อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] – ตอนที่ 465 จุดประสงค์

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

ตอนที่ 465 จุดประสงค์

ตอนที่ 465 จุดประสงค์

อวี้ชิงลั่วชะงัก รีบหันกลับไปมอง และค้นพบว่าด้านหลังของนางนอกจากสตรีที่แต่งกายเป็นองค์หญิงเพียงไม่กี่คน ก็มีแค่นางสนมเพียงคนเดียวที่ดูสูงศักดิ์กว่าคนอื่น ๆ เล็กน้อย

สายตาคู่นั้นเมื่อครู่นี้ มาจากคนคนนี้งั้นรึ?

อวี้ชิงลั่วส่ายหน้า คิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ คนคนนี้ดูไม่เหมือนกับคนที่จะมีสายตาเฉียบคมเช่นนี้ถึงจะถูก

“นี่คือหมิ่นเฟย หมู่เฟยขององค์ชายหก” เหมิงกุ้ยเฟยเห็นอวี้ชิงลั่วมองไปด้านหลัง จึงส่งเสียงเคล้ารอยยิ้ม

อวี้ชิงลั่วพยักหน้าให้หมิ่นเฟยผู้นั้น ทว่าหมิ่นเฟยกลับเหลือบมองนางเพียงปราดเดียว แล้วเบือนสายตาไปทางอื่นทันที ราวกับไม่คิดจะสนทนากับนางให้มากมาย

อวี้ชิงลั่วไม่ได้ใส่ใจ ถึงอย่างไรสำหรับนางแล้ว นางสนมเหล่านี้ต่อให้ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กัน หลังจากนี้ก็ไม่คิดจะมีปฏิสัมพันธ์เช่นกัน โดยเฉพาะบุตรชายของหมิ่นเฟยผู้นี้ที่มักจะสุงสิงอยู่กับองค์ชายสามและองค์ชายสี่ คราวก่อนในกลุ่มคนที่ไปสร้างปัญหาที่จวนเย่หลานเฉิง ก็มีซื่อจื่อน้อยขององค์ชายหกอยู่ด้วย

เหมิงกุ้ยเฟยชี้ไปที่คนที่ดูเหมือนจะเป็นนางสนมคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หลิวเฟย กล่าวว่า “นี่คือคังเฟย หมู่เฟยขององค์ชายสี่”

อวี้ชิงลั่วเม้มริมฝีปาก มองเหมิงกุ้ยเฟยด้วยท่าทางครุ่นคิดอยู่ปราดหนึ่ง อีกฝ่ายทำราวกับไม่เห็นสายตาของนาง ยังคงแนะนำนางสนมอีกสองสามคนที่อยู่ด้านหลังด้วยรอยยิ้ม จนเกือบจะครบทุกคนแล้ว

เพียงแต่เมื่อเทียบกับบรรดานางสนมผู้เป็นหมู่เฟยขององค์ชายก่อนหน้านี้ นางกลับแนะนำคนอื่น ๆ ในช่วงหลังด้วยท่าทางเบื่อหน่ายเล็กน้อย

เดิมทีอวี้ชิงลั่วไม่ได้รู้สึกสนใจเท่าไรนัก ตอนนี้นางกลับรู้สึกทนไม่ไหวแล้ว การรับมือกับสตรีที่อยู่ในวังไม่ใช่จุดแข็งของนาง โดยเฉพาะสตรีที่มีแผนการอันลึกซึ้งมีเจตนาอื่นซ่อนเร้นเหล่านี้ ยิ่งทำให้อวี้ชิงลั่วรู้สึกหงุดหงิดเข้าไปใหญ่

โชคดีที่แนะนำไปเพียงรอบหนึ่ง เหมิงกุ้ยเฟยก็นำทุกคนลุกขึ้นเดินไปยังกลุ่มคณะละครที่สร้างไว้ด้านหน้า เรียกทุกคนให้มาชมการแสดง

อวี้ชิงลั่วไม่ได้รู้สึกสนใจ แต่ก็ต้องนั่งพูดคุยเป็นเพื่อน โชคดีที่ข้าง ๆ ยังมีเย่หว่านเยียนที่เข้ามาคล้องแขนพูดคุยกับนาง

ครั้งนี้เหมิงกุ้ยเฟยกลับไม่ได้ตำหนินาง เพียงเหลือบมองด้วยสายตาเย็นชาเป็นครั้งคราว ราวกับกำลังเตือนให้นางรู้จักความพอดี สายตาเย็นชาไม่กี่ครั้งนั้นไม่ได้ทำให้เย่หว่านเยียนตกใจจนถอยออกไป กลับทำให้หมู่เฟยของเย่หว่านเยียนถึงกับตื่นตระหนกจนเหงื่อเย็นท่วมศีรษะ คิดอยากดึงเย่หว่านเยียนกลับมาอยู่หลายครั้ง

นางสนมชั้นเฟยคนอื่น ๆ นับว่าวางตัวอย่างสงบ แม้แต่หลิวเฟยคนนั้นก็ทำแค่ใช้สายตาเย้ยหยันมาที่อวี้ชิงลั่วปราดหนึ่ง แล้วหันไปพูดคุยกับคังเฟยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไว้หน้าเหมิงกุ้ยเฟย หรือเป็นเพราะภายในใจมีแผนอย่างอื่น คนเหล่านี้จึงไม่ได้สร้างความลำบากใจให้นางในวันนี้

ไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าการแสดงขับร้องจะจบลง ทำให้อวี้ชิงลั่วแอบนวดบ่าที่ปวดเมื่อยอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะเดินตามคนอื่น ๆ ไปรับประทานอาหารที่โถงบุปผา

อาหารมีความประณีตและอร่อยอย่างมาก ทว่าตอนที่รับประทานก็เนิบช้าและพิถีพิถันจนผิดปกติเช่นเดียวกัน อวี้ชิงลั่วอึดอัดแทบแย่แล้ว คิดว่าอยากให้จบการทรมานในวันนี้โดยเร็วถึงจะดี

โชคดีที่หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ คนอื่น ๆ ก็นั่งกันอีกครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวคำอำลา

รอจนกระทั่งทุกคนเดินออกไปจนหมดแล้ว เหมิงกุ้ยเฟยจึงสั่งให้เฟยเกอปิดประตูห้อง นางนั่งลงข้าง ๆ อวี้ชิงลั่วพร้อมกับยกแก้วน้ำชาขึ้นมาจิบเบา ๆ

อวี้ชิงลั่วแย้มยิ้ม นางคิดไว้อยู่แล้วเชียว เหมิงกุ้ยเฟยต้องมีเรื่องจะคุยกับนาง อีกอย่าง ตอนนี้ต่างหากเล่าถึงจะเป็นการเริ่มต้นของประเด็นสำคัญ

“องค์หญิง รู้สึกอย่างไรกับการแสดงในวันนี้?”

“ก็ดีเพคะ ตัวนางขับร้องได้ไม่เลวเลย หน้าตาก็งดงามมาก”

ใบหน้าถูกแต่งแต้มจนมองไม่เห็นหน้าตาเดิม งดงามกับผีเถอะ อวี้ชิงลั่วสบถอย่างเงียบ ๆ ขณะพูดไร้สาระโดยไม่ลืมหูลืมตา

เหมิงกุ้ยเฟยดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจกับท่าทางแกล้งโง่ของอวี้ชิงลั่ว จึงไอกระแอมเสียงเบา กลับเข้าประเด็นหลักในทันที “องค์หญิงเป็นคนฉลาด เรื่องของอาฝูเราคิดว่าองค์หญิงก็น่าจะเข้าใจเป็นอย่างดี ว่านี่เป็นการวางแผนร้าย”

“ความหมายของเหนียงเหนียงก็คือ อาฝูได้รับคำสั่ง จงใจวางแผนใส่ร้ายท่านอ๋องซิวและองค์ชายเจ็ด เพื่อให้พวกเขาสองพี่น้องฆ่ากันเอง?”

อวี้ชิงลั่วไม่ได้แกล้งโง่อีกต่อไป ในเมื่ออีกฝ่ายพูดด้วยความจริงใจขนาดนั้น เช่นนั้นนางก็จะตอบด้วยความจริงใจก็แล้วกัน ต่อให้พูดอ้อมไปอ้อมมาก็ต้องพูดถึงวัตถุประสงค์ในครั้งนี้ของนางอยู่ดี

เหมิงกุ้ยเฟยแย้มยิ้ม “ซิวเอ๋อร์กับฮ่าวถิงเป็นลูกชายของเราทั้งคู่ มีคนคิดจะจัดการกับลูกชายทั้งสองของเราในเวลาเดียวกัน เราย่อมไม่มีทางปล่อยไปเช่นนี้ องค์หญิงหมั้นหมายกับซิวเอ๋อร์แล้ว หลังจากนี้ก็เป็นคนของตำหนักอ๋องซิว คิดว่าคงไม่อยากเห็นตำหนักอ๋องซิวต้องกลายเป็นเป้าในสายตาคนอื่น จริงหรือไม่?”

“ความหมายของเหนียงเหนียงคือ…”

“ซิวเอ๋อร์และฮ่าวถิงล้วนเป็นบุรุษ มีหลายสิ่งที่ทำได้ไม่สะดวก การตรึกตรองถึงสิ่งต่าง ๆ คงไม่ละเอียดถี่ถ้วน อีกอย่างเป็นเพราะพวกเขาสองพี่น้องเข้าหากันไม่มาก ดังนั้นจึงไม่ค่อยสนิทกันเท่าไรนัก ต่อให้มีสิ่งที่อยากพูด ก็คงไม่ยอมมานั่งจับเข่าคุยกันให้ดี ๆ ด้วยเหตุนี้ ยิ่งเสียเปรียบให้กับคนที่ซ่อนอยู่ในที่มืดเหล่านั้นมิใช่หรือ? แต่เราและองค์หญิงต่างก็หวังว่าพวกเขาทั้งสองจะปลอดภัยและปรองดองสมานฉันท์ ครั้งนี้ในเมื่อคนเหล่านั้นคิดจะเล่นงานพวกเขาทั้งคู่พร้อมกัน เช่นนั้นพวกเราก็ควรจะร่วมมือกันเพื่อเปิดโปงคนที่อยู่เบื้องหลังออกมาถึงจะถูก”

อวี้ชิงลั่วลอบยิ้มเยาะ จริง ๆ ด้วย วัตถุประสงค์ที่เหมิงกุ้ยเฟยเรียกนางมาคือตรงนี้นี่เอง

ร่วมมือ? พูดได้น่าฟัง แท้จริงแล้วเป็นการผลักให้นางออกไปรับกระสุนแทนก็เท่านั้น ส่วนตนเองแค่นั่งรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ เป็นการดีดลูกคิดคำนวณได้ปราดเปรื่องนัก

“เหนียงเหนียง หม่อมฉันเป็นคนโง่เขลา อีกอย่างหม่อมฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์เช่นนี้ ภายในใจมิอาจรู้ได้จริง ๆ ว่าใครมีความเคียดแค้นเช่นนี้ต่อท่านอ๋องซิวและองค์ชายเจ็ด ไม่มีเบาะแสเริ่มต้นที่จะลงมือ หม่อมฉันจะช่วยเหลือเหนียงเหนียงได้อย่างไรกันเพคะ?”

สายตาของเหมิงกุ้ยเฟยคมกริบทันใด ทว่าก็ข่มอารมณ์ที่พลุ่งพล่านขึ้นมาได้ นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “องค์หญิงจะดูหมิ่นตนเองไปไย หากมิใช่เพราะองค์หญิงฉลาดปราดเปรื่อง จะประสบความสำเร็จเหมือนอย่างตอนนี้ได้อย่างไรกัน? เราเชื่อว่าหลังจากนี้องค์หญิงจะกลายเป็นผู้ช่วยชั้นดีของซิวเอ๋อร์ ย่อมไม่อยากเห็นซิวเอ๋อร์เสี่ยงอันตราย ส่วนคนเหล่านั้นที่คิดวางแผนใส่ร้ายซิวเอ๋อร์และฮ่าวถิง ไม่มีอะไรมากไปกว่าตำแหน่งที่อยู่ด้านบนนั้น ตัวเลือก…วันนี้องค์หญิงก็ได้เห็นทั้งหมดแล้วมิใช่รึ?”

อวี้ชิงลั่วตระหนักได้ทันใด ไม่แปลกใจเลยที่นางจะแนะนำนางสนมที่ให้กำเนิดองค์ชายเหล่านั้นตั้งแต่แรก

“ซูเฟย หลิวเฟย คังเฟย หมิ่นเฟย ทั้งสี่คนนี้มีนิสัยแตกต่างกัน องค์หญิงกลับไปคิดดูให้ดี ๆ ว่าใครมีความเป็นไปได้มากที่สุด เราเริ่มเหนื่อยแล้ว นี่ก็สายแล้วด้วย คงไม่รั้งองค์หญิงให้อยู่ต่อ”

อวี้ชิงลั่วอยากจะสบถคำหยาบคายจริง ๆ นี่มันบังคับฝืนใจคนอื่นชัด ๆ นางยังไม่ทันได้ตอบตกลง เหมิงกุ้ยเฟยกลับมอบหมายภารกิจให้นางแล้ว ทำให้นางต้องยอมรับไว้อย่างยอมจำนน

ระหว่างที่ครุ่นคิด ก็ได้ยินเสียงของเหมิงกุ้ยเฟยเรียกเฟยเกอที่อยู่ข้าง ๆ “ส่งองค์หญิงออกนอกวังเถิด”

เฟยเกอถอนสายบัวให้ทั้งสอง ก่อนจะหันมาแย้มยิ้มให้อวี้ชิงลั่ว “องค์หญิง เชิญเพคะ”

“เพคะ กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงพักผ่อนให้เต็มที่นะเพคะ หม่อมฉันขอทูลลา” อวี้ชิงลั่วไหวไหล่ ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้นั่ง

พูดตามตรง ต่อให้วันนี้เหมิงกุ้ยเฟยไม่เรียกนางมา นางก็คงต้องตามหาตัวผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังอาฝูอยู่ดี ทว่าสถานการณ์ในตอนนี้ นางได้ถูกเหมิงกุ้ยเฟยใช้เป็นบริวารหน้ารถม้าของนางไปแล้ว สิ่งนี้ทำให้อวี้ชิงลั่วรู้สึกไม่สบอารมณ์

ตอนที่อวี้ชิงลั่วเพิ่งครุ่นคิด นางก็ก้าวเท้าเดินออกจากประตูแล้ว เฟยเกอเดินนำไปก่อนเพื่อหยิบร่มที่วางอยู่ใต้ระเบียง อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลง ตอนที่เพิ่งจะก้าวเท้าไปด้านหน้าเพียงไม่กี่ก้าว ของที่เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมตรงมุมหนึ่งกลับดึงดูดสายตาของนางโดยพลัน

ดวงตาของอวี้ชิงลั่วถึงกับหรี่ลงโดยพลันพร้อมกับหัวใจที่เต้นระรัว

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

คิดยืมมือชิงลั่วกำจัดคู่แข่งของตัวเองเหรอนังกุ้ยเฟย ร้ายนักนะ

หรือว่าของสิ่งนั้นจะเป็นเบาะแส?

ไหหม่า(海馬)

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

Status: Ongoing
จากภรรยาผู้เป็นที่รังเกียจของสามีและถูกใส่ความว่าเป็นชู้กับบุรุษอื่นจนกระทั่งมีบุตรด้วยกัน​ อีกหกปีให้หลังได้เป็นหมอหญิงฉายา​ ‘หมอปีศาจ’​ ผู้ลือนามพร้อมบุตรชายแสนซนที่สรรหาเรื่องราวต่างๆ​ รวมถึงบุรุษที่คาดว่าจะเป็นบิดาตนมาให้ไม่หยุดหย่อน​ อวี้ชิงลั่ว​ แพทย์หญิงมือฉกาจจากยุคปัจจุบันผู้ทะลุมิติ​มาเข้าร่างของหมอปีศาจผู้นี้จะทำอย่างไรต่อไปดี​ ในเมื่อปริศนาเกี่ยวกับตัวเองก็ต้องสืบ​ ส่วนบิดาของลูกติดเจ้าของร่างก็ต้องหา?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท