ตอนที่ 364 ท่านพ่อ ข้าชนะแล้ว
ตอนที่ 364 ท่านพ่อ ข้าชนะแล้ว
ทั้งคู่ได้ยินคำพูดเช่นนี้ก็พลันสบตากัน แลกเปลี่ยนสายตาน่ากลัวชั่วร้ายระหว่างกัน จากนั้นจึงค่อย ๆ ปรับลมหายใจและก้าวประชิดหนานหนานทีละก้าวจากสองฝั่ง ดูจากท่าทางคงตัดสินใจล้อมโจมตีเสียแล้ว
หนานหนานเช็ดปากและเศษขนมที่ติดบนมุมปากจนสะอาดสะอ้าน ดวงหน้าเล็ก ๆ ขึงขัง ตั้งท่ารับมือเหมือนในช่วงเริ่มต้น
“เข้ามาเลย เข้ามาแบบไม่ต้องเกรงใจ เข้ามาเหยียบย่ำข้าเถอะ”
มุมปากของทั้งสองคนนั้นถึงกับกระตุกวูบ หลังจากสบตากัน ก็พุ่งตัวเข้าหาหนานหนานอย่างรวดเร็ว
สถานการณ์บนลานประลองพร้อมที่จะระเบิดออกเต็มที บรรยากาศที่อยู่โดยรอบเกิดความตึงเครียด แม้แต่ทุกคนที่นั่งดูอยู่บนอัฒจันทร์ก็เกิดความกังวล สายตาจ้องมองเด็กทั้งสามคนภายในลานแข่งขันแบบตาไม่กะพริบ
เย่หว่านเยียนจับมืออวี้ชิงลั่วลุ้นด้วยหัวใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ สายตายังคงจ้องมองหนานหนาน ทว่าปากกลับพูดไม่หยุดพัก “สองคนนั้นทำตัวต่ำทรามเกินไปแล้วถึงได้ใช้วิธีสองรุมหนึ่ง อีกอย่าง ผู้เข้าแข่งขันของอาณาจักรจิงเหลยนั่นก็เป็นคนร้ายกาจนัก แม่นางชิง บนตัวของเด็กคนนั้นจะมีงูที่ใช้เล่นงานหนานหนานโดยเฉพาะหรือไม่?”
“ไม่หรอก” นำงูเข้ามาหนึ่งตัวอาจกล่าวได้ว่าโชคดี แต่หากนำงูเข้ามาสองตัวแต่ยังตรวจค้นไม่พบ เช่นนั้นคงอธิบายได้ว่า กรรมการที่ตรวจค้นร่างกายแอบสมคบคิดกับอาณาจักรจิงเหลย
ราวกับเย่หว่านเยียนไม่ได้ยินคำตอบของนาง หรือนางอาจไม่ต้องการคำตอบของอวี้ชิงลั่ว นางจึงพูดเองเออเองต่อไปว่า “การแข่งวรยุทธ์สนามนี้ น่าสนใจกว่าที่ข้าจินตนาการไว้มาก ตอนนี้ข้ารู้สึกประหม่ายิ่งนัก”
อวี้ชิงลั่วมุมปากกระตุกวูบ ความประหม่าของนาง…อวี้ชิงลั่วรู้สึกได้แล้ว มือขององค์หญิงผู้นี้ที่กำลังจับมือนางนั้นเปียกชุ่มไปหมด
แต่จะว่าไป นางสนิทกับองค์หญิงผู้นี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน? สนิทกันถึงขั้นจับมือเชียวหรือ?
อวี้ชิงลั่วแอบกลอกตา ดึงมือกลับมาอย่างเงียบ ๆ สายตาจับจ้องบนลานประลองฝั่งนั้นต่อ
หนานหนานกลอกตาไปมา หลบการโจมตีจากทั้งสองคนนั้น ก่อนจะพุ่งตัวไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ใช้เท้าเตะเข้าที่ไหล่ของผู้เข้าแข่งขันอาณาจักรจิงเหลย แล้วซัดฝ่ามือเข้าที่กลางอกของผู้เข้าแข่งขันอาณาจักรหลิวอวิ๋น ลงมือโจมตีใส่ผู้เข้าแข่งขันที่เข้ามาห้อมล้อมให้ออกไป
เพียงกระบวนท่าเดียว กลับทำให้คนทั้งสนามตกตะลึง
บนอัฒจันทร์มีคนลุกขึ้นยืนอย่างห้ามไม่อยู่ โดยเฉพาะแม่ทัพที่อยู่ด้านหลังฮ่องเต้ สายตายิ่งแพรวพราวมากขึ้น ทั้งยังส่งเสียงดังขึ้นว่า “เยี่ยม”
คนอื่น ๆ ทยอยพยักหน้าตาม ความเกียจคร้านเมื่อครู่ถูกกวาดจนหมดเกลี้ยง สมาธิทั้งหมดเพ่งมองไปทางลานประลอง
แม้แต่สุภาพสตรีฝั่งนี้ก็ถึงกับให้ความสนใจลานประลองเช่นกัน
ไทเฮากุมมือลวี่ฝูไว้ทันใด แย้มสรวลพยักพระพักตร์รัว ๆ
หนานหนานถอยหลังออกไป ก่อนจะรักษาระยะห่างจากทั้งสองคนนั้นอย่างรวดเร็ว
ผู้เข้าแข่งขันทั้งสองคนที่ล้มลงบนพื้นกระโดดลอยตัวขึ้นในพริบตา ก่อนจะพุ่งโจมตีเข้าใส่หนานหนานอีกหน หนานหนานแค่นเสียงเบา ร่างเล็ก ๆ มีความกระฉับกระเฉงนัก ขณะที่ก้มและเงยหน้า แม้แต่ชายเสื้อก็ยังไม่ปล่อยให้ทั้งสองคนแตะต้อง จากนั้นจึงตบเพื่อผลักพวกเขาออกไปอีกหน
“ดูเอาเถิด ต่อให้ข้าไม่ใช้กระบวนท่าฝ่าเท้าตระกูลลู่ พวกเจ้าสองคนรวมกันยังเก่งสู้ข้ามิได้เลย” หนานหนานโอ้อวดด้วยท่าทางภาคภูมิใจ คำพูดนั้นกลับเป็นความจริง เพราะกระบวนท่าเมื่อครู่เพียงไม่กี่ท่าก็ไม่ได้มีการใช้วิชาฝ่าเท้าแม้แต่น้อย
ไม่เพียงแค่ทำให้ผู้แข่งขันทั้งสองคนที่ยืนอยู่บนลานประลองต้องตกตะลึง แต่ผู้เข้าแข่งขันเหล่านั้นที่ถูกหนานหนานเตะลงไปด้านล่างก็รู้สึกทึ่งเช่นกัน
ร่างกายของลู่หม่านเริ่มสั่นเทิ้มเล็ก ๆ วิชาฝ่าเท้าตระกูลลู่ นี่เป็นวรยุทธ์ชั้นสูงอันลึกซึ้งที่คงทำได้เพียงแค่เชยชมเท่านั้น เป็นวรยุทธ์ที่มีแค่ลูกหลานตระกูลลู่ในวัยสิบสองปีที่จะได้เห็น
บัดนี้ กลับถูกเด็กวัยห้าขวบใช้งานได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ หรือว่าเขาจะมาจากตระกูลลู่? หรือว่าเขาเป็นลูกหลานของตระกูลลู่?
จริงสิ ตอนนั้นเขาเคยพูดไว้ว่า เห็นแก่ตนเองที่แซ่ลู่ จึงให้เขากินยาถอนพิษหนึ่งเม็ด
ไม่ถูกสิ ไม่ถูก เด็กผู้ชายคนนี้ชื่ออวี้ฉิงหนาน หาใช่คนแซ่ลู่ไม่
อีกอย่างกระบวนท่าเหล่านั้นที่เขาใช้งานเมื่อครู่ ก็มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลู่แม้แต่น้อย
เด็กชายนามว่าอวี้ฉิงหนานผู้นี้เป็นใครกันแน่?
ลู่หม่านหันไปมององค์ชายรอง ราวกับอยากเห็นบางสิ่งจากใบหน้าของอีกฝ่าย ทว่าองค์ชายรองกลับมีท่าทางเป็นปกติอยู่เช่นนั้น ปราศจากอารมณ์แปรปรวน ต่อให้เป็นซ่างกวนจิ่นที่นั่งอยู่ข้าง ๆ บัดนี้ยังหรี่ตาลงแล้ว ทว่าองค์ชายรองกลับนิ่งเฉยไม่มีแม้กระทั่งรอยยิ้มที่มุมปาก
เสียงดังขึ้นจากอัฒจันทร์อีกหน ผู้เข้าแข่งขันสองคนนั้นคิดว่าตนเองถูกต้อนอย่างจนมุม จึงลงมืออย่างเหี้ยมโหดไร้ความปรานียิ่งขึ้น
บรรยากาศบนอัฒจันทร์กลายเป็นความตึงเครียดขึ้นอีกหน มีคนจำนวนมากกำลังมองหนานหนานที่หลบหลีกอย่างต่อเนื่องด้วยความกังวล
“อะไรกัน ตอนนี้เริ่มหลบเหมือนเต่าที่มุดหัวอยู่ในกระดองอีกแล้วรึ?” คงเป็นเพราะคิดว่าหนานหนานรับการโจมตีเชิงรุกไม่ไหว ผู้แข่งขันของอาณาจักรจิงเหลยจึงหัวเราะเยาะ ระหว่างลงมือก็หัวเราะเยาะหนานหนานไปพลาง
หนานหนานเหลือบมองเขาปราดหนึ่ง “เจ้านี่มันไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีจริง ๆ เดิมทีข้าแค่อยากทุบพวกเจ้าให้ออกจากลานประลองก็เท่านั้น ถึงอย่างไรคนแบบข้าก็เป็นผู้มีความเมตตามาโดยตลอด ทั้งยังเป็นพ่อพระด้วย แต่เจ้ากลับด่าว่าข้าเป็นเต่ามุดหัวอยู่ในกระดอง? ข้าจะบอกอะไรให้ นี่เป็นเรื่องที่ข้าทนไม่ได้มากที่สุด อย่างมาก…อย่างมาก…อย่างมาก…อย่างมากข้ายอมให้คนอื่นเรียกข้าว่าเสี่ยวไป๋เหอก็ยังพอทน”
เขาพูดจาฉอด ๆ ยาวเหยียดไม่หยุดพัก ทว่ากลับพูดเสียจนผู้เข้าแข่งขันทั้งสองคนที่อยู่ในอาการมึนงงจนยิ่งเกิดความหงุดหงิด
โดยเฉพาะการต่อสู้ที่ยาวนานเช่นนี้ ทั้งสองคนเริ่มกระหืดกระหอบไร้เรี่ยวแรงจนเหงื่อท่วมตัวแล้ว ทว่าเด็กน้อยคนนี้กลับมีสีหน้าเรียบเฉย แม้แต่บนหน้าผากของเขา ก็มีแค่ชั้นเหงื่อบาง ๆ ที่ผุดออกมาเพราะถูกแสงอาทิตย์แผดเผา
พวกเขาลงมือโหดเหี้ยมยิ่งขึ้นเพราะทนรอไม่ไหว ทว่าภายในใจของหนานหนานเริ่มหงุดหงิดแล้ว จึงไม่ออมมืออีกต่อไป
มือทั้งสองข้างกำเข้าหากันจนกลายเป็นหมัด ก่อนจะคว้าไปที่คอเสื้อของคนทั้งคู่ ลากทั้งคู่เข้าหากันอย่างรวดเร็วและรุนแรง ผู้เข้าแข่งขั้นทั้งสองคนจึงกระแทกเข้าใส่กันเพราะมิอาจหลีกเลี่ยงได้
เสียง ‘ผัวะ’ ดังขึ้นหนึ่งเสียง ฝ่ามือทั้งคู่ตบเข้าใส่คู่ต่อสู้ ทั้งสองคนจึงกระอักเลือดออกมาพร้อมกัน
ทั้งคู่ถึงกับตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าการเคลื่อนไหวของเด็กน้อยผู้นี้จะรวดเร็วและมีพลังมหาศาล ไม่มีแม้กระทั่งโอกาสให้พวกเขาได้ไหวตัว
พวกเขารีบปรับตัวอย่างรวดเร็ว ตอนที่กำลังจะลงมืออีกครั้ง หนานหนานกลับกระโดดลอยตัวขึ้นข้างบน และพุ่งตัวลงมาด้านล่างอีกหน และในตอนที่พวกเขาทั้งสองกำลังย่อตัวเพื่อหลบหลีกการโจมตี หนานหนานก็กวาดไปที่ขาทั้งสองข้างของพวกเขา
ทั้งคู่หลบหลีกได้อย่างหวุดหวิด ทว่าตอนที่ประมือกันอีกครั้งกลับเผยให้เห็นข้อบกพร่องที่ดูกระวนกระวายใจอย่างมาก
การเคลื่อนไหวของหนานหนานช่างแปลกประหลาดนัก กระบวนท่าเหล่านั้นของเขาทั้งโหดเหี้ยมและรวดเร็ว ต่อให้เป็นผู้ใหญ่ บางทีอาจหลบความเร็วของหนานหนานไม่ได้ด้วยซ้ำ ท่วงท่าอันเบาหวิว หัตถ์วายุที่คล่องแคล่ว แต่ละกระบวนท่านั้นทำให้คนที่เห็นถึงกับเลือดร้อนจนต้องส่งเสียงอุทาน
“ตึง…ตึง” เกิดเสียงดังขึ้นมา
ในที่สุดหนานหนานก็ไม่ได้ลงมือสังหาร เขาจัดการเตะผู้เข้าแข่งขันทั้งสองคนที่กระอักเลือดติดต่อกันถึงสองครั้งลงจากลานประลอง
บนอัฒจันทร์เกิดเสียงร้องอุทานดังระงม ทุกคนจ้องมองเด็กห้าขวบที่ถูกดูหมิ่นตั้งแต่ต้น ทว่าบัดนี้กลับโดดเด่นยิ่งนัก
หนานหนานเชิดคางขึ้นเล็กน้อย โบกมือส่งให้คนบนอัฒจันทร์อย่างภาคภูมิใจ และตะโกนเสียงดังว่า “ท่านพ่อ ข้าชนะแล้ว ฮ่า ๆๆ”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
พวกที่ดูอ่อนแอนี่แหละคือตัวเต็งล่ะ เวลาสู้ขึ้นมาจริงๆ คือลงมือโหดสุด
หนานหนานเอ๊ย หลุดปากบอกความลับตัวเองไปอีกแล้วนะ
ไหหม่า(海馬)