ตอนที่ 257 ไปตายที่ไหนมา
ตอนที่ 257 ไปตายที่ไหนมา
เสียง ‘จี๊ด ๆๆ’ ดังขึ้น ครั้นประตูตู้ถูกเปิดกว้าง หนูตัวใหญ่สองตัวก็วิ่งพล่านออกมาตรงหน้าอวี้ชิงลั่ว
“กรี๊ด…” เยว่ซินตกใจจนสะดุ้งโหยง โชคดีที่อวี้ชิงลั่วมือไวตาไวรีบดึงนางให้ถอยหลังออกมาหลายก้าว จนกระทั่งหนูสองตัวนั้นวิ่งมุดออกจากห้องไป นางจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้วกล่าว “เหตุใดถึงได้ขี้ขลาดเช่นนี้?”
เยว่ซินร่างกายแข็งทื่อ รีบส่ายหน้าพัลวัน “ไม่…ไม่เจ้าค่ะ บ่าวกล้าหาญมาก คุณหนูอย่าเข้าไปเลยเจ้าค่ะ บางทีในตู้นั้นอาจมีทั้งหนูทั้งแมลงสาบยั้วเยี้ยเต็มไปหมด เดี๋ยวคงพุ่งเข้าใส่ตัวคุณหนูเป็นแน่”
อวี้ชิงลั่วมุมปากกระตุกวูบ นางรู้สึกได้ว่าร่างกายตนสั่นเทาเล็ก ๆ เดิมทีนางก็มิได้รู้สึกกลัวอะไร แต่เมื่อถูกอีกฝ่ายพูดเช่นนี้ใส่ ก็แอบรู้สึกขยะแขยงจนขนลุกซู่
นางจึงหันไปถลึงตาใส่เยว่ซินอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าไม่เข้าไป หรือจะให้เจ้าเข้าไป”
“…” เยว่ซินถึงกับสะอึก นางเป็นคนขี้อายและไม่ค่อยกล้าทำอะไร แต่วัตถุประสงค์ที่คุณหนูมายังจวนอวี๋แห่งนี้ก็เพื่อตามหาเบาะแสของแม่นมเก๋อ หากทำไม่สำเร็จมิเท่ากับมาเสียเที่ยวหรอกหรือ?
เยว่ซินถอนหายใจ จู่ ๆ ราวกับนึกอะไรขึ้นได้ นางจึงหมุนกายมุดออกนอกหน้าต่างไปข้างนอกอีกครั้ง
อวี้ชิงลั่วยกมือขึ้นมากอดอกด้วยรอยยิ้ม ราวกับเดาได้ว่านางคิดจะทำอะไร จึงยืนรอนางกลับมาอย่างเงียบ ๆ อยู่ที่เดิม
เพียงไม่นานก็มีเสียงเคลื่อนไหวดังขึ้นจากด้านนอกหน้าต่าง เยว่ซินปีนกลับเข้ามาด้านในพร้อมกับไม้สีดำสองแท่ง นางวิ่งมายืนข้าง ๆ อวี้ชิงลั่วพร้อมกับยื่นไม้ให้หนึ่งแท่ง “คุณหนู ถือสิ่งนี้ไว้นะเจ้าคะ ใช้สิ่งนี้ตีตู้ก่อน เพื่อไล่ให้แมลงที่อยู่ด้านในไต่ออกมา พวกเราค่อยเปิดดูเจ้าค่ะ”
อวี้ชิงลั่วถึงกับกลอกตามองบน ตีให้ไต่ออกมา? แบบนี้ก็ได้ด้วยหรือ? แม้ว่าที่นี่จะอยู่ในสถานที่ที่ค่อนข้างปลีกวิเวก หากส่งเสียงดังเกินไปก็คงมีคนได้ยินได้ง่าย ๆ
นางไม่สนใจความคิดไร้สาระของเยว่ซิน เพียงแต่ใช้ไม้เขี่ย ๆ ไปที่ด้านในตู้ จากนั้นจึงเกี่ยวเสื้อผ้าที่อยู่ด้านในนั้นไปไว้บนเตียง พร้อมกับสำรวจดูอย่างละเอียด
เยว่ซินเอียงศีรษะครุ่นคิด ก่อนจะกระซิบว่า “เสื้อผ้าเหล่านี้มิได้มีอะไรพิเศษ เป็นเสื้อของคนรับใช้ในจวนอวี๋เจ้าค่ะ”
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า หลังจากนั้นก็หันมองไปยังตู้เสื้อผ้าที่ว่างเปล่า ก่อนจะเดินไปที่ข้าง ๆ เตียง หมอนที่อยู่บนหัวเตียงถูกพลิกให้กลับมาอีกด้านหนึ่ง วินาทีต่อมา ผ้าเช็ดหน้าสกปรกผืนหนึ่งก็หล่นลงมาจากขอบเตียง
“นี่คืออะไรกัน?” เยว่ซินหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นขึ้นมา ใช้นิ้วมือลูบพลางกล่าวเสียงเบา “คุณหนู แม้ว่าผ้าเช็ดหน้าผืนนี้จะสกปรก แต่เมื่อลูบดูแล้วกลับรู้สึกลื่นมือมาก บ่าวคิดว่าน่าจะมิใช่ของในจวนอวี๋เจ้าค่ะ”
อวี้ชิงลั่วรับมาถือไว้ เนื้อผ้าของผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ดีมากจริง ๆ ให้ความรู้สึกลื่นนิ้วราวกับเป็นของของผู้มีฐานะ ไม่สิ…บางทีอาจพูดได้ว่าวัสดุของผ้าผืนนี้ ส่วนใหญ่จะใช้อยู่ในกลุ่มเหนียงเหนียง องค์ชาย และองค์หญิงในวัง
ในวัง?
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้วมุ่น แม่นมเก๋อมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนในวัง?
“คุณหนู?” เยว่ซินเห็นนางไม่พูดไม่จา จึงเอ่ยเสียงเรียกด้วยความกังวล
อวี้ชิงลั่วพลันได้สติ ภายในใจเกิดความรู้สึกไม่ดีพรั่งพรูขึ้นมา นางรีบเก็บผ้าเช็ดหน้าและพูดกับอีกฝ่ายว่า “เจ้าเก็บของเหล่านี้กลับไปไว้ที่เดิม เสร็จแล้วจะได้ไปจากที่นี่”
“เจ้าคะ? คุณหนู พวกเราไม่หาต่อแล้วหรือเจ้าคะ?”
“สมบัติของแม่นมเก๋อไม่มีอะไรเลย นอกจากเสื้อผ้าเหล่านี้ก็มีแค่ผ้าเช็ดหน้าที่ดูไม่ธรรมดาแค่ผืนนี้ผืนเดียว ข้าคิดว่านี่คือของที่พวกเราตามหาในวันนี้ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว กลับเถิด มิเช่นนั้นฟางซานคงสงสัยเป็นแน่”
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจออกมา วันนี้เป้าหมายเดียวที่นางมาจวนอวี๋ก็คือตามหาผ้าเช็ดหน้าผืนนี้
นางยังไม่ลืมวัตถุประสงค์หลักที่มาเมืองหลวงแห่งนี้ นางมาที่นี่เพื่อตามหาแม่นมเก๋อ เพียงแต่นางและแม่นมเก๋อรู้จักกันมานานหลายปีขนาดนี้ แต่อีกฝ่ายกลับไม่เคยพูดถึงเรื่องราวในอดีตของตนเองให้ฟัง ไม่ว่าจะเรื่องที่พักอาศัย ครอบครัว หรือแม้กระทั่งญาติพี่น้องและศัตรูของตนเอง
อวี้ชิงลั่วเห็นแม่นมเก๋อไม่กล่าวถึง นางจึงไม่คิดจะถามเช่นกัน ทว่าอีกฝ่ายกลับหายตัวไปอย่างปุบปับเช่นนี้ ทั้งยังหายไปอย่างไร้วี่แวว ด้วยเหตุนี้นางจึงต้องกลับมาจวนอวี๋เพื่อตามหาของที่อยู่ในห้องของแม่นมเก๋อ เพราะบางทีอาจเจอเบาะแสอื่น ๆ
ตอนนี้ ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้จึงเป็นเบาะแสเดียวที่นางจะสามารถตามหาตัวแม่นมเก๋อได้
ทว่าเบาะแสนี้กลับทำให้นางรู้สึกกระสับกระส่าย หากแม่นมเก๋อสบายดี บางทีนางอาจกลับไปอยู่กับครอบครัวในที่ที่เคยจากมา เช่นนั้นอวี้ชิงลั่วย่อมไม่คิดจะเข้าไปรบกวนนางอีก แต่ถ้าแม่นมเก๋อกำลังตกอยู่ในอันตราย นางก็จะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อช่วยแม่นมเก๋อออกมา
อวี้ชิงลั่วถึงกับคลึงหว่างคิ้วอย่างห้ามไม่อยู่ ครั้นเห็นเยว่ซินเก็บของเสร็จแล้ว จึงพยักหน้าและปีนหน้าต่างออกมาอย่างเงียบ ๆ
หลังจากปิดหน้าต่างกลับไปตามเดิมแล้ว เรือนชิงจู๋พลันกลับเข้าสู่ความเงียบสงัดดังเดิม ราวกับไม่เคยมีใครผ่านมาทางนี้
อวี้ชิงลั่วปัดฝุ่นที่เกาะอยู่บนเสื้อผ้าเบา ๆ ก่อนจะเดินกลับไปที่สวนพร้อมกับเยว่ซิน
ทั้งคู่ยังเดินมาไม่ถึงศาลา ก็พบว่าฟางซานกำลังเดินหาด้วยท่าทางกระวนกระวายใจ สีหน้าก็ดูแย่ถึงขีดสุด
อวี้ชิงลั่วผลักเยว่ซินให้เดินนำออกไป เยว่ซินจึงรีบเดินเข้าไปหาฟางซาน
ฟางซานเห็นนางเดินมาเพียงลำพัง ความโกรธจึงพุ่งขึ้นมาโดยพลัน “เยว่ซิน เจ้าไปตายที่ไหนมา…”
“แม่นางฟางซาน ในที่สุดข้าก็หาเจ้าเจอเสียที” เยว่ซินกลับรีบพูดแทรกนาง รีบตะโกนด้วยความร้อนใจ “เมื่อครู่ตอนที่ข้ายกน้ำสาลี่เข้ามาที่ศาลา แต่ไม่เห็นเจ้ากับแม่นางชิง ก็เลยเกิดความร้อนใจ ข้าไปตามหามาทุกที่ แต่หาอย่างไรก็หาไม่เจอ ในที่สุดก็ได้เจอกับเจ้าแล้ว”
ฟางซานชะงัก ขมวดคิ้วถาม “เจ้าหมายความว่า ตอนที่เจ้ายกน้ำสาลี่มาที่นี่ แม่นางชิงก็มิได้อยู่ที่ศาลาแล้วงั้นรึ?”
“ใช่” เยว่ซินกะพริบตาปริบ ๆ ด้วยความสงสัย “เอ๋…เมื่อครู่นี้แม่นางฟางซานไม่ได้อยู่กับแม่นางชิงหรอกหรือ?”
“ข้า…” ฟางซานแอบหน้าเจื่อน จะให้นางบอกว่าตนเองท้องเสียและอยู่แต่ในห้องสุขาได้อย่างไรกัน เรื่องประเภทนี้นางมิอาจบอกเยว่ซินได้ ต่อให้เป็นฮูหยินใหญ่ นางก็มิกล้าพูดเช่นกัน มิเช่นนั้นหากฮูหยินใหญ่ทราบว่าตนเองปล่อยให้แม่นางชิงนั่งอยู่เพียงลำพัง นางคงได้ถูกฮูหยินใหญ่ไล่ออกจากจวนและไม่ได้กลับมาที่นี่อีกเป็นแน่
นางเม้มปากก่อนจะถลึงตาใส่เยว่ซิน แค่นเสียงยิ้มเยาะ “เอาเถอะ ยังไม่รีบไปตามหาอีก หากหาแม่นางชิงไม่เจอ เจ้าก็เตรียมตัวถูกถลกหนังได้เลย”
“อื้อ” เยว่ซินขานตอบก่อนจะหมุนกายเดินออกไป
ทว่าตอนที่เพิ่งจะก้าวเท้าเดินไปได้ไม่กี่ก้าว จู่ ๆ นางก็ตะโกนขึ้นมาว่าด้วยดีใจ “แม่นางชิง”
ฟางซานชะงัก ครั้นหันกลับมาก็เห็นอวี้ชิงลั่วกำลังเดินเข้ามาทางนี้ด้วยท่าทางสง่างาม จึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก้าวเท้าเข้ามาพลางแย้มยิ้มต้อนรับ “แม่นางชิง เมื่อครู่ไปเดินในสวนทางฝั่งนั้นมาหรือเจ้าคะ?
…………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ได้เบาะแสอย่างหนึ่งของแม่นมเก๋อแล้ว ต่อไปจะสืบหาจากที่ไหนอีกนะ
ตอนนี้ทั้งนายบ่าวเข้าขากันดีเหลือเกินค่ะ
ไหหม่า(海馬)