Legend of the mythological genes – ตอนที่ 204

ตอนที่ 204

ความโกรธเกรี้ยวของยามาตะ โนะ โอโรจิถูกปลดปล่อยเนื่องจากได้รับบาดเจ็บอย่างหนักตอนหลับ ความเจ็บปวดดังกล่าวส่งผลให้มันตื่นจากสภาวะเมาเหล้าทันที งูแปดหัวอ้าปากและพ่นน้ำสีดำออกมาทำให้เกิดหลุมจำนวนมากบนพื้นในขณะที่มีกลิ่นคาวปลาแทรกซึมในอากาศ

ไม่ว่าอะไรก็ตามที่สัมผัสกับน้ำสีดำ วัตถุนั้นก็จะสลายหายไปทันที ไม่จำเป็นต้องพูดถึงร่างกายมนุษย์ที่แสนเปราะบาง

กลุ่มชาวญี่ปุ่นไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการเพิ่มขาอีกสองขา เพื่อให้พวกเขาสามารถหนีด้วยความเร็วที่มากกว่านี้

มีเพียงเทพธิดาและฟุมะ ทาโร่เท่านั้นที่ไม่หนี พวกเขาควบคุมชิกิงามิให้โจมตี

ชูเท็น โดจิแปรสภาพเป็นวิญญาณชั่วร้ายสูงสามเมตร ปริมาณของปราณปีศาจที่หลั่งออกมานั้นมากจนกลายเป็นทะเลเลือด ในทะเลมีผีจำนวนมากโหยหวนขณะที่พวกมันพุ่งเข้าหางูยักษ์และต้องการที่จะฉีกงูยักษ์ออกเป็นชิ้น ๆ

คิวบิ โนะ คิตสึเนะเปิดเผยรูปร่างที่แท้จริงของมัน กลายเป็นสุนัขจิ้งจอกสีขาวที่มีความยาวมากกว่าสิบเมตร หางทั้งเก้าของมันเหมือนหางนกยูงที่แผ่ออกไปด้านหลัง พลังงานชนิดต่างๆถูกปลดปล่อยจากหางแต่ละหาง

ตั้งแต่ปีศาจที่ยิ่งใหญ่สองตัวถูกควบคุมโดยชิกิงามิ พวกมันก็ไม่มีทางที่จะต่อต้านคำสั่งของเจ้านายได้ พวกมันต้องไม่สนใจต่อความเป็นไปได้ที่จะเสียชีวิต

ดังนั้นการต่อสู้ที่วุ่นวายจึงเกิดขึ้น

คลื่นพลังกระจายออกไปด้านนอกทำลายล้างสภาพแวดล้อม

ยามาตะ โนะ โอโรจิต่อสู้กับปีศาจยักษ์สองตัว แต่มันก็ยังได้เปรียบอย่างมาก

เฟิงหลินซ่อนตัวอยู่ไกลๆ แกล้งทำตัวไร้ประโยชน์ ไม่ดึงดูดความสนใจของทุกคน

อย่างไรก็ตามชาวญี่ปุ่นเหล่านี้ไม่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์เช่นดาบทตสึกะ ทำให้พวกเขาไม่สามารถสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อยามาตะ โนะ โอโรจิได้ ในทางตรงกันข้าม พวกเขายิ่งทำให้มันโกรธมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากชาวญี่ปุ่นเหล่านี้กล้าที่จะมาที่นี่ พวกเขาย่อมมีไพ่ลับ เฟิงหลินไม่ได้วิ่งเข้าไปอย่างโง่เขลา เขาเลือกที่จะอดทน รอโอกาสที่จะหยิบอาหารออกจากปากเสือ คว้าดาบคุซานางิอย่างราบรื่น

ในสนามรบ พลังของยามาตะ โนะ โอโรจิพุ่งสูงทะลุฟ้า หัวงูแต่ละหัวมีความหนาเท่าเสายักษ์ กระแทกใส่ปีศาจชูเท็น โดจิที่บินผ่านอากาศ ผีในทะเลเลือดล้อมรอบงู แต่ไม่ว่าพวกมันจะโจมตียังไงก็ไม่สามารถทำลายเกล็ดบนร่างของยามาตะ โนะ โอโรจิได้

จิ้งจอกเก้าหางโจมตีด้วยพลังงานของมัน แต่งูยักษ์ก็หลุดไปได้

แต่ละหัวของยามาตะ โนะ โอโรจิสามารถปลดปล่อยพลังงานที่แตกต่างกันได้ การทำลายล้างตามไปทุกที่ที่มันผ่าน ยิ่งกว่านั้นน้ำสีดำก็ยังถูกพ่นไปทั่วบริเวณโดยรอบ กัดเซาะทุกสิ่งที่สัมผัส

กลุ่มชาวญี่ปุ่นทุกคนถอยร่น ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่สามารถทำอะไรได้

หากสิ่งต่างๆ ยังคงดำเนินต่อไปสถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายขึ้นกว่านี้

ในฐานะกองกำลังหลักของการสู้รบ ฟูมะทาโร่และเทพธิดาพยักหน้ามองกันอย่างเด็ดเดี่ยว พวกเขาถือน้ำเต้าและกระบอกไม้ไผ่ ขณะที่พวกเขาพึมพำคาถาและประสานมือเล็งไปที่ชิกิงามิ(แก้จากตอนที่แล้วว่าไหและหลอดไม้ไผ่)

 

“กลับมา!”

 

ชูเท็น โดจิและคิวบิ โนะ คิตสึเนะไม่อาจต้านทานได้ พวกมันโหยหวนด้วยความทุกข์ทรมานและอีกไม่นานภาพของพวกมันก็ไปปรากฏเหมือนรอยสักบนร่างของฟูมะ ทาโร่และเทพธิดา

มนุษย์และปีศาจเป็นหนึ่งเดียว!

ร่างกายของพวกเขาเปลี่ยนไปทันทีฟูมะ ทาโร่กลายเป็นปีศาจชั่วร้ายที่มีเขาสองข้างบนหัว ปริมาณของปราณปีศาจเปล่งประกายอยู่ข้างหลังเขาในขณะที่มีเสียงกรีดร้องโหยหวนของผีดังไม่หยุดหย่อน

เทพธิดาเปลี่ยนเป็นหญิงสาวจิ้งจอกทรงเสน่ห์ซึ่งมีครึ่งหนึ่งเป็นสุนัขจิ้งจอกและอีกครึ่งเป็นมนุษย์ หางที่มีขนนุ่มเก้าหางอยู่ข้างหลังเธอเต็มไปด้วยพลังอันแรงกล้า

 

ก้าวพริบตา!

ทั้งร่างของฟูมะ ทาโร่ถูกห่อด้วยลมปีศาจ เขาก้าวไปข้างหน้าและหมุนร่างกาย ด้วยดาบในมือของเขา เขาร่ายรำผ่านอากาศอย่างสวยงาม พลังดาบกว้างใหญ่ถูกสร้างขึ้นจากการเฉือนของเขา เปลี่ยนเป็นแรงผลักดันของวัตถุและกลายเป็นภาพดาบที่ยิ่งใหญ่ในระยะ 50 เมตร มันต้องการที่จะเชือดงูยักษ์

ร่างของยามาตะ โนะ โอโรจินั้นใหญ่เกินไป มันไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงการเฉือนครั้งนี้ได้หมดและต้องต้านทานการระเบิด หัวงูหนึ่งหัวถูกตัดออก เผยให้เห็นกระดูกสีขาวในขณะที่มีเลือดสดๆพุ่งออกมา

 

“อามาเทราซุ!” เทพธิดาญี่ปุ่นร้องด้วยเสียงต่ำขณะที่หางทั้งเก้าของเธอเข้ามารวมกันเป็นหนึ่ง ที่ปลายหางมีเปลวไฟสีดำดูแปลกตาปรากฏขึ้น เปลวไฟสีดำนี้ไม่เปล่งแสงหรือความร้อนใดๆ มันปะทุเงียบๆและแปลกประหลาดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

นี่ไม่ใช่อะไรที่ไหนมันคือเปลวไฟทำลายโลกในตำนาน เปลวไฟสีดำของอามาเทราสุพุ่งใส่ยามาตะ โนะ โอโรจิและเผาเป็นเถ้าถ่านทันที เปลวไฟสีดำสามารถเผาไหม้ทุกสิ่งในโลกได้และจะไม่ดับแม้จะถูกน้ำมหาสมุทรสาดใส่ ในความเป็นจริง การเทอะไรลงไปจะยิ่งทำให้เปลวไฟลุกไหม้มากขึ้นกว่าเดิม ในไม่ช้าหัวงูอีกหนึ่งหัวก็ถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน

หลังจากที่พวกเขาสองคนหลอมรวมกับปีศาจที่ยิ่งใหญ่ ความกล้าหาญในการต่อสู้ของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างมากซึ่งสามารถทำลายหัวของยามาตะ โนะ โอโรจิได้ถึงสองหัวทันที

ยามาตะ โนะ โอโรจิไม่ควรถูกเรียกว่างูแปดหัวแล้วตอนนี้ มันควรถูกเรียกว่างูหกหัวแทน

ยามาตะ โนะ โอโรจิดิ้นรนด้วยความเจ็บปวดพ่นไอน้ำสีดำออกมา หลังจากนั้นทั้งหกหัวก็ปล่อยพลังงานประเภทต่าง ๆ – สายฟ้า ไฟ น้ำแข็ง – ก่อตัวเป็นกระแสพลังงานวนที่ล้อมกลุ่มชาวญี่ปุ่นไว้

ทั่วทั้งร่างของฟูมะ ทาโร่ถูกปกคลุมไปด้วยปราณปีศาจ วิชาดาบของเขาเฉียบคมอย่างไม่น่าเชื่อ ในขณะที่เขายังคงโจมตีต่อ

ในขณะเดียวกันเทพธิดาก็เหมือนนกยูงที่แผ่หางของมัน เธอควบคุมเปลวไฟสีดำและเป็นเหมือนกับอามาเทราสุที่จุติลงมาสู่โลกมนุษย์ทำลายทุกอย่างด้วยเปลวไฟสีดำศักดิ์สิทธิ์

 

พวกเขาสองคนไม่กลัวพลังของงูยักษ์นี่ พวกเขารีบวิ่งออกไปและสู้กับยามาตะ โนะ โอโรจิระยะใกล้

ต่อสู้กับอสูรที่ทำลายโลกด้วยร่างเล็กๆของมนุษยชาติ หากภาพนี้เป็นชาวญี่ปุ่นได้เห็น พวกเขาก็จะรู้สึกว่าเหล่าเทพในตำนานของพวกเขาจุติลงมาแล้ว

อย่างไรก็ตามเฟิงหลินยังคงเลือกที่จะซ่อนตัวอยู่ในความมืด ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยแสงจ้าขณะที่สำรวจทุกอย่างอย่างละเอียด

เมื่อเวลาผ่านไปการต่อสู้ก็ยิ่งชัดเจนขึ้นขึ้น

แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะหลอมรวมกับปีศาจและเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างมาก ทำให้พวกเขาเทียบเคียงกับผู้บ่มเพาะระดับสูงและทำให้พวกเขามีให้อำนาจในการโจมตียามาตะ โนะ โอโรจิได้ แต่เพราะร่างของยามาตะ โนะ โอโรจินั้นใหญ่เกินไป การโจมตีของมันเพียงพอที่จะเขย่าสวรรค์และโลก เพียงคลื่นกระแทกจากการโจมตีก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดบาดแผล

ณ ตอนนี้หัวงูถูกตัดไปห้าหัวเหลืออยู่เพียงสามหัวที่น่าสมเพช อาจกล่าวได้ว่าไม่มีฝ่ายใดชนะ

(ฉันหลบนานเกินไปแล้ว ต้องขยับบ้าง!)

เฟิงหลินรออยู่ในเงามืดนานเกินไปและเขารู้ว่าในที่สุดเขาก็ถึงคราวที่ต้องเปิดเผยตัว เขาหยิบน้ำเต้าสีม่วงออกมาและปลดผนึกออกปล่อยไดเทนกุออกมา

 

“เฉือนที่ช่องท้องของยามาตะ โนะ โอโรจิ!” เขาสั่งอย่างเย็นชา

 

ไดเทนกุถูกปล่อยออกไปและมันไม่มีทางที่จะต่อต้านคำสั่ง มันใช้การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดทันทีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับคาตานะของมันและวาดดาบในอากาศ

ดาบ3 ผ่าโลก!

มีการจู่โจมอย่างกะทันหัน ผิดจากการคาดหวังของพวกเขา ฟูมะ ทาโร่และเทพธิดาต่างตกใจ พวกเขากระโดดหลบและชะลอการโจมตีของพวกเขา

ในขณะนี้คาตานะของไดเทนกุพุ่งออกมา เต็มไปด้วยพลังที่สามารถทำลายทุกอย่างและเปิดบาดแผลบนหน้าท้องเหมือนกระดองเต่าของยามาตะ โนะ โอโรจิ เลือดเดือดไหลเต็มทั่วrnhoในขณะที่ดาบยักษ์สีเงินส่อ

ประกายแวววาว

ร่างหนึ่งเคลื่อนไหวเร็วเหมือนภูติผี คว้าดาบคุซานางิและดึงมันออกมาอย่างไร้ความปราณี

ยามาตะ โนะ โอโรจิร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ร่างยักษ์ของมันหดตัวและถูกดูดซึมเข้าสู่ดาบคุซานางิ ภาพของยามาตะ โนะ โอโรจิถูกประทับลงบนดาบ

 

“แกเป็นใคร?” ฟูมะ ทาโร่ทั้งตกใจและโกรธ พวกเขากำลังจะฆ่ายามาตะ โนะ โอโรจิได้แต่มีคนขโมยไป? ใครจะกล้าทำอย่างนั้น?

“แกไม่ใช่ยามาโมโตะ อิชิโระ!” ตาของเทพธิดาเปล่งประกายแหลมคมราวกับต้องการที่จะมองทะลุผ่านการปลอมตัวของเฟิงหลินและเห็นตัวตนที่แท้จริงของเขา

 

เฟิงหลินไม่สนใจพวกเขา มือของเขาจับดาบคุซานางิและรู้สึกได้ถึงพลังชั่วร้ายที่ไหลเข้าสู่ร่างกาย ด้วยเหตุผลบางอย่างเขารู้สึกว่าขีดจำกัดในร่างกายของเขากำลังจะแตกสลาย สถานะพลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

97, 98, 99, 100 …

สถานะพลังของเขาพุ่งขึ้นเหมือนจรวดไม่หยุดแม้จะถึง 100 และทำลายขีดจำกัดของร่างกายมนุษย์

Legend of the mythological genes

Legend of the mythological genes

Status: Ongoing

ทุกตำนานคือเส้นทางสู่การเป็นเทพ!เมื่อมนุษย์เข้าสู่ยุคดวงดาว การบ่มเพาะโบราณได้ส่องประกายสู่ชีวิตใหม่ ยีนดำรงอยู่ในตัวคุณ!ประโยคเดียวที่แสดงถึงความหมายแท้จริงของการบ่มเพาะ ตำนานไม่ใช่เรื่องในจินตนาการ มันมียีนในตำนานอยู่จริง ยีนของห่าวยี่ช่วยให้ยิงลูกศรได้ไกลหลายร้อยกิโลเมตร ลูกศรนัดเดียวสามารถทำลายโดมแห่งสวรรค์

ยีนกัวฟู่จะช่วยให้คุณวิ่งได้ด้วยความเร็วสูง ไล่ตามดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ได้ ยีนมังกรเทวะจะช่วยให้พุ่งทะยานเหนือหมู่เมฆ แหวกว่ายรอบห้วงอวกาศ … เกือบหมื่นปีได้ผ่านไป เฟิงหลินมาจากศตวรรษที่21สู่ยุคสมัยอันยิ่งใหญ่ ตามความเข้าใจเข้าถึงตำนานของยุคโลกโบราณ เขาได้เริ่มเดินบนเส้นทางการบ่มเพาะยีนสุดพิเศษ

ยีนลิง+ยีนหิน = ยีนลิงหิน ยีนลิงหิน+??? = ยีนลิงหินวิญญาณ ยีนลิงหินวิญญาณ+??? = ยีนราชาลิงสุดหล่อ ยีนราชาลิงสุดหล่อ+??? = ยีนซุนหงอคง ยีนซุนหงอคง+??? = ยีนมหาเทพเทียมฟ้า

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท