ตอนที่ 272 ฟื้นแล้ว
อวี้เป่าเอ๋อร์และเย่หลานเฉิงถึงกับตกตะลึง หนีออกจากบ้าน???
พวกเขาทั้งคู่รีบก้าวเท้ามาด้านหน้าเพื่อจับตัวหนานหนานไว้ ทว่าเด็กน้อยกลับวิ่งหนีออกไปอีกด้านหนึ่ง ออกจากโถงบุปผามุ่งหน้าไปยังห้องของอวี้ชิงลั่ว
อวี้ชิงลั่วยังคงงัวเงีย เมื่อหนานหนานเปิดประตูห้อง หลังจากถอดรองเท้าได้ก็ปีนขึ้นไปอยู่บนตัวของอวี้ชิงลั่ว
“ท่านแม่ตื่น ๆ ข้าจะบอกอะไรให้นะ มีคนมารังแกข้าด้วย แม้ว่าคนคนนี้จะมีเงิน มีอำนาจ มีรูปร่างสูงและหล่อเหลา ทั้งยังเป็นชายหนุ่มรูปงาม อ่อนโยน สง่าผ่าเผย ฉลาดปราดเปรื่องจากภายในสู่ภายนอกดั่งมัจฉาจมวารี ปักษีตกนภา จันทร์หลบโฉมสุดา มวลผกาละอายนางเหมือนกับหนานหนาน…เอ๋…พูดผิดแล้ว…”
อวี้เป่าเอ๋อร์ที่เดินตามเข้ามาถึงกับเกิดเส้นสีดำขึ้นเต็มหน้า หนานหนานจะเข้ามาฟ้องไม่ใช่เหรอ? เหตุใดถึงได้ดูเหมือนกับกำลังชื่นชมท่านอ๋องและถือโอกาสเยินยอความงามของตนเองไปด้วยเล่า?
ทั้งยัง…ใช้สำนวนมั่วซั่วไปหมด
“ท่านแม่ ข้าคือลูกชายของท่านแม่ถูกต้องหรือไม่ ข้ารู้ว่าท่านแม่รักข้ามาก ดังนั้นท่านแม่รีบฟื้นขึ้นมานะ ฟื้นขึ้นมาช่วยแก้แค้นให้หนานหนาน”
หนานหนานพูดจ้อไม่หยุด เป็นเพราะเขากิ่นอิ่มไปครึ่งท้องแล้ว ตอนนี้จึงมีเรี่ยวแรงขึ้นมา
เพียงแต่เขาเรียกอยู่ครู่หนึ่ง คนบนเตียงก็ยังไม่รู้สึกตัว ไม่ได้มีทีท่าว่าจะฟื้นแม้แต่น้อย
หนานหนานรู้สึกประหลาดใจ จึงเอียงศีรษะสำรวจอวี้ชิงลั่วที่กำลังนอนหลับตา มองอยู่ครึ่งค่อนวันก็ยังไม่เห็นสิ่งผิดปกติใด ๆ หลังจากหยุดครุ่นคิด จึงโบกมือเรียกเย่หลานเฉิงและอวี้เป่าเอ๋อร์เข้ามา
“นี่…เสี่ยวเฉิงเฉิง เสี่ยวเป่าเอ๋อร์ พวกเจ้าดูสิ ข้าพูดเสียงดังขนาดนี้ท่านแม่ยังไม่ยอมฟื้นเลย”
อวี้เป่าเอ๋อร์มีใบหน้าดำอึมครึม เขาเคยแก้คำเรียกกับหนานหนานไปแล้วว่าให้เรียกเขาว่า ‘ท่านน้า’ มิใช่รึ?
ทว่าแม้จะคิดเช่นนี้ เขาและเย่หลานเฉิงก็ยังเดินตามกันมาที่ข้างเตียงของอวี้ชิงลั่วอยู่ดี
หนานหนานกระโดดลงมาจากเตียงแล้ว เขาย่อตัวลงข้างเตียงพร้อมกับออกแรงจ้องอวี้ชิงลั่ว
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง จึงตะโกนข้างหูของนาง “ท่านแม่…ท่านแม่…ท้องฟ้าสว่างแล้วนะ”
“ท่านแม่…ท่านแม่…มีของอร่อยมาเยอะแยะเลย”
“ท่านแม่…ท่านแม่…มีเครื่องดื่มอร่อย ๆ มาเยอะแยะเลย”
“ท่านแม่…ท่านแม่…หนานหนานถูกลักพาตัวแล้ว”
เย่หลานเฉิงและอวี้เป่าเอ๋อร์ถึงกับเบือนหน้าอย่างเงียบ ๆ หนานหนาน ท่านน้าชิงไม่เหมือนกับเจ้าสักหน่อย…จริง ๆ เลย!!!
หนานหนานเรียกอยู่หลายครั้งจนคอเริ่มแห้งแล้ว ในที่สุดจึงหยุดลง จากนั้นเขาก็หันกลับมาพูดกับทั้งสองคนที่ยืนอยู่ด้วยท่าทางจริงจังอย่างมาก “พวกเจ้าดูสิ ข้าเรียกอย่างไร ท่านแม่ก็ไม่ยอมตื่น ท่านพ่อบอกว่าท่านแม่นอนอยู่ ข้าว่าท่านพ่อต้องโกหกข้าเป็นแน่”
“หนานหนาน ท่านอาห้าไม่โกหกใครหรอก พวกเราปล่อยให้ท่านน้าชิงพักผ่อนให้เต็มที่เถอะ อย่าได้รบกวนท่านน้าชิงเลย” เย่หลานเฉิงเชื่อคำพูดของเย่ซิวตู๋อย่างมาก
ทว่าหนานหนานไม่เหมือนกับเขา เพราะหนานหนานเป็นคนกล้าหาญมาแต่ไหนแต่ไร และมีความคิดพิสดารเป็นพิเศษด้วย
เขาไม่ยอมไป ส่ายหน้าพลางยกมือลูบคางด้วยท่าทางราวกับเป็นผู้ใหญ่ตัวน้อย
“ข้าคิดว่าท่านแม่ต้องป่วยหนักเป็นแน่ วันนี้ท่านพ่อก็ทำตัวดูผิดปกติด้วย พวกเจ้าดูสิ ไม่เพียงแต่ทารุณข้าไม่ยอมให้ข้ากินข้าว แถมยังหลอกข้าว่าท่านแม่นอนอยู่ด้วย อืม…ไม่ได้การล่ะ ข้าต้องช่วยท่านแม่”
ระหว่างที่หนานหนานพูด จู่ ๆ เขาก็ลุกขึ้นยืนข้างเตียง ก่อนจะกระโจนขึ้นไปรื้อกระเป๋ายาของอวี้ชิงลั่ว
อวี้เป่าเอ๋อร์และเย่หลานเฉิงถึงกับสูดลมเย็นเข้าปาก ตอนที่เห็นหนานหนานดึงใบมีดออกมาก็รู้สึกได้ถึงสถานการณ์ไม่สู้ดี
ทั้งคู่รีบเข้ามาขวางหนานหนาน “หนานหนาน หากเจ้าสงสัยว่าท่านน้าชิงป่วยจริง ๆ พวกเราก็ไปเชิญหมอในจวนมาดูอาการท่านน้าชิงเถอะ เจ้าอย่าลงมือทำอะไรด้วยตนเองเลย”
“นั่นสิ หนานหนาน ท่านพี่ไม่ได้มีอาการร้ายแรงอย่างที่เจ้าคิดหรอก เจ้าดูสิ สีหน้าของท่านพี่ก็ยังดีอยู่เลย ลมหายใจก็ปกติมาก คาดว่าคงหลับลึกก็เท่านั้นเอง”
หนานหนานเหลือบมองพวกเขาปราดหนึ่ง “พวกเจ้าไม่เข้าใจหรอก โอ๊ย ออกไปก่อน ๆ ถึงอย่างไรข้าก็อยู่กับท่านแม่มานาน อย่าว่าแต่ทักษะทางการแพทย์ระดับสูงเลย ต่อให้เป็นความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ ข้าก็ยังเก่งกว่าหมอในตำหนักอ๋องอยู่ดี”
ระหว่างที่พูดก็มองมีดที่อยู่ในมือ เขารู้สึกได้ว่าสิ่งนี้ไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไรนัก หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงโยนมีดทิ้งลงบนพื้น
จากนั้นเขาก็พลิกหาของในกระเป๋ายาอีกหน และหยิบคีมหนีบขนาดเล็กอันหนึ่งออกมา
“ลองใช้อันนี้ดูก็แล้วกัน” หนานหนานคิดอยากจะทดลอง สิ้นสุดเสียงพูด หนานหนานก็ใช้คีมขนาดเล็กหนีบลงบนนิ้วมือของอวี้ชิงลั่วแรง ๆ ทั้งยังออกแรงกดอีกสองครั้ง
ยังไม่ตื่น?
หนานหนานก้มหน้าลง ครานี้เริ่มหากรรไกร ทว่าสิ่งนี้ไม่ได้มีประโยชน์เขาจึงโยนทิ้งไปบนพื้นอีกหน
ท้ายที่สุดเขาก็ส่งเสียงหัวเราะคิกคักไม่หยุด พร้อมกับหยิบเข็มเงินออกมาสองสามเล่ม
อวี้เป่าเอ๋อร์และเย่หลานเฉิงถึงกับตกใจ ทั้งคู่มิใช่คู่ต่อสู้ของหนานหนานและไม่มีปัญญาห้ามเขา จึงรีบวิ่งออกไปเรียกให้คนมาช่วย
หนานหนานหันกลับไปมองพวกเขาปราดหนึ่งด้วยท่าทางดูหมิ่น จริง ๆ เลย ไม่ได้มีความเชื่อมั่นในทักษะทางการแพทย์ของหมอเทวดาหนานหนานเลยสักนิด
ระหว่างที่คิด เขาก็ใช้เข็มเงินที่หยิบขึ้นมาทิ่มลงบนร่างกายของอวี้ชิงลั่ว
“ซี๊ด…” อวี้ชิงลั่วดีดตัวขึ้นมานั่งในทันที นางส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะดึงเข็มเงินเข็มนั้นออกมา
ครั้นจ้องมองตำแหน่งที่เข็มเงินปักลงไป ก็รีบเงยหน้ามองหนานหนานที่แสดงสีหน้าเป็นผู้บริสุทธิ์ ดวงตาหรี่ลง “มีความสามารถจริง ๆ นะ รู้จักแทงเข็มแล้วรึ? อะไรกัน นี่คิดจะสืบทอดอาชีพของแม่แล้วรึ?”
หนานหนานถอยหลังออกไปหนึ่งก้าวพร้อมกับยิ้มเจื่อน ค่อย ๆ ถอยออกไปทีละน้อย ทว่าปากกลับอธิบายอย่างจริงจังว่า “ท่านแม่ ท่านต้องเชื่อข้านะ อันที่จริงข้าเข้าใจแค่นิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นแหละ ท่านดูสิ ก่อนหน้านี้ท่านก็ช่วยแทงเข็มแทนคนอื่นแบบนี้ ข้าเองก็ยืนดูอยู่ตลอดนี่นา เหอะ ๆ…เหอะ ๆ”
“คุณหนู…” เยว่ซินถูกเย่หลานเฉิงและอวี้เป่าเอ๋อร์ดึงให้วิ่งเข้ามาด้วยความรีบร้อน ครั้นเห็นอวี้ชิงลั่วลุกขึ้นมานั่ง และไม่เห็นว่ามีเลือดตกยางออกอะไร จึงถอนหายใจช้า ๆ อย่างความโล่งอก
อวี้ชิงลั่วเหลือบมองนางปราดหนึ่ง ก่อนจะหันมาหรี่ตาใส่หนานหนาน
หนานหนานมองเพดาน ทว่าเท้ากลับค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปด้านหลังเยว่ซิน ปากก็บ่นพึมพำว่า “ท่านแม่ จะมาโทษข้าก็ไม่ถูกนะ ใครใช้ให้ท่านพ่อโกหกกันล่ะ ท่านพ่อบอกว่าท่านแม่แค่นอนหลับ แต่ข้าเรียกยังไงท่านแม่ก็ไม่ยอมตื่น”
เย่ซิวตู๋???
อวี้ชิงลั่วร่างแข็งทื่อ นิ้วมือสัมผัสเข้ากับริมฝีปากที่ยังรู้สึกปวดแสบปวดร้อน และนางก็นึกถึงกระบวนมืออันรวดเร็วฉับพลันของเขาที่ทำให้นางหมดสติไป คิ้วพลันขดขมวดเข้าหากัน ความโกรธเริ่มไต่ระดับขึ้นทีละน้อย
นางเลิกผ้าห่มที่คลุมตัวออก หันไปถามหนานหนานว่า “เย่ซิวตู๋ล่ะ?”
“ท่านพ่อ?” หนานหนานส่ายหน้า “ไม่รู้สิ”
เยว่ซินตอบอย่างจริงใจและมีความสุขว่า “อ๋อ ท่านอ๋องอยู่ที่ห้องตำราเจ้าค่ะ เขา…” กำลังพูดคุยกับเสนาบดีฝ่ายขวา
เยว่ซินอ้าปากค้าง มองดูอวี้ชิงลั่วที่พุ่งตัวออกจากห้องเดินไปยังทิศเดียวกับห้องตำรา แอบถอนหายใจ นางยังพูดไม่จบเลยนะ…
อวี้ชิงลั่วเม้มปากด้วยความโกรธเคืองอย่างยิ่งยวด เบาะแสถูกเย่ซิวตู๋ทำลายไปแล้ว ริมฝีปากก็ถูกเขากัดจนแตก ท้ายที่สุดยังมีหน้ามาทำให้นางหมดสติไปอีกงั้นรึ?
อวี้ชิงลั่วยิ้มเยาะครั้งแล้วครั้งเล่า สาวเท้าอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งมาหยุดที่หน้าประตูห้องตำราของเย่ซิวตู๋ จึงสูดหายใจเข้าลึก ๆ
โม่เสียนและเสิ่นอิงที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้าประตูหันสบตากัน ภายในใจลอบอุทานว่า ‘ซวยแล้ว’ ทั้งคู่รีบก้าวเท้าลงมาจากขั้นบันไดและวิ่งเข้ามาหานาง
“แม่นางอวี้ ท่านอ๋องกำลัง…”
“ปึก”
……………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
โอยไอเด็กแสบหนานหนาน ไปเรียนรู้วิธีแทงเข็มมาจากท่านแม่ตอนไหน
ท่านอ๋องเตรียมรับพายุโทสะจากชิงลั่วได้เลยค่ะ หลายคดีเลยนะ
ไหหม่า(海馬)