ตอนที่ 314 ไปสู่ขออวี้ชิงลั่ว
ตอนที่ 314 ไปสู่ขออวี้ชิงลั่ว
“ข้าจะกลับไปพร้อมท่าน ดูแลเขาด้วยตัวเองจนกว่าบาดแผลของเขาจะหายดี”
อวี้ชิงลั่วชะงัก องค์ชายสิบสามผู้นี้สมองมีปัญหาแล้วรึ? จะกลับไปพร้อมกับนาง?
อวี้ชิงลั่วไม่สนใจเขา เพียงแต่โบกมือและดึงมือเล็ก ๆ ของอวี้เป่าเอ๋อร์เดินออกจากประตู
ฉีหานเทียนไม่พอใจ เดินกระโดดหยองแหยงมาขวางด้านหน้านาง “ข้าจริงใจนะ”
“เจ้าคือองค์ชายนะ” ทั้งยังเป็นองค์ชายที่ได้รับความโปรดปรานมากที่สุดของอาณาจักรหลิวอวิ๋น มีอย่างที่ไหนให้เขามาดูแลคนอื่น ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นแค่ลูกชายของขุนนางตัวเล็ก ๆ ภายในอาณาจักรเฟิงชางซึ่งไม่ได้เป็นที่โปรดปรานด้วยซ้ำ
อวี้ชิงลั่วส่ายหน้า หันไปส่งสายตาให้โม่เสียน
โม่เสียนเข้าใจความหมายของนาง จึงรีบขวางตรงหน้าฉีหานเทียน ใช้ทักษะเพียงเล็กน้อยเพื่อเบียดเขาไปข้าง ๆ
ฉีหานเทียนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโม่เสียน เขาจึงเกิดความร้อนใจขึ้นมาในทันที ร่างเล็ก ๆ กระโดดเร่า ๆ เมื่อเห็นขาทั้งสองข้างของอวี้ชิงลั่วกำลังจะก้าวออกจากธรณีประตู ก็รีบยกมือตะโกนเสียงดัง “เช่นนั้น…ถ้าท่านไม่ให้ข้าไปด้วย ท่านก็บอกข้ามาสิว่าท่านพักอยู่ที่ใด ไม่งั้น ข้าจะไปสู่ขอได้อย่างไรกันล่ะ”
ขาทั้งสองข้างของอวี้ชิงลั่วถึงกับเซจนแทบจะล้มหน้าคะมำไปด้านหน้า นางหยุดเดินและหันไปมองอีกฝ่ายพร้อม ๆ กับอวี้เป่าเอ๋อร์ราวกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “สู่ขออะไร?”
“ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะให้ท่านเป็นนางสนมของเรา” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของฉีหานเทียนก็แอบเขินอายขึ้นมา ทั้งยังมีใบหน้าแดงระเรื่อเล็กน้อย แต่ก็ยังแสร้งวางมาดเย่อหยิ่งไว้ จากมุมมองของอวี้ชิงลั่ว ดูคล้ายกับนกยูงที่กำลังภาคภูมิใจกับหางยาว ๆ ที่ตั้งสูงและใบหน้าที่แดงก่ำ
โม่เสียนสูดลมเย็นเข้าปากแรง ๆ มองหน้าองค์ชายสิบสาม ก่อนจะเงยหน้ามองอวี้ชิงลั่วพร้อมกับอ้าปากค้าง
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ปิดปากอีกครั้งอย่างเงียบ ๆ เรื่องนี้…น่าตกใจเกินไปแล้ว ไม่ได้การ กลับไปต้องไปบอกนายท่าน เขามีศัตรูหัวใจเพิ่มขึ้นมาอีกคนแล้ว
ทั้งยังเป็น…ศัตรูหัวใจที่อายุมากกว่าหนานหนานแค่ไม่กี่ปี
ขมับของอวี้ชิงลั่วถึงกับปูดขึ้นมา นางคิดไม่ออกเลยว่ามีอะไรไปกระตุ้นให้เขาเกิดความคิดเช่นนี้ขึ้นมาอย่างฉับพลัน นางยกมือขึ้นมาคลึงหว่างคิ้ว พูดอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า “ขอบใจสำหรับความรักของเจ้า ข้าคงรับไว้ไม่ได้”
“เหตุใดท่านถึงรับไว้ไม่ได้? เป็นนางสนมของข้าไม่ดีตรงไหน? ข้าจะปฏิบัติต่อท่านอย่างดีเลยนะ”
“เหอะ ๆ” อวี้ชิงลั่วยิ้มเจื่อน นางจะบอกเขาได้รึว่าลูกชายของนางมีอายุถึงขั้นที่สามารถคิดบัญชีเขาได้แล้ว? เหตุใดเด็กคนนี้ถึงได้แก่แดดขนาดนี้?
“องค์ชายสิบสาม กลับไปตั้งใจเล่าเรียนวิชาให้ดีเถิด ข้าอายุมากกว่าเจ้าตั้งสิบกว่าปี อย่าพูดเรื่องที่ไม่สมจริงเช่นนี้เลย”
“อายุมากกว่าสิบกว่าปีแล้วจะทำไม? นางสนมของพี่รองของข้าก็อายุมากกว่าตั้งหลายปี อายุไม่ได้เป็นปัญหาสักหน่อย”
อวี้ชิงลั่วถึงกับปวดหัว นางค้นพบว่าไม่สามารถสนทนากับอีกฝ่ายได้แล้ว นางจึงหันหน้าหนีไม่พูดอะไรกับเขาอีกแม้แต่คำเดียว จูงมืออวี้เป่าเอ๋อร์เดินออกจากเรือนรับรองโดยไม่หันกลับมามอง
“นี่ รอก่อนสิ ท่านรอข้าก่อน ท่านยังไม่ได้บอกข้าเลยนะว่าท่านพักอยู่ที่ใด”
องค์ชายสิบสามกระทืบเท้าด้วยความร้อนใจ ทว่าโม่เสียนกลับขวางเขาไว้ด้านหน้าราวกับเป็นกำแพง ไม่ยอมหลีกทางให้แม้แต่ครึ่งก้าว
เขาหงุดหงิด ยื่นขาออกไปหวังจะเตะอีกฝ่าย ทว่าเมื่อนึกขึ้นได้ว่าอวี้ชิงลั่วไม่ชอบผู้ใหญ่ที่ทำตัวตามใจตนแบบเขา เพื่อป้องกันมิให้นางเกิดความไม่พอใจ เขาจึงอดทนอดกลั้นและดึงขากลับมา
โม่เสียนคำนวณดูเวลาแล้ว จึงหมุนกายเดินออกจากประตูเรือนรับรอง
ฉีหานเทียนยืนกระทืบเท้าอยู่กับที่ ตอนนี้ต่อให้ไล่ตามไปก็ไม่ทันอยู่ดี แต่เขาอยากแต่งงานกับนางจริง ๆ นะ
หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง จู่ ๆ สายตาของเขาก็เป็นประกาย หมุนกายวิ่งกลับเข้าไปด้านใน ท่านพี่รัชทายาทของเขามีความสามารถ ต้องตามสืบที่อยู่ของนางได้แน่ ๆ
อวี้ชิงลั่วกลับดูเหมือนยังกลัวไม่หาย หลังจากกระโดดขึ้นบนรถม้าที่เหวินเทียนเตรียมไว้ข้าง ๆ นางก็พิงศีรษะเข้ากับขอบรถม้าด้วยความปวดหัว
ตอนที่ขึ้นมาบนรถม้า เมื่อได้เห็นอวี้เป่าเอ๋อร์ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนจมูกเขียวหน้าปูดบวม หนานหนานและเย่หลานเฉินก็เกิดความร้อนใจขึ้นทันใด รีบเข้ามาห้อมล้อมเขาพร้อมกับถามเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว
โดยเฉพาะหนานหนาน ตอนนี้เขารู้สึกละอายใจจริง ๆ เขาจับมืออวี้เป่าเอ๋อร์พร้อมกับร้องไห้น้ำตาหยดแหมะ
“ท่านน้าเป่าเอ๋อร์ ท่านยังบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่? บนตัวของท่านยังมีแผลที่อื่นอีกหรือไม่ เจ็บหรือไม่ ถ้าเจ็บ ท่านห้ามทนไว้เด็ดขาดเลยนะ ต้องบอกพวกเรานะ เข้าใจที่ข้าพูดหรือไม่ เอ๋ จริงสิ ข้ามียาแก้ปวดเยอะเลย มา ข้าให้ท่านกินนะ ให้ท่านกินให้หมดเลย ถ้าไม่พอในห้องของข้ายังเก็บไว้อีกเยอะเลย”
อวี้เป่าเอ๋อร์และเย่หลานเฉิงไม่เคยเห็นเขาร้องไห้ด้วยความปวดใจขนาดนี้มาก่อน จึงเกิดความสับสนทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะหนึ่ง กลับกลายเป็นพวกเขาทั้งสองคนที่เริ่มปลอบใจหนานหนาน
“หนานหนาน ไม่ร้องไห้แล้วนะ ไม่เป็นอะไรจริง ๆ ท่านพี่ทายาให้ข้าแล้ว เจ้าดูสิ ไม่เจ็บเลย” อวี้เป่าเอ๋อร์กระซิบโน้มน้าวใจเขา ทว่าก็ยังเห็นหนานหนานเม้มปากยกยาแก้ปวดขึ้นมายัดใส่ปากเขาด้วยท่าทางน่าสงสาร ต่อให้ไม่เจ็บ อวี้เป่าเอ๋อร์ก็ทำใจปฏิเสธหนานหนานไม่ได้ จึงรีบอ้าปากกลืนยาลงไปหนึ่งเม็ด “ดูสิ ข้ากินแล้วนะ ไม่เจ็บเลยสักนิดจริง ๆ นะ”
“แค่เม็ดเดียวก็หายแล้วรึ? ท่านกินอีกสักหน่อยเถอะ”
ในที่สุดอวี้ชิงลั่วก็ทนดูไม่ไหว ถลึงตาใส่เขาปราดหนึ่ง “กินยาสุ่มสี่สุ่มห้าได้รึ?”
หนานหนานถึงกับตกใจ รีบหดคอกลับไปซ่อนตัวหลังอวี้เป่าเอ๋อร์ “ท่านแม่ ข้าผิดไปแล้ว”
“ก่อนหน้านี้แม่บอกเจ้าว่าอย่างไร? เจ้าคงลืมคำพูดที่แม่เคยบอกไปหมดแล้วสินะ?” อวี้ชิงลั่วยิ้มเยาะใส่เขาไม่หยุด
หนานหนานรู้ดีว่าครั้งนี้ท่านแม่โกรธแล้วจริง ๆ จึงรีบออกมาจากด้านหลังอวี้เป่าเอ๋อร์ นั่งตัวตรงพูดว่า “ท่านแม่เคยบอกว่า ถ้าสร้างความเดือดร้อนห้ามทำให้คนอื่นได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต”
“แม่พูดแบบนี้จริง ๆ รึ?”
“อ๋อ ไม่ถูกสิ บอกว่าห้ามทำให้คนสนิทใกล้ชิดบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่ถ้าเป็นคนชั่วไม่เป็นไร”
อวี้ชิงลั่วแค่นเสียงเย็น “งั้นเจ้าก็พูดมา วันนี้เจ้าทำอะไรไว้?”
หนานหนานก้มหน้าด้วยความละอายใจ ปากเล็ก ๆ บ่นอยู่สองสามครั้ง ก่อนจะตอบด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ท่านแม่ เช่นนั้น…เช่นนั้นข้าไม่กินมื้อค่ำแล้ว”
แหม น่าสงสารจริง ๆ ปรากฏว่าลงโทษสถานหนักให้ตนเองเช่นนี้ด้วย อวี้ชิงลั่วเหลือบมองเขาก่อนจะแค่นเสียงเบา ๆ หนึ่งเสียง
อวี้เป่าเอ๋อร์เห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี จึงรีบพูดว่า “ท่านพี่ ครั้งนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับหนานหนานเลย หนานหนานไม่ได้พาข้าเข้าไปด้านในเรือนรับรอง ตอนเช้าเขาสั่งคนขับรถม้าแล้ว บอกว่าวนรอบเมืองหนึ่งรอบก็ส่งกลับโรงเตี๊ยมได้ แต่เป็นเพราะข้าไม่ได้เข้าใจถึงสถานการณ์อย่างแจ่มชัด จึงบุกเข้าไปด้านในเรือนรับรองอย่างไร้สมอง ท่านพี่ อย่าโทษหนานหนานเลย”
เย่หลานเฉิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็ออกแรงพยักหน้าเช่นกัน แม้แต่โม่เสียนและเหวินเทียนที่นั่งขี่รถม้าอยู่ข้างนอก เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ที่น่าปวดใจของหนานหนานก็รู้สึกเจ็บปวดใจ ถึงขั้นต้องพูดโน้มน้าวใจอีกสองสามประโยคอย่างห้ามไม่อยู่
“ข้าไม่ได้โทษเขาสักหน่อย นี่เป็นเพราะเขาอยากลงโทษตัวเองมิใช่รึ?” อวี้ชิงลั่วเริ่มปวดหัวอีกครั้ง จริง ๆ เลย ก่อนหน้านี้นางดูแลหนานหนานคนเดียวก็ดีอยู่แล้ว อยากจะให้รางวัลหรือทำโทษก็ขึ้นอยู่กับนาง ในช่วงที่เลวร้ายที่สุดก็มีแม่นมเก๋อคอยพูดโน้มน้าวใจอยู่ข้าง ๆ
ตอนนี้เป็นเช่นไรเล่า คนกลุ่มใหญ่พยายามแย่งกันปกป้องหนานหนาน ราวกับนางทารุณเขาอย่างไรอย่างนั้น
ก็แค่หิวเอง ถือเป็นการลดความอ้วนให้เขาไปด้วยเลยไม่ใช่รึ?
อวี้ชิงลั่วเหลือบมองเขาพวกปราดหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“แม่นางอวี้ ด้านหลังมีคนตามพวกเรามาขอรับ” จู่ ๆ เสียงที่ฟังดูระมัดระวังของเหวินเทียนก็ดังเข้ามาจากด้านนอก
……………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เอ่อ อะไรดลใจองค์ชายน้อยให้คิดจะแต่งงานกับชิงลั่วนี่ เขามีสามีมีลูกแล้วนะ
เจ้าหนานหนานลงโทษตัวเองเป็นด้วย
ว่าแต่ใครตามมาข้างหลังกันนะ
ไหหม่า(海馬)