ตอนที่ 279 เจ้าทายสิว่าข้าไปเห็นอะไรมา
ตอนที่ 279 เจ้าทายสิว่าข้าไปเห็นอะไรมา
จินหลิวหลีหรี่ตามองอวี้ชิงลั่วด้วยความสงสัย นางยื่นมือทั้งสองข้างออกมาด้วยท่าทางลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรับกล่องใบนั้นไป นางรู้สึกได้ว่าเรื่องที่อวี้ชิงลั่วจะให้นางไปทำต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดาเป็นแน่
“เจ้า…เจ้าจะให้ข้าทำอะไร?”
“นำสิ่งนี้ไปให้เสนาบดีฝ่ายขวาแทนข้า บอกเขาว่าให้กินยาเม็ดสีขาวที่อยู่ในนี้วันละหนึ่งครั้ง ส่วนยาเม็ดสีเหลืองให้กินวันละสามครั้ง”
จินหลิวหลีแทบจะโยนกล่องใบนั้นออกไป นางขมวดคิ้ว ยกมือขึ้นมาทาบลงบนหน้าผากของอวี้ชิงลั่วอย่างช้า ๆ มุมปากกระตุกพลางเอ่ยถามว่า “ตัวเจ้าก็ไม่ได้ร้อน โม่เสียนนำคำพูดของเย่ซิวตู๋มาบอกเจ้าแล้วมิใช่รึ? หากเจ้ากล้ารักษาเสนาบดีฝ่ายขวา ตลอดทั้งชีวิตนี้ก็อย่าได้หวังว่าจะได้รู้ที่อยู่ของแม่นมเก๋อ เจ้าแน่ใจแล้วรึว่าจะยอมเสื่ยงอันตรายเช่นนี้?”
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้ว น้ำเสียงทุ้มต่ำลงหลายส่วน “ดังนั้น ข้าถึงได้ฝากให้เจ้าไปจัดการเรื่องนี้ ข้าเชื่อฝีมือของเจ้า เจ้าต้องส่งมอบของไปถึงมือของหลีจื่อฟานได้โดยที่ไม่มีใครรู้ และตอนที่เจ้ากลับมาก็อย่าให้คนในตำหนักอ๋องรู้เป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่หืม?”
“อวี้ชิงลั่ว เจ้า…เจ้านี่มันจริง ๆ เลย…อย่าบอกนะว่าเจ้าชอบเสนาบดีฝ่ายขวาจริง ๆ เจ้ากับเขามีความรักต่อกันมากขนาดนั้นจริง ๆ รึ? ก่อนหน้านี้มีคนตายต่อหน้าเจ้า เจ้าเพียงแค่ยืนมองอยู่ข้าง ๆ โดยไม่แม้แต่จะกะพริบตาด้วยซ้ำ ตอนนี้เจ้ากลับใส่ใจเสนาบดีฝ่ายขวาถึงเพียงนี้”
นางคิดไว้อยู่แล้วเชียว วันนี้ตนไม่ควรวิ่งมาถึงตำหนักอ๋องเพื่อยุ่งเรื่องวุ่นวายนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต ตอนนี้เป็นเช่นไรเล่า เป็นไปตามที่อวี้ชิงลั่วต้องการพอดิบพอดีเลย
“จินหลิวหลี หากเจ้าว่างมากก็ลองคิดดูสักหน่อยว่าจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับเย่ฮ่าวหรานให้ข้าฟังเมื่อใด เรื่องอื่นไม่ต้องไปคิดแล้ว” อวี้ชิงลั่วเหลือบมองอีกฝ่าย ยื่นมือออกไปดันเอวของจินหลิวหลี “เอาล่ะ รีบไปซะ หากช้ากว่านี้หลีจื่อฟานคงได้ตายจริง ๆ”
จินหลิวหลีถลึงตามองอวี้ชิงลั่วด้วยความโกรธเคือง ก่อนจะเก็บกล่องใบเล็กอย่างไม่เต็มใจ จากนั้นก็ออกจากตำหนักอ๋องซิวอย่างเงียบ ๆ เหมือนกับตอนที่นางมา
อวี้ชิงลั่วกลับมานั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง ก่อนจะขมวดคิ้วมองท้องฟ้าที่อยู่ด้านนอก
นางไม่ได้ใส่ใจหลี่จื่อฟานจริง ๆ และไม่ได้มีจิตใจที่เมตตาต่อเขาด้วย
เพียงแต่ ถึงอย่างไรหลีจื่อฟานก็เคยเป็นบุรุษที่ชอบอวี้ลิงลั่วคนเก่ามากที่สุด ในเมื่อนางครอบครองร่างของอวี้ชิงลั่วคนเก่าจนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง นางก็ต้องช่วยเหลือเจ้าของร่างคนเดิมสักหน่อย
นางเข้าใจเกี่ยวกับอาการป่วยของหลีจื่อฟานไม่มาก แต่ตอนที่จับชีพจรในระยะเวลาสั้น ๆ นั้นก็ทำให้นางตกใจกับร่างกายที่เสื่อมโทรมของเขาแล้ว
ไปเจอกับอะไรมากันแน่ ร่างกายของเขาถึงได้เลวร้ายขนาดนี้?
อวี้ชิงลั่วกำมือเล็กน้อย สำหรับหลีจื่อฟาน ถึงอย่างไรนางก็อยากทำให้ดีที่สุด
โชคดีที่วันนี้จินหลิวหลีมาได้ทันเวลาพอดี ยานั้นที่ให้นางนำไปมอบให้ เย่ซิวตู๋ก็ไม่มีทางรับรู้ หากนางเดาไม่ผิด การกระทำของเย่ซิวตู๋ในวันนี้ก็ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่หลีจื่อฟาน
ดวงตะวันค่อย ๆ เคลื่อนคล้อย จินหลิวหลีออกไปครึ่งวันแล้ว ตอนที่อวี้ชิงลั่วสั่งให้เยว่ซินไปเตรียมอาหารค่ำ จินหลิวหลีก็กลับมาอีกครั้ง
ทันทีที่เข้ามาด้านในประตู นางก็กระซิบข้างหูอวี้ชิงลั่วอย่างลึกลับ “เจ้าเดาสิ ตอนที่ข้าเพิ่งไปถึงจวนเสนาบดีฝ่ายขวา ข้าเจออะไรมา?”
อวี้ชิงลั่วไล่เยว่ซินที่กำลังเงี่ยหูฟังมาทางฝั่งนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น จนกระทั่งนางเดินออกไป จึงถามจินหลิวหลีอย่างไว้หน้า “เห็นอะไรมารึ?”
“อวี้ชิงโหรวน่ะสิ” จินหลิวหลีคลี่ยิ้มมุมปาก ครั้นนึกถึงฉากด้านนอกจวนเสนาบดีฝ่ายขวาเมื่อครู่ นางก็อารมณ์ดีขึ้นมาในทันที
นางเห็นอวี้ชิงโหรวก็รู้สึกไม่ถูกชะตามานานมากแล้ว หากมิใช่เพราะช่วงนี้ยุ่งอยู่กับการหลบหน้าเย่ฮ่าวหรานมาโดยตลอด นางคงได้ลงมือสั่งสอนอวี้ชิงโหรวให้หนักเป็นแน่ คิดไม่ถึงว่าจะกล้าวางแผนเพื่อทำร้ายอวี้ชิงลั่ว นี่ไม่เท่ากับใช้ชีวิตจนเบื่อหรอกหรือ?
อวี้ชิงลั่วชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะตระหนักขึ้นได้ทันใด
ก็จริง อวี้ชิงโหรวปรากฏตัวที่จวนเสนาบดีฝ่ายขวาก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผลจริง ๆ สองแม่ลูกเฉินจีซินต่างก็คิดว่าหลีจื่อฟานคงแต่งงานกับอวี้ชิงโหรวมาโดยตลอด เอาแต่เฝ้ามองตาเป็นมันตลอดทั้งวัน ทั้งยังไปพูดกับแวดวงสตรีสูงศักดิ์ของเมืองหลวงอย่างมั่นอกมั่นใจ ท่าทางเย่อหยิ่งนั้นทำให้สตรีชั้นสูงจำนวนไม่น้อยถึงกับจนปัญญา ถึงอย่างไรเสนาบดีฝ่ายขวาก็มีท่าทีที่ดีต่อจวนอวี้จริง ๆ
ทว่าตอนนี้ภายในเมืองหลวงกลับมีข่าวลือว่าแม่นางชิงหมอปีศาจกำลังจะเป็นฮูหยินของท่านเสนาบดี พูดกันเป็นตุเป็นตะราวกับเป็นเรื่องจริง สิ่งนี้จะให้สองแม่ลูกเฉินจีซินข่มความโกรธเอาไว้ได้อย่างไรกัน? แม้แต่อวี้ชิงโหรวที่มั่นใจในตนเองและนิ่งสงบมาโดยตลอด ก็ยังเกรงว่าคงนั่งไม่ติดเช่นกัน
จินหลิวหลีรินน้ำให้ตนเองหนึ่งแก้ว มองอวี้ชิงลั่วที่ครุ่นคิดแต่ก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะเอ่ยถาม จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “ข้าจะบอกอะไรให้ อวี้ชิงโหรวผู้นั้นทำตัวน่าเวทนานัก แถมยังทำเป็นสะอึกสะอื้นด้วย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจะน่าเวทนาขนาดไหน ข้าเห็นผู้อารักขาจวนเสนาบดีฝ่ายขวาต่างก็ทนไม่ไหว แต่ต่อให้ทนไม่ไหว ก็ไม่มีใครยอมให้นางก้าวเท้าเข้าไปด้านในประตูจวนแม้แต่ก้าวเดียว”
“ไม่ให้นางเหยียบเข้าไปในจวนเสนาบดีฝ่ายขวา เหตุใดเจ้าถึงได้มีความสุขเช่นนั้น? ตอนนี้เสนาบดีฝ่ายขวาป่วย เกรงว่าคงไม่ได้มีแค่อวี้ชิงโหรวหรอก ไม่ว่าใครก็ถูกปฏิเสธให้อยู่ข้างนอกประตูกันทั้งนั้น” อวี้ชิงลั่วหัวเราะเบา ๆ นางรู้สึกได้ว่า ช่วงนี้ดูเหมือนว่าจินหลิวหลีจะใช้ชีวิตไม่ค่อยราบรื่นเท่าไรนัก ดังนั้นแค่เห็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ก็ทำให้นางมีความสุขขึ้นมาจนอยู่ในสภาพเช่นนี้แล้ว
“ข้ายังพูดไม่จบเลย” จินหลิวหลีตีนางด้วยความไม่พอใจ “อันที่จริง พวกนางถูกปฏิเสธอยู่ด้านนอกประตูก็ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจใหญ่โตอะไรหรอก ปัญหาก็คือ องครักษ์คนนั้นไปเชิญพ่อบ้านออกมา เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนที่พ่อบ้านออกมาเขาพูดว่าอะไร?”
“อืม?”
“เขาพูดว่า หลังจากนี้จวนเสนาบดีฝ่ายขวาไม่ต้อนรับคนของตระกูลอวี้อีก หากสองแม่ลูกเฉินจีซินยังมาที่นี่ เขาจะให้คนมาไล่ตะเพิดออกไป ฮ่า ๆๆ เจ้าคงไม่รู้ ตอนที่ข้าได้ยินคำพูดนี้ ข้ารู้สึกสะใจสุด ๆ ไปเลย”
อวี้ชิงลั่วหัวเราะเหอะ ๆ สองเสียง เหตุใดนางถึงไม่ได้รู้สึกสะใจเลยสักนิด?
เสียงฝีเท้าของโม่เสียนดังขึ้นจากด้านนอกประตูในเวลานี้ จินหลิวหลีหูไว จึงรีบหยุดเสียงหัวเราะ ทว่าตัวของนางยังคงสั่นระริกเบา ๆ น้ำเสียงก็ฟังอู้อี้ เห็นได้ชัดว่าคำพูดเหล่านั้นของพ่อบ้านจวนเสนาบดีฝ่ายขวาทำให้นางพึงพอใจมาก
ตอนที่โม่เสียนเดินเข้ามา ก็เหลือบมองมาที่นางด้วยความประหลาดใจ
หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง จึงเดินมาข้าง ๆ อวี้ชิงลั่ว ก่อนจะกระซิบว่า “แม่นางอวี้ ฮูหยินของจวนอวี๋ส่งเทียบเชิญมาหาท่าน เพื่อเชิญไปเป็นแขกของจวนอวี๋ในวันพรุ่งนี้ คาดว่าคงอยากขอบคุณที่ท่านช่วยรักษาอวี๋จั้วหลิน”
อวี้ชิงลั่วรับเทียบเชิญมาจากอีกฝ่าย นางม้วนกระดาษในมือเบา ๆ สองรอบ สายตาแฝงด้วยความขี้เล่น
นี่ก็หลายวันแล้วที่นางไม่ได้ไปที่จวนอวี๋ ถึงอย่างไรวัตถุประสงค์หลักที่ไปจวนอวี๋ก็เพื่อตามหาเบาะแสของแม่นมเก๋อ ตอนนี้ผ้าเช็ดหน้าถูกเย่ซิวตู๋ทำลายไปแล้ว ชายคนนั้นยังคงหลบหน้านางในช่วงเวลานี้ ความสนใจทั้งหมดของนางย่อมอยู่ที่เย่ซิวตู๋ ส่วนอวี๋จั้วหลินทางฝั่งนั้น…นางลืมหายเข้ากลีบเมฆไปนานแล้ว
เทียบเชิญนี้…เกรงว่าอวี๋จั้วหลินคงขอให้ฮูหยินใหญ่ส่งมา
ชายคนนั้นยังเป็นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เขาจะใส่ใจสตรีที่ใจจริงไม่ปรารถนาแต่แสร้งทำเป็นพึงพอใจมากเป็นพิเศษ
………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ข่าวลือคงไม่ได้มาจากสองแม่ลูกนี่แล้วล่ะ มาจากใครกันนะ
กระจั๊วแซ่อวี๋นี่ตายยากจริง
ไหหม่า(海馬)