อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] – ตอนที่ 389 ตรวจซ้ำอีกครั้ง

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

ตอนที่ 389 ตรวจซ้ำอีกครั้ง

ตอนที่ 389 ตรวจซ้ำอีกครั้ง

ในท้องพระโรงที่จัดขึ้นภายในสนามแข่งขัน บัดนี้ได้เข้าสู่ความเงียบสงัด

ฮ่องเต้ประทับลงบนพระที่นั่งตำแหน่งประธานที่ตั้งอยู่ตรงกลาง สีพระพักตร์เย็นชาขณะทอดสายพระเนตรไปกลางท้องพระโรง ด้านซ้ายและขวาพระหัตถ์ของพระองค์มีไทเฮาและฮองเฮาประทับอยู่ ถัดจากฮองเฮาคือเหมิงกุ้ยเฟยที่กำลังหรี่ตา

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ฮ่องเต้รู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้ากลับเป็นเพราะทูตจากสามอาณาจักรที่กำลังยืนห่างออกไปไม่ไกล และมองมาด้วยสายตาเย็นเยียบ

นี่เป็นเรื่องภายในอาณาจักรเฟิงชาง ทว่าเป็นเพราะความไม่เต็มใจของหมอปีศาจผู้มีชื่อเสียงอันโด่งดังถึงนอกอาณาจักร ทำให้ซ่างกวนจิ่น ฉีหานเว่ย และองค์ชายรองยืนกรานที่จะอยู่ข้าง ๆ เพื่อฟังเหตุผล

ต่อให้ฮ่องเต้ไม่เต็มพระทัยมากกว่านี้ แต่ในเมื่อทูตสามอาณาจักรเห็นพ้องต้องกันจึงจนปัญญา และทำได้เพียงแค่สั่งให้คนนำเก้าอี้มาปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างกระตือรือร้น

เพียงไม่นาน ด้านนอกท้องพระโรงก็มีคนสองคนเดินเข้ามา ทั้งคู่คือฮูหยินใหญ่ตระกูลอวี๋ และหลี่หรานหร่านที่ฮ่องเต้สั่งให้คนไปเรียกตัวเข้าเฝ้า

พวกนางทั้งคู่ไม่เคยเห็นสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนจะเดินทางมาที่นี่ ขันทีผู้ถ่ายทอดราชโองการกลับไม่พูดอะไรแม้แต่ประโยคเดียว เขาเพียงแค่สั่งให้พวกนางมาเข้าเฝ้าด้วยสีหน้าเย็นชา ครั้นทั้งคู่เดินเข้ามาก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศตึงเครียดภายในท้องพระโรง พวกนางคุกเข่าลงบนพื้นโดยไม่รู้ตัว ไม่กล้าแม้กระทั่งเงยหน้ามอง

“หม่อมฉันเว่ยซื่อ (สตรีสกุลเว่ย) ถวายบังคมฝ่าบาท ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่น ๆ ปีเพคะ”

“หม่อมฉันหลี่ซื่อ (สตรีสกุลหลี่) ถวายบังคมฝ่าบาท ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่น ๆ ปีเพคะ”

ฮ่องเต้ทอดพระเนตรไปยังพวกนางปราดหนึ่ง ยกฝ่าพระหัตถ์ขึ้นเล็กน้อย ตรัสเสียงทุ้มว่า “ไม่จำเป็นต้องมากพิธี วันนี้ที่เราให้พวกเจ้ามาที่นี่เพราะต้องการให้พวกเจ้ายืนยันตัวตนใครบางคน พวกเจ้าทั้งคู่บอกเรามา สตรีที่ยืนอยู่ทางซ้ายมือของพวกเจ้า เป็นใครกันแน่?”

ฮูหยินใหญ่และหลี่หรานหร่านชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้ามองไปยังคนที่ยืนอยู่ทางซ้ายมือของพวกนางด้วยเนื้อตัวสั่นเทา

ครู่ต่อมา ทั้งคู่ถึงกับเบิกตากว้างโดยไม่รู้ตัว ร่างกายถึงกับแข็งทื่อ แทบจะพูดโพล่งออกมาในทันที

“อวี้ชิงลั่ว เจ้า…เจ้ายังไม่ตายจริง ๆ ด้วย”

พระเนตรของฮ่องเต้หรี่ลง สายพระเนตรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม

อวี้ชิงลั่วยังคงยิ้มจาง ๆ เหลือบมองพวกนางเล็กน้อย กล่าวว่า “พวกท่านคิดให้ดีแล้วค่อยพูดเถิด มิเช่นนั้นจะกลายเป็นความผิดโทษฐานลบหลู่ฝ่าบาท โทษคือตัดหัวสถานเดียว”

“สามหาว ภายในท้องพระโรง เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้พูดจาข่มขู่พยานต่อเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้และไทเฮา?” เหมิงกุ้ยเฟยตำหนิเสียงสูงทันใด จ้องมองอวี้ชิงลั่วด้วยรอยยิ้มเย็นชา

หลี่หรานหร่านได้ยินเช่นนี้จึงเหลือบมองเงียบ ๆ พบว่าเป็นสตรีผู้มีความสง่างามท่านหนึ่ง ดูจากอาภรณ์และตำแหน่งของนางแล้ว สถานะคงมิใช่น้อย ๆ

ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่ฮ่องเต้ยังไม่ตรัสสิ่งใด สตรีท่านนี้ก็ส่งเสียงตำหนิออกมาแล้ว ดูเหมือนว่านางคงไม่โปรดปรานอวี้ชิงลั่วเอาเสียเลย

“กุ้ยเฟยเหนียงเหนียง” สายตาของอวี้ชิงลั่วนิ่งสงบ นางถอนสายบัวให้เหมิงกุ้ยเฟยพลางกล่าวเสียงเบาว่า “ทั้งหมดที่หม่อมฉันกล่าวไป หาได้เรียกว่าเป็นการข่มขู่ไม่ เพียงแต่หลี่ซื่อผู้นั้นเคยเป็นคนไข้ของหม่อมฉัน หม่อมฉันเคยรักษาให้นางช่วงหนึ่ง ก็ถือว่าเคยสนิทสนมกันระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้นจึงได้กล่าวเตือนนางด้วยความหวังดี ป้องกันมิให้ตระกูลเล็ก ๆ ที่ไม่เคยพบเจอโลกภายนอกเช่นนี้ล่วงเกินฮ่องเต้ ไทเฮา และผู้สูงศักดิ์ทุกท่าน หากรนหาที่ตายด้วยตนเอง มิเท่ากับว่าความหวังดีที่หม่อมฉันรักษาให้นางสูญเปล่าหรอกหรือเพคะ?”

หลี่หรานหร่านกำหมัดแน่นในทันที อวี้ชิงลั่ว นังคนไร้ยางอาย คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าเอ่ยถึงเรื่องรักษาโรคให้นาง

หากมิใช่เพราะอวี้ชิงลั่ว อวี๋จั้วหลินจะรู้เรื่องที่นางมิอาจให้กำเนิดบุตรได้หรือ?

เหมิงกุ้ยเฟยหัวเราะเย้ยหยัน “หมอปีศาจนับว่าช่างเจรจานัก”

“เหนียงเหนียง…กุ้ยเฟยเหนียงเหนียง” หลี่หรานหร่านได้ยินอวี้ชิงลั่วเรียกนางเช่นนี้ จึงเข้าใจได้ว่าผู้สูงศักดิ์ที่กำลังต่อต้านอวี้ชิงลั่วผู้นี้คือใคร นางจึงคุกเข่าและคลานไปด้านหน้า ส่งเสียงเรียกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา และเงยหน้าขึ้นในสภาพน้ำตานองหน้า

ท่าทางน่าสมเพชเวทนาเช่นนั้น แม้แต่ฮ่องเต้และคนอื่น ๆ ยังถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง

เหมิงกุ้ยเฟยอยู่ในวังหลังมาหลายปี ไฉนเลยจะไม่ทราบว่าหลี่หรานหร่านร้องไห้จริงหรือเพียงแค่เสแสร้ง? ทว่าในเมื่ออีกฝ่ายมีความคิดอยากจัดการกับอวี้ชิงลั่ว ก็ถือว่ายืนอยู่ฝั่งเดียวกับนางเป็นการชั่วคราว เช่นนั้นนางก็จะช่วยให้อีกฝ่ายสมปรารถนา

“หลี่ซื่อ เจ้าเป็นอะไรไป เป็นเพราะได้รับความอยุติธรรมใช่หรือไม่? เจ้าบอกมาได้เต็มที่ ฮ่องเต้จะมอบความเป็นธรรมให้เจ้าเอง”

หลี่หรานหร่านรีบโขกศีรษะลงบนพื้นหินอ่อนจนเกิดเสียง ‘ตึง’ ในทันที “ฝ่าบาท เหนียงเหนียง สตรีผู้นี้คืออวี้ชิงลั่วจริง ๆ เพคะ เมื่อหกปีก่อน หม่อมฉันและใต้เท้าอวี๋เราสองคนรักกัน อวี้ชิงลั่วเกิดความอิจฉาริษยา ทำทุกวิถีทางเพื่อแก้แค้นหม่อมฉันและใต้เท้าอวี๋ คิดไม่ถึงเลย เรื่องที่นางแอบเป็นชู้กับบุรุษอื่นกลับถูกคนตระกูลอวี๋รับรู้ล่วงหน้า ตอนที่จับนางขังไว้ในห้องเก็บฟืน อวี้ชิงลั่วเคยตะโกนใส่หน้าหม่อมฉัน บอกว่าหากนางยังมีชีวิตรอด นางจะทำให้ตระกูลอวี๋เกิดความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า จะทำให้หม่อมฉันรู้สึกอยากตายมากกว่าที่จะมีชีวิตอยู่เพคะ”

ระหว่างที่หลี่หรานหร่านกำลังพูด นางก็ส่งเสียงร้องไห้ฮือ ๆ สายตาขุ่นเคืองจ้องมองอวี้ชิงลั่ว “หม่อมฉันคิดว่าที่นางถูกฟ้าผ่าตายก็นับว่าเป็นการลงโทษแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่านางยังมีชีวิตรอด ทั้งยังสะสมพลังของตนให้เข้มแข็งขึ้นนานกว่าหกปี จนกระทั่งเวลานี้ นางจึงใช้สถานะของหมอปีศาจเข้าหาตระกูลอวี๋ ทั้งยังใช้โอกาสตอนที่รักษาโรคให้หม่อมฉัน บอก…บอกว่าหม่อมฉันมิอาจให้กำเนิดทายาทได้ เพราะต้องการใช้เงื่อนไขเจ็ดขับ[1] เพื่อให้ตระกูลอวี๋ขับไล่หม่อมฉันออกจากตระกูล สตรีผู้นี้หาใช่หมอปีศาจไม่ ฮ่องเต้ เหนียงเหนียง เห็นได้ชัดว่านางคือตัวปลอมเพคะ”

ครั้นทุกคนได้ฟังเสร็จสรรพก็ถึงกับตกตะลึง สายตาที่มองอวี้ชิงลั่วแฝงด้วยแววดูหมิ่นมากยิ่งขึ้น

อวี้ชิงลั่วส่ายหน้าเงียบ ๆ มองหลี่หรานหร่านราวกับกำลังดูละคร “หลี่ซื่อ ทักษะทางการแพทย์ของข้าเป็นเช่นไร ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างทราบดี ตอนประลองภายในโรงเตี๊ยม ทุกคนต่างก็ได้ประจักษ์แจ้ง อะไรกัน หรือเจ้าจะบอกว่าทุกคนตาบอด? มองไม่ออกแม้กระทั่งเรื่องที่ข้าเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม?”

หลีจื่อฟานก้าวเท้าเข้ามาด้านหน้า ค้อมกายต่อเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้ กล่าวด้วยน้ำเสียงดังฟังชัด “ฝ่าบาท แม่นางชิงคือหมอปีศาจตัวจริงพ่ะย่ะค่ะ ตอนนั้นกระหม่อม รัชทายาท ท่านอ๋องซิว ท่านอ๋องแปด และคนอื่น ๆ ต่างก็อยู่ภายในสนามประลอง แม้กระทั่งอดีตหัวหน้าไท่อีเยวี่ยนก็เป็นคนถามคำถามเพื่อทดสอบด้วยตนเอง ประชาชนทั่วทั้งเมืองหลวงได้เห็นแม่นางชิงรักษาคนไข้ ความสามารถของนางเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งต่อสายตาของธารกำนัล ยิ่งไปกว่านั้น คนที่ถอนพิษให้องค์ชายเจ็ดในตอนนั้น…ก็เป็นแม่นางชิงด้วย”

ครั้นกล่าวจบ สายตาเฉียบคมของหลีจื่อฟานพลันทอดมองไปที่เหมิงกุ้ยเฟยราวกับกำลังบอกนางว่า แม่นางชิงคือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตองค์ชายเจ็ด เหมิงกุ้ยเฟยพุ่งเป้ามาที่นางเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเนรคุณไม่รู้คุณคน

ฮ่องเต้เงียบขรึม พยักพระพักตร์แสดงออกว่าเห็นด้วย แม่นางชิงคือหมอปีศาจอย่างไม่ต้องสงสัย

สีหน้าของหลี่หรานหร่านถึงกับซีดเผือด ทำได้เพียงแค่ใช้สายตาขอความช่วยเหลือไปที่เหมิงกุ้ยเฟย

“ฝ่าบาท หากต้องการพิสูจน์ว่าแม่นางชิงจงใจตรวจพบความบกพร่องทางร่างกายของนางเพียงเพราะต้องการแก้แค้นหลี่ซื่อหรือไม่ แค่ให้หมอหลวงของไท่อีเยวี่ยนมาตรวจซ้ำอีกครั้งก็ทราบแล้วเพคะ”

เหมิงกุ้ยเฟยมิได้กล่าวถึงเรื่องแม่นางชิงคือหมอปีศาจ เพียงแต่หยิบยกประเด็นเรื่อง ‘แก้แค้น’ ออกมา หากหลี่หรานหร่านไม่ได้มีความบกพร่อง แต่กลับถูกแม่นางชิงบอกผลวินิจฉัยเช่นนี้ ก็หมายความว่าแม่นางชิงมีความแค้นต่อหลี่หรานหร่านจริง ซึ่งความแค้นนี้เป็นหลักฐานที่มีน้ำหนักว่านางคืออวี้ชิงลั่ว

ประเด็นเรื่องหมอปีศาจนี้ผ่านการพิสูจน์มาก่อนหน้านี้นานแล้ว ไม่จำเป็นต้องหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาเล่นอีก

ฮ่องเต้ครุ่นคิด พยักพระพักตร์ให้หมอหลวงเข้ามา

หมอหลวงวู คือหมอหลวงผู้ติดตามการแข่งขันใหญ่สี่อาณาจักร บัดนี้จึงอยู่ภายในท้องพระโรง ครั้นแลเห็นเหมิงกุ้ยเฟยส่งสายตามอง เขาจึงก้าวเท้าเดินออกมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

“ฮ่องเต้ กระหม่อมมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

………………………………………………………………………………………………………………………

[1] เจ็ดขับ (七出) เป็นเงื่อนไขที่ฝ่ายสามีสามารถ “ขับ” ภรรยาออกจากตระกูลได้ หากมีพฤติกรรมตรงกับข้อใดข้อหนึ่งในเจ็ดข้อ ได้แก่ ไม่ปรนนิบัติพ่อแม่สามี ไม่มีบุตร แอบคบชู้ อิจฉาริษยา มีโรคร้ายแรง พูดมาก และลักขโมย

สารจากผู้แปล

อ่า ท้าแบบนี้ก็เข้าทางชิงลั่วเลยสิ ตรวจว่าเป็นหมันจริงโดนโทษหนักนะนังหร่าน

ไหหม่า(海馬)

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

Status: Ongoing
จากภรรยาผู้เป็นที่รังเกียจของสามีและถูกใส่ความว่าเป็นชู้กับบุรุษอื่นจนกระทั่งมีบุตรด้วยกัน​ อีกหกปีให้หลังได้เป็นหมอหญิงฉายา​ ‘หมอปีศาจ’​ ผู้ลือนามพร้อมบุตรชายแสนซนที่สรรหาเรื่องราวต่างๆ​ รวมถึงบุรุษที่คาดว่าจะเป็นบิดาตนมาให้ไม่หยุดหย่อน​ อวี้ชิงลั่ว​ แพทย์หญิงมือฉกาจจากยุคปัจจุบันผู้ทะลุมิติ​มาเข้าร่างของหมอปีศาจผู้นี้จะทำอย่างไรต่อไปดี​ ในเมื่อปริศนาเกี่ยวกับตัวเองก็ต้องสืบ​ ส่วนบิดาของลูกติดเจ้าของร่างก็ต้องหา?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท