ตอนที่ 353 กินดื่มกันให้เต็มที่ไม่ต้องเกรงใจ
ตอนที่ 353 กินดื่มกันให้เต็มที่ไม่ต้องเกรงใจ
ครั้นเย่หลานเว่ยได้ยินว่าฮ่องเต้กำลังทอดพระเนตรมาทางนี้ก็ถึงกับเงียบเป็นเป่าสาก ไม่กล้าประมาทอีกต่อไป สายตามองตรงไปด้านหน้าโดยพลัน ย่างก้าวตามขบวนอย่างเนิบนาบ
ถึงกระนั้นหนานหนานที่อยู่ข้าง ๆ กลับมีดวงตาเป็นประกายแวววาว
เขาหันศีรษะหน้าหลังซ้ายขวา และเมื่อสายตาจรดลงบนพระที่นั่งของฮ่องเต้ เขาก็โบกไม้โบกมือไปทางนั้นโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
ปากก็ตะโกนเสียงดังว่า “สวัสดีสหายทุกคน ลำบากสหายทุกคนแล้ว กินดื่มเต็มที่ไม่ต้องเกรงใจ”
ขันทีที่เดินอยู่ข้าง ๆ ถึงกับมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นที่หน้าผากทันใด ขาทั้งสองข้างถึงกับอ่อนยวบ เกิดความคิดอยากกระโจนเข้าไปปิดปากของหนานหนาน ทุบตีให้สลบแล้วลากไปเสียเหลือเกิน ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาได้กำชับไว้แล้ว ว่าตอนที่เดินผ่านสนามต้องก้มหน้ามีสมาธิไม่เหลียวซ้ายแลขวา เอาจริงเอาจังและสง่างาม ทว่าเหตุใดเมื่อมาถึงที่นี่กลับมิได้เป็นเช่นนั้น ตอนนั้นหนานหนานไม่ได้ฟังที่เขาพูดใช่หรือไม่?
“…” ฮ่องเต้แทบจะพ่นพระสุธารสชาที่เพิ่งจิบเข้าไปออกมา สำลักอยู่ครู่หนึ่งกว่าจะกล้ำกลืนเข้าไปด้วยพระพักตร์แดงก่ำ
ไม่นานนัก ข้างพระกรรณก็เกิดเสียงกระซิบกระซาบดังขึ้น ขุนนางเหล่านั้นกำลังชี้มือชี้ไม้พูดคุยกัน
รัชทายาท องค์ชายสาม องค์ชายสี่ และคนอื่น ๆ ต่างรู้จักหนานหนาน จึงเกิดความรู้สึกมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นทันใด ครั้นเหลือบสายตามองไปทางฮ่องเต้ พวกเขาเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่าต่อหน้าขุนนางฝ่ายบู๊และบุ๋น รวมถึงคณะทูตต่างอาณาจักร ฮ่องเต้จะปกป้องเด็กไร้มารยาทไม่รู้จักกฎเกณฑ์คนนี้อย่างไร?
ได้ยินมาว่าครึ่งเดือนมานี้ เด็กคนนี้เรียนวรยุทธ์กับเย่ซิวตู๋ที่ตำหนักอ๋องซิวมาโดยตลอด เหอะ แม้แต่เด็กคนหนึ่งยังสอนให้ทำตัวดี ๆ ไม่ได้ ช่างทำให้อาณาจักรเฟิงชางขายหน้าจริง ๆ
องค์ชายคนอื่น ๆ เริ่มที่จะอยากเห็นเรื่องน่าขัน ในขณะที่ซ่างกวนจิ่นที่อยู่ข้าง ๆ ก็เอ่ยวาจาออกมา สายตาแฝงความเย้ยหยันมองไปทางฮ่องเต้ “ฝ่าบาท พฤติกรรมของเด็กคนนี้ไม่ค่อย…”
“เด็กคนนี้น่าสนใจดีนะ”
ซ่างกวนจิ่นยังพูดไม่ทันจบ องค์ชายรองของอาณาจักรเทียนอวี่ก็พูดแทรกคำพูดของเขา ก่อนจะแย้มยิ้มกล่าวด้วยท่าทางเกียจคร้าน “เราเห็นแต่เด็กที่อยู่ในกฎเกณฑ์มาตั้งมาก ช่างยากนักที่จะได้เจอเด็กที่มีความน่ารักไร้เดียงสาเช่นนี้”
“เหอะ องค์ชายรองคิดว่าเด็กที่พูดคุยส่งเสียงเรียกไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ภายในสถานที่เช่นนี้น่ารักงั้นรึ?” ซ่างกวนจิ่นหรี่ตาลงเล็กน้อย พลางหัวเราะเยาะ “องค์ชายรองอย่าได้พูดจาไร้ความยุติธรรมเพียงเพราะแต่งงานผูกสัมพันธ์กับอาณาจักรเฟิงชางเลย อย่าลืมสิ เด็กคนนั้นก็เป็นคู่แข่งในการแข่งขันของอาณาจักรเทียนอวี่ของพวกท่านเช่นกัน”
“อุปราชช่างอคติเกินไป” องคชายรองกางพัดในมือจนเกิดเสียงดัง ‘พรึบ’ เดิมทีเขามีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาอย่างมาก กอปรกับท่าทางเกียจคร้านเช่นนี้ กลับทำให้ดูสง่างามมากยิ่งขึ้น “เด็กอายุห้าขวบคนหนึ่ง ช่วงเวลาชีวิตเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น เป็นช่วงเวลาที่ได้เล่นสนุกกับวัยเด็กได้อย่างเต็มที่ที่สุด นี่คือธรรมชาติของเด็ก หรืออุปราชคิดว่าเด็กวัยห้าขวบควรเต็มไปด้วยอุบายและระแวดระวังในทุกเรื่อง มีความคิดเล่ห์เหลี่ยมเกี่ยวกับวิธีการจัดการกับผู้อื่นถึงจะเรียกว่าปกติ? อุปราช เด็กก็ควรมีลักษณะของความเป็นเด็ก ไม่เหมือนกับผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ”
“เถียงข้าง ๆ คู ๆ” ซ่างกวนจิ่นหัวเราะเยาะ “มีแต่คนบอกว่าองค์ชายรองของอาณาจักรเทียนอวี่นั้นมีปฏิภาณเฉียบแหลม วันนี้เราได้ประจักษ์ชัดแล้ว”
“ขอบคุณสำหรับคำชมของอุปราช เราเองก็ละอายใจมิกล้ารับคำชมไว้จริง ๆ”
รัชทายาท องค์ชายสามและคนอื่น ๆ ถึงกับมึนงง เดิมทีพวกเขาอยากเห็นฮ่องเต้ลงโทษเด็กคนนั้น ตอนนี้เป็นเช่นไรเล่า ฮ่องเต้มิได้ตรัสสิ่งใดแม้แต่ประโยคเดียว แต่อุปราชของอาณาจักรจิงเหลยและองค์ชายรองของอาณาจักรเทียนอวี่กลับทะเลาะกันเสียอย่างนั้น
ฮ่องเต้แอบโล่งพระทัย ช้อนสายพระเนตรจ้องไปที่หนานหนานปราดหนึ่ง เด็กคนนั้นละทิ้งกฎและมารยาทเหล่านั้นไว้เบื้องหลัง หรือไม่ก็อาจทำหูทวนลมไปเลย
ฉีหานเว่ยมองเด็กคนนั้นอย่างเงียบ ๆ เลิกคิ้วขึ้นด้วยความรู้สึกสนใจเช่นกัน ดูจากเสื้อผ้าของเด็กคนนั้น คาดว่าคงเป็นเด็กที่เข้าร่วมการแข่งขันฝ่ายบู๊ ไม่รู้ว่าเขาเข้าร่วมรายการอะไรกันแน่ หรือจะเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าสิบสามกัน?
เย่ซิวตู๋เงียบสงบไม่พูดไม่จามาโดยตลอด ยกฝาถ้วยขึ้นมากระทบถ้วยที่วางอยู่ข้าง ๆ อย่างแผ่วเบา ทว่ากลับไม่มีท่าทีว่าจะยกขึ้นดื่ม เพิกเฉยต่อสายตาของรัชทายาทและคนอื่น ๆ ที่กำลังมองมาทางนี้
เขามองไปยังอัฒจันทร์ฝั่งสตรีปราดหนึ่ง ครั้นสายตาเหลือบเห็นร่างกุลสตรีที่นุ่มนวลงดงาม สีหน้าของเขาก็ถึงกับอ่อนโยนในทันใด ก่อนจะดึงสายตากลับมาโดยเร็ว
ทว่าเพียงเสี้ยววินาทีนั้น กลับถูกหลีจื่อฟานจับได้เสียแล้ว
เขาชะงักไปเล็กน้อย แม้ว่าจะไม่รู้ตำแหน่งเจาะจงที่เย่ซิวตู๋จ้องมอง แต่เขาก็สำรวจตำแหน่งที่นั่งของสตรีอย่างละเอียด ท้ายที่สุดก็เห็นอวี้ชิงลั่วนั่งอยู่ที่มุมหนึ่ง มุมปากของเขาพลันกระตุกเป็นรอยยิ้ม
คิดไม่ถึงเลยว่าชิงลั่วก็มาที่นี่ด้วย
ไม่เจอกันหลายปี นิสัยของชิงลั่วดูเหมือนจะแตกต่างจากก่อนหน้านี้แล้ว เปลี่ยนเป็นคนที่มีความกล้าหาญและคล่องแคล่วยิ่งขึ้น มีพลังส่งออกมาจากร่างกาย ทั้งยังมีแรงกดดันมากขึ้นเรื่อย ๆ
หลีจื่อฟานหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น หันมองเย่ซิวตู๋ที่อยู่ข้าง ๆ อดคิดไม่ได้ว่า ในเมื่อเย่ซิวตู๋คิดจะแต่งงานกับองค์หญิงเทียนฝูของอาณาจักรเทียนอวี่ แต่เหตุใดยังรั้งชิงลั่วไว้?
นอกจากนี้ ราชโองการฉบับนั้นก็ถูกส่งไปถึงตำหนักอ๋องซิวแล้ว ชิงลั่วก็น่าจะรู้เรื่องนี้แล้ว หรือว่า ในใจของนางไม่ได้รู้สึกรังเกียจแม้แต่น้อย?
หลีจื่อฟานไม่เข้าใจและเขาก็ไม่อยากคิดมากไปกว่านี้ ถึงอย่างไรเขาก็จะคอยยืนอยู่ข้างหลังชิงลั่วเพื่อปกป้องนางตลอดไป
อวี้ชิงลั่วรู้สึกได้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองมาที่ตนเองอยู่ตลอดเวลา นางช้อนสายตาขึ้นเล็กน้อย กลับเห็นเป็นกลุ่มก้อนสีดำ ๆ ที่นั่งอยู่ทางฝั่งฮ่องเต้ จึงหาเจ้าของสายตาคู่นั้นไม่เจอ
นางยักไหล่ มองไปทางหนานหนานที่อยู่ในลานแข่ง
ทว่าข้างหูของนางกลับมีเสียงพูดคุยดังขึ้น
“เด็กคนนั้นไม่รู้ว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ไม่มีใครอบรมสั่งสอนเลยจริง ๆ”
“ก็นั่นน่ะสิ ภายในงานที่สำคัญเช่นนี้ยังกล้าส่งเสียงดัง คอยดูเถอะ หลังงานทางฝั่งนี้สิ้นสุดเมื่อใด คงได้ถูกฮ่องเต้ลงโทษสถานหนัก”
“เด็กที่ไม่ได้รับการอบรมจากครอบครัวเช่นนี้ ตายไปก็ดี จะได้ไม่ทำให้อาณาจักรเฟิงชางของเราต้องเสียหน้า”
“นั่นสิ ตอนนี้ที่นั่งทางฝั่งนั้นยังมีคณะทูตของอาณาจักรหลิวอวิ๋น อาณาจักรจิงเหลยและอาณาจักรเทียนอวี่นั่งอยู่ด้วย โถ ๆ ตอนนี้พวกเขาคงกำลังหัวเราะเยาะอาณาจักรเฟิงชางของเราอยู่เป็นแน่ ความสามารถที่จะทำให้งานราบรื่นนั้นไม่มี แต่ความสามารถที่จะทำลายงานนั้นมีอยู่เหลือเฟือจริง ๆ เลยนะเด็กคนนั้น อยู่บนโลกใบนี้ไปก็เป็นหายนะ”
อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลง กวาดตามองใบหน้าของสตรีสูงศักดิ์ที่กำลังพูดคุยกัน ผ่านไปครู่หนึ่ง จึงพูดลอย ๆ เคล้ารอยยิ้มว่า “แต่ถ้าเทียบกับสตรีปากพล่อยเอาแต่นินทาลับหลัง ทว่ากลับไม่เคยมีส่วนร่วมอะไรสักอย่าง อย่างน้อย ๆ เด็กคนนั้นก็เข้าร่วมการแข่งขันใหญ่สี่อาณาจักร และอย่างน้อย ๆ ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันอาณาจักรเฟิงชางแล้ว”
“เจ้า…เจ้าว่าอย่างไรนะ? เจ้าว่าใครพูดนินทาลับหลัง?” คำพูดนั้นของอวี้ชิงลั่วพุ่งเป้าไปที่พวกนางอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าของสตรีชั้นสูงเหล่านั้นพลันดูไม่จืด
อวี้ชิงลั่วหัวเราะเบา ๆ เลิกคิ้วเหลือบตามองไปที่พวกนางปราดหนึ่ง สายตาฉายแววเยาะเย้ยถากถาง “ใครตอบก็คนนั้นแหละ”
“เจ้ามันสตรีไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้กล้ามาพูดจาถากถางพวกเรา? ”
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
สมเป็นหนานหนานผู้ไม่เคยอยู่ในกฎเกณฑ์จริง ๆ เห็นใจเสด็จปู่ด้วยเถอะนะ สำลักชาแล้วนั่น
ไหหม่า(海馬)