อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] – ตอนที่ 486 มีคนมาเยอะมาก

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

ตอนที่ 486 มีคนมาเยอะมาก

ตอนที่ 486 มีคนมาเยอะมาก

หลักฐาน?

แหม ตอนนี้มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว มีหลักฐานจริง ๆ ด้วยสิ

อวี้ชิงลั่วลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ จ้องมองชิวหลานจากมุมสูง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็นำหลักฐานออกมาสิ?”

ชิวหลานถูกนางบีบบังคับจนเนื้อตัวสั่นเทิ้ม ทว่ากลับไม่ได้ลุกขึ้นยืนตามคำสั่ง ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกัดฟันแน่น ทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้นพลางกล่าวว่า “องค์หญิง หม่อมฉันมีเรื่องอยากร้องขอเพคะ”

อะไรกัน ดูหลักฐานยังต้องคุยเงื่อนไขก่อนด้วยรึ?

“เอ่ยมา” อวี้ชิงลั่วยังไม่ทันได้เอ่ยสิ่งใด องค์ชายสามก็ส่งเสียงพูดเพราะหมดความอดทนแล้ว

อวี้ชิงลั่วหันไปจ้องมองเขาปราดหนึ่งด้วยความหงุดหงิด ทีอย่างนี้กลับมีปฏิกิริยาโต้ตอบรวดเร็วเหลือเกิน ปากติดสปริงไว้รึถึงได้เปิดปิดรวดเร็วถึงเพียงนั้น

ชิวหลานหันกลับไปมองเฉินจีซินและอวี้ชิงโหรวปราดหนึ่ง กล่าวเสียงเบาว่า “หม่อมฉันอยู่ในจวนอวี้มาหลายปีแล้ว ทั้งยังคอยทำงานตามคำสั่งของฮูหยินและคุณหนูรองมาโดยตลอด ตอนนี้หม่อมฉันทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ ถึงได้ออกมาชี้ตัวฮูหยินกับคุณหนูรอง หม่อมฉันรู้ดี การที่ตนเองพูดเช่นนี้ในวันนี้ หม่อมฉันคงอยู่ในจวนอวี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ฮูหยินและคุณหนูรองย่อมต้องคิดหาวิธีฆ่าหม่อมฉันให้ตายเป็นแน่ ลำพังหม่อมฉันเพียงชีวิตเดียวตายไปก็ไม่เสียดาย แต่หม่อมฉันยังมีบิดาตาบอดอยู่ในเรือนที่ไม่มีใครดูแล หม่อมฉันทำใจไม่ได้หากต้องจากบิดาไป ดังนั้นจึงอยากขอร้ององค์หญิง หลังจากเปิดเผยความจริงแล้ว อนุญาตให้หม่อมฉันได้ออกไปจากจวนอวี้ด้วยนะเพคะ”

เฉินจีซินและอวี้ชิวโหรวถึงกับรูม่านตาหดเล็กลง ประเสริฐ ที่แท้นางก็มีความคิดเช่นนี้นี่เอง

“ชิวหลาน เจ้ารวมหัวกับอวี้ชิงลั่วตั้งแต่แรกแล้วใช่หรือไม่? เจ้ามันไร้ความซื่อสัตย์ เจ้า…”

“เจ้าช่วยหุบปากได้หรือไม่?” จินหลิวหลีหงุดหงิดจนไม่ไหวแล้ว จึงโบกมือแทรกคำพูดเดือดดาลราวกับอสนีบาตฟาดของเฉินจีซิน “พูดไปพูดมาก็ยังเป็นประโยคนั้น ไม่มีคำพูดใหม่ ๆ สักนิดเลยรึ? อีกอย่าง ท่านอ๋อง องค์หญิงและท่านเสนาบดีก็ยังไม่พูดอะไร ถึงคราวให้เจ้าพูดตั้งแต่เมื่อใดกันรึ?”

เฉินจีซินใบหน้าแดงก่ำ ขบฟันพลางตวาด “แล้วเจ้าเป็นใคร ถึงคราวให้คนรับใช้เยี่ยงเจ้าได้ปริปากพูดด้วยรึ?”

จินหลิวหลีเลิกคิ้วขึ้น เม้มมุมปากด้วยรอยยิ้มพราวเสน่ห์

แค่นางยิ้มเช่นนี้ ทั้งห้องถึงกับถูกบดบัง เมื่อเทียบกับอวี้ชิงโหรวที่สวมใส่ด้วยอาภรณ์งดงามยืนอยู่ข้าง ๆ ก็มองไม่เห็นในบัดดล

แม้แต่องค์ชายสามที่หันมามองก็เบิกตาโตอย่างห้ามไม่อยู่เช่นกัน

เหตุใดเมื่อครู่เขาถึงไม่สังเกตเห็น สตรีที่สวมใส่ชุดสาวใช้มาพร้อมกับอวี้ชิงลั่ว ช่างงดงามเย้ายวนใจถึงเพียงนี้?

มีแค่อวี้ชิงลั่วที่มุมปากกระตุกวูบ นางรู้ดีว่าที่จินหลิวหลียิ้มเช่นนี้ หมายความว่านางโมโหแล้ว

วินาทีต่อมา จินหลิวหลีก็งอนิ้วมือพร้อมกับบิดแขนของเฉินจีซินแล้วดึงขึ้นแรง ๆ

“กรี๊ด…” เสียงร้องแหลมราวกับหมูถูกเชือดดังทั่วจวนอวี้ แม้แต่อวี้เจี้ยนต๋าที่ได้กินยาของอวี้ชิงลั่วเข้าไปจนผล็อยหลับไปก็ลืมตาตื่นอีกครั้งเพราะทนต่อเสียงนี้ไม่ไหว

เฉินจีซินถึงกับเหงื่อเย็นไหลซึม ประคองมือของตนเองจนเกือบจะล้มไปกองอยู่บนพื้น

จินหลิวหลีปัดมือ ม้วนปอยผมที่ปล่อยไว้ข้างหูเล่น “ตอนนี้ เจ้ายังคิดว่าไม่ถึงเวลาที่ข้าจะพูดภายในสถานที่แห่งนี้อีกหรือไม่?”

เฉินจีซินไหนเลยจะกล้าพูด? คนคนนี้พูดจริงทำจริง พละกำลังมากขนาดนั้น ทั้งยังลงมือได้รวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่ฝึกปรืออย่างสม่ำเสมอ

สิ่งที่น่าเศร้ายิ่งกว่าก็คือ ที่นี่เป็นอาณาเขตของนาง องค์ชายสามและคนอื่น ๆ ไม่มีแม้แต่จะเปล่งเสียงพูดออกมา

ชิวหลานเบิกตาโต ร่างกายถึงกับสั่นเทา ในใจรู้สึกหนาวเยือก จู่ ๆ นางก็รู้สึกผิดกับคำขอเหล่านั้นเมื่อครู่ นางไม่ควรกล่าวถึงใช่หรือไม่?

ทว่าหากไม่กล่าวถึง นางก็อยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้วจริง ๆ

นางเป็นคนฉลาดปราดเปรื่อง รู้ดีถึงสถานการณ์ในตอนนี้ของจวนอวี้ คราวก่อนฮูหยินและคุณหนูรองกลับมาพร้อมกับแก้มที่บวมเป่ง แค่เห็นก็รู้แล้วว่าถูกตบอย่างหนัก แม้ว่าพวกนายท่านจะไม่ได้พูดอะไร แต่ในตอนนั้นมีคนอยู่ในท้องพระโรงของสนามแข่งมากขนาดนั้น เรื่องซุบซิบนินทาย่อมดังมาถึงหูของนาง

นับตั้งแต่ตอนนั้น ชิวหลานก็ตระหนักได้ว่า จากนิสัยของเฉินจีซินและอวี้ชิงโหรว คงไม่มีทางปล่อยไปง่าย ๆ นางต้องจัดการกับคุณหนูใหญ่อีกครั้งเป็นแน่ ทว่านางก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ตำแหน่งและสถานะของคุณหนูใหญ่ห่างไกลจากนายท่าน แม้แต่อวี๋จั้วหลินยังสู้นางไม่ได้ นับประสาอะไรกับสองแม่ลูกคู่นี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย

หากแพ้ คุณหนูใหญ่ใจดีปล่อยจวนอวี้ไปก็เป็นอันสิ้นเรื่อง แต่ถ้าหากนางไม่ยอมปล่อยมือง่าย ๆ เล่า? เช่นนั้นมิเท่ากับว่าทุกคนต้องทุกข์ทรมานไปด้วยรึ?

ชิวหลานเริ่มคำนวณตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ว่าจะออกจากจวนอวี้ นำสัญญาขายตัวของตนเองออกไปจากที่นี่

ทว่านางบังเอิญได้ไปเจอกับเยว่ซิน ก็ได้เห็นว่านางได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ทั้ง ๆ ที่นางเป็นคนโง่เขลา ทว่าชีวิตของเยว่ซินกลับดีกว่านางร้อยเท่า ข้างกายยังมีบุรุษหนุ่มที่ดูไม่ธรรมดาคอยปกป้องนางอย่างระมัดระวัง ใช่แล้ว ได้ติดตามคุณหนูใหญ่ พักอยู่ในตำหนักอ๋องซิว ชีวิตย่อมไม่เลวร้าย

ชิวหลานเองก็เกิดความคิดเช่นนี้ อยากออกจากจวนอวี้แล้วติดตามอวี้ชิงลั่วเพื่อได้มีชีวิตที่ดี

นางกำลังมองหาโอกาส ทว่าคิดไม่ถึงเลยว่าโอกาสจะมาเร็วถึงเพียงนี้

อวี้ชิงลั่วไม่ส่งเสียงพูด ทำเพียงอมยิ้มน้อย ๆ

ทว่าองค์ชายสามกลับทนไม่ไหวอยากดูหลักฐานโดยเร็ว จึงตอบตกลงโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง “ไม่มีปัญหา รีบไปนำหลักฐานออกมา”

ชิวหลานไม่เห็นอวี้ชิงลั่วส่งเสียงพูดก็ลอบไม่เต็มใจ ทว่านางก็รู้ดีว่าแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว จึงลุกขึ้นยืนด้วยเนื้อตัวสั่นเทาเล็ก ๆ กล่าวเสียงเบาว่า “หลักฐานไม่ได้อยู่ที่นี่ โปรดท่านอ๋อง องค์หญิงและท่านเสนาบดีตามหม่อมฉันมาทางนี้เพคะ”

อวี้ชิงลั่วหันมององค์ชายสามด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามไป

คาดว่าเฉินจีซินและอวี้ชิงโหรวคงเห็นท่าไม่ดีแล้ว จึงคิดจะเดินตามไป ทว่าจินหลิวหลีตาไวมือไว ใช้มือทั้งสองข้างจับทั้งสองคนไว้แล้วเดินตามไป

คนรับใช้ของจวนอวี้เห็นเช่นนี้ ทั้งยังเห็นสีหน้าถมึงทึงขององค์ชายสาม จึงไม่กล้าตามไปด้านหน้า

อวี้เป่าเอ๋อร์หันมองซ้ายขวาก่อนจะอยู่ที่นี่อย่างเชื่อฟัง คอยดูแลอวี้เจี้ยนต๋าที่ฟื้นขึ้นมาทว่าสายตากลับเศร้าโศก

อวี้เจี้ยนต๋าพูดไม่ออกแล้ว บางทีอาจเป็นเพราะผิดหวังในใจ หรือร่างกายไร้เรี่ยวแรง เขาจึงทำได้เพียงแค่ขยับริมฝีปาก ยกมือขึ้นมาด้วยความยากลำบากแล้ววางลงบนหลังมือของอวี้เป่าเอ๋อร์พร้อมกับขยับปากใส่อีกฝ่าย

ภายในห้องเงียบสงัดเหลือประมาณ

ส่วนภายในห้องครัวใหญ่ของจวนอวี้กลับครึกครื้นผิดปกติ

ชิวหลานชี้ไปยังตู้เก็บจานสูง ๆ ด้วยสายตาหนักแน่น “หลักฐานอยู่ในนี้เพคะ”

องค์ชายสามเม้มริมฝีปากและลงมือด้วยตนเอง เขาก้าวเท้าไปด้านหน้าพร้อมกับดันตู้เก็บจานให้เปิดออก ทว่าตู้นั้นดูราวกับหยั่งรากไว้ทำให้มิอาจขยับเขยื้อน

“ตู้นี้หนักมาก คนเพียงคนเดียวมิอาจดันให้เปิดได้เพคะ” ชิวหลานกระซิบเตือน

องค์ชายสามหันไปจ้องมองนางปราดหนึ่ง ก่อนจะสั่งให้คนไปเรียกคนของตนเองที่อยู่ด้านนอกเข้ามา

เพียงไม่นาน เด็กรับใช้ข้างกายที่คอยติดตามข้างกายเขามาโดยตลอดก็วิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าขาวซีด เนื้อตัวสั่นระริกขณะวิ่งมาตรงหน้าพวกเขา ขาทั้งสองข้างอ่อนยวบคุกเข่าลงตรงหน้าพวกเขา “ท่านอ๋อง…แย่แล้วพ่ะย่ะค่ะ…ด้านนอก…ด้านนอกมีคนมาเยอะมาก…เยอะมากเลยพ่ะย่ะค่ะ”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ชิวหลานเตรียมสละเรือแล้ว อยู่เป็นนะเนี่ย

ใครมากันอีกเยอะแยะ?

ไหหม่า(海馬)

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

Status: Ongoing
จากภรรยาผู้เป็นที่รังเกียจของสามีและถูกใส่ความว่าเป็นชู้กับบุรุษอื่นจนกระทั่งมีบุตรด้วยกัน​ อีกหกปีให้หลังได้เป็นหมอหญิงฉายา​ ‘หมอปีศาจ’​ ผู้ลือนามพร้อมบุตรชายแสนซนที่สรรหาเรื่องราวต่างๆ​ รวมถึงบุรุษที่คาดว่าจะเป็นบิดาตนมาให้ไม่หยุดหย่อน​ อวี้ชิงลั่ว​ แพทย์หญิงมือฉกาจจากยุคปัจจุบันผู้ทะลุมิติ​มาเข้าร่างของหมอปีศาจผู้นี้จะทำอย่างไรต่อไปดี​ ในเมื่อปริศนาเกี่ยวกับตัวเองก็ต้องสืบ​ ส่วนบิดาของลูกติดเจ้าของร่างก็ต้องหา?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท