ตอนที่ 260 ข้าเห็นชอบให้เขาไป
ตอนที่ 260 ข้าเห็นชอบให้เขาไป
หลังจากเหมียวกงกงแสดงตนแล้ว จึงมีเด็กรับใช้นำทางเข้าไปด้านใน
เพียงแต่…
เย่ซิวตู๋ไม่อยู่!!!
เหมียวเชียนชิวลอบขมวดคิ้วเล็กน้อย มองเสิ่นอิ่งที่ยืนยิ้มตาหยีอยู่ตรงหน้า เสิ่นอิงกลับมาที่ตำหนักพร้อมกับท่านอ๋องซิวมิใช่รึ? อีกอย่างองครักษ์ทั้งสี่ก็อยู่ที่นี่ เหตุใดพวกเขาถึงไม่รู้ว่าท่านอ๋องไปไหน?
“เหมียวกงกง ฮ่องเต้มีรับสั่งให้ท่านอ๋องเข้าวัง มีเรื่องอะไรรึ?” เสิ่นอิงรินน้ำชาให้เขาพลางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
เหมียวเชียนชิวถอนหายใจ กวาดมององครักษ์ทั้งสี่ด้วยท่าทางระมัดระวัง ครั้นนึกถึงหนานหนานที่ทำให้ฝ่าบาทปวดพระเศียร เขาก็เริ่มส่ายหน้าพลางถอนหายใจ
เสิ่นอิงและคนอื่น ๆ หันสบตากัน ต่างคนต่างรู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์แปลก ๆ ภายในใจ
“เหมียวกงกง ท่านบอกพวกเรามาเถิด รอท่านอ๋องกลับมา พวกเราจะได้รายงานกับท่านอ๋อง”
เหมียวเชียนชิวมองพวกเขาปราดหนึ่ง เขามีความเชื่อมั่นในตัวขององครักษ์ข้างกายของท่านอ๋อง อีกอย่างเรื่องที่หนานหนานจะเข้าร่วมแข่งขันการต่อสู้ ก็มิใช่เรื่องปิดบังอะไร คาดว่าองค์ชายสามคงนำเรื่องนี้ไปแพร่งพรายกับผู้อื่นนานแล้ว
หลังจากครุ่นคิด เขาจึงพูดเสียงเบาว่า “เป็นเรื่องที่หนานหนานจะเข้าร่วมการประลองในการแข่งขันสี่อาณาจักร”
“การประลอง?” เสิ่นอิงถึงกับสูดลมเย็นเข้าปาก คนอื่นไม่เข้าใจ แต่พวกเขาเหล่านี้กลับเข้าใจอย่างแจ่มชัด การเข้าร่วมการแข่งขันนี้ ถือเป็นเรื่องอันตรายถึงชีวิตเชียวนะ
หนานหนานยังเด็กขนาดนั้น เหตุใดฮ่องเต้ถึงอนุญาตให้เขาเข้าร่วมการแข่งขัน? “กงกง เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด จะปล่อยให้เกิดเรื่องกับนายน้อยไม่ได้”
“เรื่องนี้ข้าย่อมทราบดี” เหมียวเชียนชิวเองก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน เขาได้แต่ถอนหายใจแรง ๆ อีกหน จากนั้นจึงเล่าเรื่องที่หนานหนานตกลงกับองค์ชายสามให้พวกเขาฟัง และเขาก็ได้พูดถึงความลำบากใจของฮ่องเต้และข้อเสนอของเย่หลานเฉิงด้วย
เสิ่นอิงได้ยินตั้งแต่ต้นจนจบ เขาจึงเข้าใจได้ว่าคนที่จะตัดสินใจเรื่องนี้คือท่านอ๋องของพวกเขา ดังนั้นเขาเลยพยักหน้าและถอนหายใจอย่างโล่งอก “เช่นนั้นก็ดี หากท่านอ๋องเป็นคนออกหน้า เรื่องนี้ย่อมจัดการได้ง่าย”
เหมียวเชียนชิวพยักหน้า ก้มหน้าจิบน้ำชาอีกหนึ่งคำ ครั้นเห็นว่าท้องฟ้าด้านนอกมืดแล้ว เขาจึงลุกขึ้นและกล่าวว่า “ข้าต้องกลับวังแล้ว หากท่านอ๋องซิวกลับมา รบกวนพวกท่านช่วยบอกท่านอ๋องด้วยว่าฝ่าบาทมีรับสั่งให้เข้าเฝ้า โปรดรีบเดินทางเข้าวังโดยเร็วที่สุด เอ่อ…เกี่ยวกับเรื่องของหนานหนาน พวกท่านช่วยโน้มน้าวใจท่านอ๋องด้วย อย่าได้รับปากเรื่องนี้เป็นอันขาด นี่คือพระประสงค์ของฝ่าบาท”
เหมียวเชียนชิวพูดด้วยความจริงใจ ในฐานะผู้เป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดิ ก็ถือว่าเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งภายในวังเช่นกัน นอกจากจักรพรรดิแล้ว แม้แต่เหนียงเหนียงภายในวัง เขาก็ไม่เคยแสดงท่าทีถึงขั้นนี้
เพียงแต่เขาเป็นคนฉลาด ย่อมทราบดีว่าฮ่องเต้ให้ความสำคัญกับใคร ดังนั้นทัศนคติที่เขามีต่อคนในตำหนักอ๋องย่อมดีเยี่ยม
เสิ่นอิงพยักหน้ารัว ๆ “ขอให้เหมียวกงกงเดินทางกลับอย่างปลอดภัย เรื่องนี้พวกเราจะรายงานกับท่านอ๋องอย่างละเอียด”
“ตกลง เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” เหมียวเชียนชิวไม่กล้าล่าช้า เขาใช้เวลาเพียงหนึ่งถ้วยชาอุ่นก็รีบขึ้นรถม้า เดินทางกลับวังในทันที
เสิ่นอิงและคนอื่น ๆ หันสบตากัน มุมปากถึงกับกระตุก
หลังจากเงียบขรึมอยู่นาน ในที่สุดโม่เสียนก็เสนอความคิดทำลายความเงียบขึ้นว่า “เรื่องนี้ พวกเราควรไปบอกแม่นางอวี้ดีหรือไม่? จากนิสัยของหนานหนาน ตอนนี้คงมีแค่แม่นางอวี้ที่จะจัดการได้ ข้ากังวลว่าต่อให้ท่านอ๋องไปพูด ก็อาจจะโน้มน้าวใจเขาไม่ได้”
แม้ว่าหนานหนานจะตกลงกับเย่หลานเฉิงว่าจะฟังคำพูดของท่านอ๋อง แต่เด็กคนนั้นก็มักจะกลับคำอยู่บ่อย ๆ ใครจะไปรู้ว่าท้ายที่สุดเขาจะเชื่อฟังหรือไม่
เหวินเทียนและเผิงอิงหันสบตากัน ออกแรงพยักหน้า “ถูกต้อง ต้องบอกแม่นางอวี้”
หลังจากพวกเขาปรึกษากัน ก็รีบเดินไปที่เรือนของอวี้ชิงลั่ว
อวี้ชิงลั่วเพิ่งกลับมาจากจวนอวี๋ได้ไม่นาน ตอนนี้นางอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามาเอนกายอยู่บนเตียงและสั่งให้เยว่ซินเตรียมอาหารค่ำแล้ว
ครั้นได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านนอก อวี้เป่าเอ๋อร์ที่กำลังก้มหน้าก้มตาเขียนหนังสือก็รีบลุกขึ้น เดินออกไปดูข้างนอก เพียงไม่นานก็วิ่งกลับมากระซิบที่ข้าง ๆ เตียงว่า “ท่านพี่ พวกอาจารย์มาขอรับ”
“โม่เสียน?” อวี้ชิงลั่วลืมตาพลางเอ่ยถาม
อวี้เป่าเอ๋อร์พยักหน้า ยกนิ้วขึ้นมานับ ก่อนจะตอบด้วยท่าทางสงสัย “มากันทั้งสี่คนเลย สีหน้าดูเคร่งเครียดกันมาก ดูเหมือนจะมีธุระสำคัญ”
อวี้ชิงลั่วได้ยินเขาเปรียบเปรยก็หลุดขำออกมา พยักหน้าลุกขึ้นมานั่งบนเตียงพร้อมกับยกแขนบิดขี้เกียจ
“เจ้าฝึกเขียนต่อเถิด ข้าจะออกไปดูเอง”
“ขอรับ” อวี้เป่าเอ๋อร์แย้มยิ้มและวิ่งกลับไปนั่งข้าง ๆ โต๊ะ ก้มหน้าก้มตาฝึกเขียนด้วยลายมือขยุกขยิก แม้แต่ตนเองก็หลุดขำออกมา
ดีจริง ๆ…ได้มาอยู่กับท่านพี่ราวกับกำลังฝันเลย
อวี้ชิงลั่วก้มหน้าจัดแต่งเส้นผมเล็กน้อย จากนั้นจึงใช้ที่ติดผมจัดแต่งเส้นผมให้เรียบร้อยและเดินออกจากห้องนอนไป
ทั้งสี่คนยืนอยู่ด้านนอกด้วยท่าทางเคร่งเครียดจริง ๆ ทำท่าทางราวกับฟ้ากำลังจะถล่มอย่างไรอย่างนั้น
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้ว หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเย่ซิวตู๋? หรือว่าเขาจะถูกลอบสังหารเพราะไม่มีผู้อารักขาติดตามไปด้วย?
“แม่นางอวี้” ทันทีที่เหวินเทียนเห็นนาง เขาก็ช้อนสายตาขึ้น ทว่าเมื่อได้เห็นเส้นผมที่ดูมีความเป็นเอกลักษณ์ในรูปแบบที่ต่างไปจากเดิม คิ้วพลันเลิกขึ้น ทั้งยังแอบรู้สึกหน้าแดงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
อวี้ชิงลั่วยกมือขึ้นมากอดอกและมองหน้าพวกเขา หรี่ตาลงและคาดเดาถึงเรื่องที่เลวร้ายที่สุด “เย่ซิวตู๋ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนมิอาจรักษาได้รึ?”
“…”
โม่เสียนและคนอื่น ๆ ถึงกับอ้าปากค้าง เดิมทีคิดจะเล่าถึงสิ่งที่รู้เกี่ยวกับหนานหนานให้นางฟัง ทว่าคำพูดของนางกลับทำให้คำพูดเหล่านั้นถูกกลืนกลับไป แม่นางอวี้กำลังคิดอะไรอยู่ จะเกิดปัญหากับนายท่านของพวกเขาง่าย ๆ เช่นนั้นเลยหรือ?
อวี้ชิงลั่วเห็นพวกเขาไม่ตอบ จึงพยักหน้าด้วยท่าทางนิ่งสงบ จากนั้นเลือกเก้าอี้นั่งลงพลางเอ่ยถามว่า “ในเมื่อเย่ซิวตู๋ไม่ได้บาดเจ็บสาหัส เหตุใดพวกเจ้าถึงทำหน้าทำตาเช่นนี้?”
“แม่นางอวี้ เมื่อครู่เหมียวกงกงมาที่นี่” เสิ่นอิงก้าวเท้ามาด้านหน้าหนึ่งก้าว พร้อมกับรินน้ำให้นางด้วยท่าทางประจบประแจง
อวี้ชิงลั่วจิบน้ำชาหนึ่งคำ เหมียวกงกง…กงกงคนนั้นคือคนรับใช้ข้างกายฮ่องเต้ไม่ใช่หรือ?
เสิ่นอิงรวบรวมคำพูด ก่อนจะอธิบายเกี่ยวกับเรื่องที่เหมียวกงกงมาที่นี่อย่างละเอียด เขาอธิบายถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างการต่อสู้ การตัดสินใจของหนานหนาน แผนการขององค์ชายสาม รวมถึงพระประสงค์ของฮ่องเต้
อวี้ชิงลั่วฟังตั้งแต่ต้นจนจบอย่างเงียบ ๆ หลังจากจิบน้ำไปสองแก้ว ผ่านไปครู่ใหญ่จึงกะพริบตาปริบ ๆ เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจว่า “เหมียวกงกงผู้นั้นให้พวกเจ้าไปถามท่านอ๋องของพวกเจ้ามิใช่หรือ? เหตุใดถึงมาถามข้า?”
“พวกเราคิดว่าหนานหนานน่าจะเชื่อฟังคำพูดของแม่นางอวี้มากกว่า”
“แบบนี้นี่เอง” อวี้ชิงลั่วพยักหน้าและเงียบไปอีกครู่หนึ่ง จู่ ๆ ก็เงยหน้าแย้มยิ้ม “ข้าเห็นชอบที่จะให้หนานหนานไปเข้าร่วมการประลอง”
“อึก…” เสิ่นอิงและคนอื่น ๆ ถึงกับยืนไม่ตรง พวกเขาเบิกตาโตมองนางราวกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“แม่…แม่นางอวี้ อาจเป็นเพราะท่านยังไม่ได้ฟังการเดิมพันเกี่ยวกับการต่อสู้นี้อย่างชัดเจน ข้าน้อยจะอธิบายให้ท่านฟังอีกสักครั้ง”
อวี้ชิงลั่วส่ายหน้า “ข้าฟังจนเข้าใจแจ่มชัดแล้ว ก็แค่…”
“พวกเจ้ามาทำอะไรกันที่นี่?” ยังไม่ทันพูดจบ จู่ ๆ ด้านหลังก็มีเสียงที่แฝงด้วยความขุ่นเคืองดังขึ้น
ครั้นทุกคนหันกลับไปมอง ก็พบว่าเย่ซิวตู๋กำลังยืนมองพวกเขาด้วยใบหน้าบึ้งตึง
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มาเสียเที่ยวแล้วสี่หนุ่ม คิดว่าคนเป็นแม่จะห้ามลูกแต่กลับให้ลูกไปร่วมงานประลองเฉย
ไหหม่า(海馬)