อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] – ตอนที่ 363 เหตุใดเขาจึงมีวิชาฝีเท้าตระกูลลู่

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

ตอนที่ 363 เหตุใดเขาจึงมีวิชาฝีเท้าตระกูลลู่

ตอนที่ 363 เหตุใดเขาจึงมีวิชาฝีเท้าตระกูลลู่

ไม่มีศัตรูอันเป็นนิรันดร์ตั้งแต่เริ่ม ขอแค่ขับเคลื่อนด้วยผลประโยชน์ ศัตรูย่อมเปลี่ยนเป็นสหายคู่หูได้

หลังจากหนานหนานย่อตัวลงข้าง ๆ ผู้เข้าแข่งขันอาณาจักรเทียนอวี่และอาณาจักรหลิวอวิ๋น ในที่สุดพวกเขาก็เริ่มหันมองเขาแล้ว

หนานหนานไม่ทันสังเกตเห็นว่าสองคนนั้นได้หยุดเคลื่อนไหวแล้ว เขาเพียงแค่วิ่งเหยาะ ๆ ไปตรงหน้าคนอื่น ๆ แล้วป้อนยาถอนพิษให้แต่ละคนอย่างเมตตา จากนั้นก็ค่อย…ออกแรงเตะคนเหล่านั้นลงจากลานประลองเพื่อให้พวกเขาตกรอบ

จนกระทั่งเดินมาหยุดลงตรงหน้าผู้เข้าแข่งขันคนสุดท้ายจากอาณาจักรจิงเหลยที่ไม่ได้โดนงูพิษฉก ทว่าผู้เข้าแข่งขันคนนั้นกลับมองหนานหนานด้วยใบหน้าเหี้ยมโหด

หนานหนานเหยียดเท้าเพื่อเตะคนคนนั้น ทว่ากลับถูกอีกฝ่ายคว้าจับไว้

หนานหนานถึงกับขัดใจ เขานั่งลงบนพื้นดึงขากลับมาอย่างแรง เตรียมยื่นมือผลักออกไป แต่ถึงอย่างไรบุคคลผู้นั้นก็ยังมีวรยุทธ์อยู่ในกาย รอยยิ้มอึมครึมจึงปรากฏขึ้น คิดจะโยนหนานหนานลงไปก่อน

ใครจะไปคิดว่า ตอนที่แขนเพิ่งสัมผัสเข้ากับหน้าอกของหนานหนาน เขากลับรู้สึกชาที่เอว คล้ายกับว่าหน้าอกมีมือเพิ่มเข้ามาหนึ่งข้างตั้งแต่เมื่อไรมิอาจทราบได้

คนคนนั้นถึงกับตะลึง หลังจากตกลงมาจากลานประลองยังไม่ทันได้โล่งใจก็รีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน

เมื่อครู่…การเคลื่อนไหวของเด็กคนนั้นรวดเร็วยิ่งนัก เขารู้สึกได้ถึงความพร่าเลือนตรงหน้า บริเวณหน้าอกคล้ายกับมีมือจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังขยับราวกับเป็นภาพลวงตา ยังไม่ทันได้โต้ตอบก็ล้มลงบนพื้นแล้ว

เด็กคนนี้…เด็กคนนี้ต่างหากเล่าคือยอดฝีมือตัวจริง

เขากำลังจะอ้าปากเพื่อเตือนผู้เข้าแข่งขันของอาณาจักรจิงเหลยผู้นั้น เพื่อไม่ให้เขาประมาทความสามารถของเด็กคนนี้

แต่น่าเสียดาย ผู้เข้าแข่งขันที่ตกลงมาจากลานประลองแล้วมิอาจพูดสิ่งใดได้ มิเช่นนั้นจะกลายเป็นการทำให้อาณาจักรตนเองเสียหน้า

โชคดีที่ดูเหมือนว่าผู้เข้าแข่งขันจากอาณาจักรจิงเหลยที่อยู่บนลานประลองก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่ง จึงแยกตัวออกจากผู้เข้าแข่งขันอาณาจักรหลิวอวิ๋นอย่างรวดเร็ว

วินาทีต่อมา ทั้งสองคนจึงหันมาสบตากันและกลายเป็นพันธมิตรเพื่อโจมตีหนานหนานในเวลาอันรวดเร็ว

ลู่หม่านถึงกับตกใจ เขาอยากเอ่ยปากเตือนตามจิตใต้สำนึก ทว่าคิดไม่ถึงเลยว่าหนานหนานที่เมื่อครู่ยังหันหลังให้พวกเขา แต่จู่ ๆ กลับเบี่ยงตัวไปด้านข้างเพื่อหลบการโจมตีจากทั้งสองคนนั้น ก่อนจะสาวเท้าวิ่งออกไปอีกสองสามก้าวเพื่อรักษาระยะห่าง

“นี่ เหตุใดพวกเจ้าถึงได้ลอบโจมตีข้า? พ่อแม่พวกเจ้าไม่อบรมสั่งสอนหรือว่าเป็นมนุษย์ต้องทำตัวอย่างเปิดเผยอย่างบริสุทธิ์ และยึดมั่นในความเป็นธรรม?”

“เปิดเผยอย่างบริสุทธิ์และยึดมั่นในความเป็นธรรม? เหอะ เจ้าเองก็แสร้งทำเป็นอ่อนแอแกล้งตายอยู่ตลอด เพื่อหลบหลีกความสนใจของพวกเรามิใช่รึ? ร้ายกาจเจ้าเล่ห์เช่นนี้ ยังกล้าพูดเรื่องเปิดเผยอย่างบริสุทธิ์และยึดมั่นในความเป็นธรรมอะไรอีก?”

หนานหนานโกรธจัด ชี้หน้าผู้เข้าแข่งขันของอาณาจักรจิงเหลยพลางก่นด่า “แสร้งอ่อนแอแกล้งตายอะไร ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกข้าก็ตั้งท่ารับการต่อสู้ แต่เป็นเพราะพวกเจ้ามองการณ์ตื้นเขิน ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ไม่เห็นข้าเป็นอาหารจานหนึ่ง ถุย เดิมทีข้าก็มิใช่อาหารจานหนึ่งสักหน่อย ถึงอย่างไรก็เป็นเพราะพวกเจ้ามีตาแต่ไร้แวว ไม่เห็นข้าอยู่ในสายตา ตอนนี้กลับมาโทษข้า พวกเจ้านี่มันเศษผักจานหนึ่งโดยแท้”

คำพูดนี้ถือว่าจี้จุดพวกเขาเข้าแล้ว จริงอยู่ที่แรกเริ่มพวกเขาคิดว่าเด็กคนนี้ไม่มีความสามารถ นั่นเป็นเพราะพวกเขามองพลาด จึงทำให้หายนะดำเนินมาถึงตอนนี้

พวกเขารู้สึกโกรธเคือง แอบกล่าวโทษตนเองที่สะเพร่า ตอนนี้ยิ่งอับอายเข้าไปใหญ่จนกลายเป็นความโกรธ “เลิกพูดไร้สาระ แล้วดูกระบวนท่าให้ดี”

คนของอาณาจักรหลิวอวิ๋นกระโดดดีดตัวขึ้น โจมตีเข้าใส่หนานหนาน ส่วนผู้เข้าแข่งขันอาณาจักรจิงเหลยใช้วิธีตีโจมตีเข้าใส่หนานหนานจากฝั่งขวา

เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนกำลังจะโจมตีมาตรงหน้าหนานหนานแล้ว ไทเฮาและคนอื่น ๆ ที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ก็ยิ่งประหม่า

ทว่าไม่มีใครคาดคิดว่าวินาทีต่อมา จู่ ๆ ขาทั้งสองข้างของหนานหนานก็บิดและงอในท่าทางที่ดูแปลกประหลาด ก่อนจะวิ่งเฉียงออกไปประมาณห้าก้าว

สองคนนั้นเกือบจะชนเข้าใส่กัน จึงรีบหยุดขาทั้งสองข้างด้วยความรีบร้อนเพื่อหลบหลีกกันและกัน

ทุกคนต่างพากันตกตะลึง พร้อมกับมองไปที่มือเล็ก ๆ ของหนานหนานราวกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น ลู่หม่านและคนอื่น ๆ สูดลมเข้าปอด อ้าปากค้างราวกับยังไม่ได้สติกลับคืนมา

การเคลื่อนย้ายเมื่อครู่นั้น พวกเขาต่างก็ไม่มีใครสู้หนานหนานได้เลย

ซ่างกวนจิ่นที่มองลานประลองอยู่ถึงกับลุกขึ้นยืน หันไปถลึงตามององค์ชายรองที่อยู่ข้าง ๆ โดยพลัน “วิชาฝ่าเท้าของตระกูลลู่ เด็กคนนั้นมีวิชาฝ่าเท้าของตระกูลลู่ องค์ชายรอง วิชาฝ่าเท้าของตระกูลลู่ไม่เคยถ่ายทอดให้คนนอก เขาเป็นแค่สหายตัวเล็ก ๆ ของอาณาจักรเฟิงชาง แต่กลับมีความสามารถนี้”

ใบหน้าของฉีหานเว่ยก็เต็มไปด้วยความเคร่งขรึม หากผู้เข้าร่วมการแข่งขันของอาณาจักรเทียนอวี่มีกระบวนท่าฝ่าเท้าของตระกูลลู่อาจไม่ใช่เรื่องแปลก ทว่าผู้เข้าแข่งขันของอาณาจักรเทียนอวี่กลับอ่อนแอเช่นนี้ ในทางกลับกัน เด็กอายุห้าขวบของอาณาจักรเฟิงชาง…กลับมีพรสวรรค์เช่นนี้ได้

เขาพอจะรู้มาว่าวิชาฝ่าเท้าของตระกูลลู่ ต่อให้เป็นคนในตระกูลลู่คิดจะศึกษา อย่างน้อย ๆ ก็ต้องใช้เวลาสิบกว่าปี ทว่าเด็กคนนี้ไม่เพียงแต่มิใช่คนของตระกูลลู่เท่านั้น แต่ยังเป็นผู้เข้าแข่งขันของอาณาจักเฟิงชางด้วย เรื่องนี้แปลกเกินไปแล้ว

คนอื่น ๆ ที่กำลังมองฉากบนลานประลองก็รู้สึกไม่อยากเชื่อเช่นกัน พวกเขาต่างพากันหันมองไปทางองค์ชายรอง

องค์ชายรองยักไหล่ มองซ่างกวนจิ่นที่ยังคงส่งสายตาตั้งคำถาม จึงกล่าวอย่างจนปัญญาว่า “คำพูดนี้ของอุปราชช่างน่าขันนัก เราหาใช่คนของตระกูลลู่ไม่ และไม่มีวิชาฝ่าเท้าตระกูลลู่ด้วย เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเด็กคนนั้นเรียนรู้กระบวนท่ายอดเยี่ยมเช่นนี้มาจากที่ใด? อืม บางทีเด็กคนนั้นอาจมีพรสวรรค์พิเศษ ศึกษาอย่างกว้างขวางรอบด้านจนเกิดความเข้าใจทะลุปรุโปร่งด้วยตนเองก็ได้?”

ฮ่องเต้ลอบแย้มสรวล พระองค์ค้นพบว่าองค์ชายรองผู้นี้เป็นคนที่น่าสนใจยิ่งนัก

หนานหนาน…คงรู้จักกับองค์ชายรองผู้นี้กระมัง หรืออาจเป็นคนที่คุ้นเคยเสียด้วย มิเช่นนั้นองค์ชายรองคงไม่มีท่าทางผ่อนคลายเช่นนี้

หนานหนาน เจ้าเด็กคนนั้นมีความลับอะไรซ่อนอยู่ในตัวของเขากันแน่ สิ่งนี้ทำให้พระองค์ตั้งตารอคอย

ซ่างกวนจิ่นมีสีหน้าแข็งทื่อ แม้รู้ดีว่าคำพูดเหล่านั้นขององค์ชายรองเป็นแค่คำพูดบิดพลิ้วบ่ายเบี่ยง แต่ก็ทำให้คนมิอาจคัดค้านได้ ถึงอย่างไรเด็กอายุห้าขวบคนหนึ่งที่มีวิชาฝ่าเท้าตระกูลลู่ก็ถือเป็นเรื่องที่หาได้ยากยิ่ง

สถานการณ์บนลานประลองรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ผู้เข้าแข่งขันสองคนที่เมื่อครู่ยังดูถูกหนานหนาน บัดนี้สีหน้ากลับกลายเป็นจริงจัง ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย

ทั้งสองคนหันหน้าสบตากัน ก่อนเร่งความเร็วโจมตีเข้าใส่หนานหนานอีกหน

ทว่าหนานหนานกลับไหวตัวผ่านอย่างรวดเร็วอีกหน จากนั้นก็เริ่มวิ่งทั่วลานประลอง วิ่งไปพลางตะโกนไปว่า “พวกเจ้าสองคนรุมข้าแค่คนเดียว ยังเรียกว่าเป็นวีรบุรุษอีกรึ? พวกเจ้าทำเช่นนี้ไม่กลัวฟ้าผ่าตายหรืออย่างไรกัน? ข้าเป็นแค่เด็กวัยห้าขวบคนหนึ่ง พวกเจ้าอายุสิบขวบแล้ว พวกเจ้าไม่ละอายใจบ้างรึ? ไม่อายรึ ไม่กลัวว่าจะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะหรืออย่างไรกัน?”

ทั้งสองคนวิ่งไล่ตามไปครู่ใหญ่ ในที่สุดก็หยุดหอบหายใจ ถลึงตาขบฟันกรอดจ้องมองหนานหนานที่กำลังกระโดดโหยงเหยง “เจ้ามีแค่ปัญญาหลบหลีก แน่จริงก็มาสู้กับพวกข้าแบบตัวต่อตัว เอาแต่หลบ ๆ ซ่อน ๆ ช่างน่าดูหมิ่นนัก”

ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ หนานหนานเพียงแค่ใช้วิชาฝ่าเท้าของตระกูลลู่วิ่งอยู่บนลานประลอง ท่าทางเช่นนั้นหาได้คล้ายกับการแข่งขันไม่ แต่กลับดูเหมือนกำลังหยอกล้อสนุกสนานเสียมากกว่า

ครั้นได้ยินคำพูดดูหมิ่นจากสองคนนั้น หนานหนานจึงหยุดลง แล้วยืดแขนบิดขี้เกียจ ถอนหายใจพลางกล่าวว่า “ก็ได้ เช่นนั้นไม่หลบแล้วก็ได้ มาสู้กันเถอะ”

หากคนพวกนั้นอยากโดนทุบนัก เช่นนั้นก็โทษเขาไม่ได้ เพราะเขาได้มอบโอกาสให้มามากแล้ว

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

หนานหนานปล่อยของแล้วนะ เตรียมกินเรียบทั้งวงแล้ว

ไหหม่า(海馬)

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

Status: Ongoing
จากภรรยาผู้เป็นที่รังเกียจของสามีและถูกใส่ความว่าเป็นชู้กับบุรุษอื่นจนกระทั่งมีบุตรด้วยกัน​ อีกหกปีให้หลังได้เป็นหมอหญิงฉายา​ ‘หมอปีศาจ’​ ผู้ลือนามพร้อมบุตรชายแสนซนที่สรรหาเรื่องราวต่างๆ​ รวมถึงบุรุษที่คาดว่าจะเป็นบิดาตนมาให้ไม่หยุดหย่อน​ อวี้ชิงลั่ว​ แพทย์หญิงมือฉกาจจากยุคปัจจุบันผู้ทะลุมิติ​มาเข้าร่างของหมอปีศาจผู้นี้จะทำอย่างไรต่อไปดี​ ในเมื่อปริศนาเกี่ยวกับตัวเองก็ต้องสืบ​ ส่วนบิดาของลูกติดเจ้าของร่างก็ต้องหา?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท