนาจของเขาเพิ่มขึ้นและทำให้เรื่องที่ไม่ดีจะทำเช่นไร?”
“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ” เย่ฮ่าวหรานอยู่ข้างชายหนุ่มเสมอ และเขาเองก็เข้าใจความคิดของเย่ซิวตู๋ ดังนั้นเขาจึงตระหนักขึ้นมาได้ “เสด็จพ่อนึกถึงแต่ความดีของเขา เหตุใดไม่คิดว่าเขาคือคนผิด และคนอื่น ๆ ในจวนของเขาเราก็ขับไล่ไม่ให้กลับมาเหยียบเมืองหลวงอีก เช่นนี้เวยเยวี่ยนโหวจะรู้สึกขอบคุณสำหรับความเมตตาของเสด็จพ่อ”
เมื่อองค์ชายคนอื่น ๆ เห็นเช่นนี้จึงค่อย ๆ เอ่ยสมทบ “เสด็จพ่อทรงเมตตาด้วย”
สีหน้าของฮ่องเต้สงบนิ่ง โดยปกติแล้วเวยเยวี่ยนโหวมีผู้คนไม่ชอบเขามากมายเพียงใด? นึกไม่ถึงเลยว่าแต่ละคนล้วนแต่อยากที่จะสังหารเขา
ฮ่องเต้ขมวดคิ้วด้วยอาการปวดหัวเล็กน้อย ขบเม้มริมฝีปากเอาไว้แน่น
เหมียวกงกงที่เห็นเหตุการณ์ก็มองไปที่ฮ่องเต้ด้วยความกังวล
เสียง ‘ตึง’ ดังขึ้น อย่างไรก็ตามเวลานี้ก็มีเสียงกระแทกกันดังมาจากโต๊ะของฮ่องเต้ เสียงนั้นดังจนทำให้ทั้งห้องตำราหลวงเงียบสงัดขึ้นมา
………………………………………
สารจากผู้แปล
ฮ่องเต้จะจัดการกับเวยเยวี่ยนโหวยังไงกันนะ
ไหหม่า(海馬)