ตอนที่ 488 สายตาแปลกประหลาด
ตอนที่ 488 สายตาแปลกประหลาด
“เว่ยหลัวกวง”
?????
เว่ยหลัวกวงหรือ? หัวหน้ากองทหารรักษาพระองค์ในวังหรือ?
ทันทีที่ได้ยินชื่อนี้ อวี้ชิงลั่วผู้สงบนิ่งมาโดยตลอดก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจ เว่ยหลัวกวง…หัวหน้าเว่ย เย่ซิวตู๋เคยบอกนางไม่ใช่หรือว่าเขาเป็นคนของเหมิงกุ้ยเฟย?
เป็นไปได้หรือไม่ว่าคนที่ยุยงเฉินจีซินจะเป็นเหมิงกุ้ยเฟย?
ไม่ ไม่ถูกต้อง เหมิงกุ้ยเฟยเพิ่งมาพบนางเมื่อวานนี้ และต้องการเป็นพันธมิตรกับนาง ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้จะมีใครยอมปล่อยให้ผู้อื่นฉวยโอกาสใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ได้
ยิ่งกว่านั้นเหมิงกุ้ยเฟยยังเคยเห็นนิสัยของเฉินจีซินและอวี้ชิงโหรวในท้องพระโรงแล้ว คนเช่นนางจึงไม่น่าจะร่วมมือกับทั้งสองคนนี้ ทำแบบนี้ไม่เท่ากับเป็นการขุดหลุมฝังตัวเองหรอกหรือ?
อีกอย่างก็คือเป็นไปไม่ได้ที่เหมิงกุ้ยเฟยจะทำผิดพลาดอย่างโง่เขลาเช่นนั้น
จะว่าไปแล้ว หัวหน้าเว่ยถูกคนอื่นบงการหรือไม่? หรือว่ามีคนอื่นแอบอ้างเป็นเว่ยหลัวกวง?
องค์ชายสามโกรธจัด หันกลับมาอย่างกะทันหัน “เราจะฆ่าเจ้าสุนัขแซ่เว่ยตัวนั้น”
อวี้ชิงลั่วเหลือบมองเขา แต่แล้วอีกฝ่ายก็ถูกหลีจื่อฟานหยุดไว้หลังจากเดินไม่กี่ก้าว เขาเงยหน้าขึ้นมองด้วยดวงตาสีแดงก่ำ
น้ำเสียงของหลีจื่อฟานสงบ “องค์ชาย บัดนี้ความจริงยังไม่ถูกเปิดเผย หากพระองค์เสด็จไปตอนนี้ ข้าเกรงว่าจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นนะพ่ะย่ะค่ะ”
“หมายความว่าอย่างไร?” องค์ชายสามตกใจ
ทว่าหลีจื่อฟานไม่ได้พูดต่อ ในเมื่อเว่ยหลัวกวงไม่ได้มีความบาดหมางใดกับอวี้ชิงลั่ว แล้วเหตุใดเขาต้องใส่ร้ายนางด้วย? ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือมีบงการอยู่เบื้องหลังเว่ยหลัวกวง
องค์ชายสามหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อไม่ได้ยินคำตอบ แต่เขาก็ก้าวออกไปและค่อย ๆ ปรับสีหน้า และหยุดแสดงท่าทางหุนหันพลันแล่น
หลี่เจ๋อเห็นดังนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเปิดจดหมายซองที่สอง
วินาทีถัดมา รูม่านตาของเขาก็หดลง ดวงตาคมกริบจ้องไปยังเฉินจีซินแล้วพูดเสียงเข้มว่า “ฮูหยินอวี้ จดหมายฉบับที่สองนี้ ข้าคิดว่านำไปแสดงต่อหน้าใต้เท้าอวี้และนายน้อยอวี้ให้ชัดเจนจะดีกว่า”
อวี้ชิงลั่วตกตะลึงไปครู่หนึ่ง หมายความว่าอย่างไร? แสดงต่อหน้าอวี้เจี้ยนต๋าและเป่าเอ๋อร์หรือ?
“ใต้เท้าหลี่ ใต้เท้าอวี้ป่วยหนัก ตอนนี้เขานอนป่วยอยู่บนเตียงและลุกไม่ได้” อวี้ชิงลั่วเหลือบมองจดหมายในมือ ดวงตาฉายแววสงสัย
สายตาของนางเบนไปมองหน้าเฉินจีซินทันที แต่นอกเหนือจากสีหน้าสิ้นหวังเพราะเรื่องถูกเปิดเผยแล้ว ก็ยังมีร่องรอยของความสงสัยอยู่ นางสงสัยเรื่องจดหมายในมือของหลี่เจ๋อ และทำราวกับว่าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเนื้อความเขียนถึงเรื่องอะไร
อวี้ชิงลั่วอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจกว่าเดิม ห้องลับนี้เป็นของสองแม่ลูกเฉินจีซิน นางจึงควรจะรู้เรื่องบางอย่างเป็นอย่างดี
หลี่เจ๋อเม้มปากเงียบอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดกับอวี้ชิงลั่วอย่างตื่นเต้น “หากเป็นเช่นนั้น องค์หญิงอาจต้องการจะอ่านจดหมายฉบับนี้ด้วย ขณะนี้คุณชายอวี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับองค์หญิง หากพระองค์อ่านแทนเขาได้ก็จะเป็นเรื่องดี”
อวี้ชิงลั่วเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมา ลายมือบนจดหมายนั้นเลือนรางราวกับว่ามันถูกเขียนมานานเป็นแรมปี
สิ่งที่ทำให้อวี้ชิงลั่วประหลาดใจก็คือเนื้อความในจดหมาย มันเป็นจดหมายจากครอบครัวแม่ของเฉินจีซิน และคนเขียนจดหมายก็คือพี่ชายของนาง
เนื้อความแสดงให้เห็นชัดเจนว่าครอบครัวของนางพบหมอตำแยที่มีฝีมือ และส่งนางไปยังบ้านสกุลอวี้ เมื่อมารดาของอวี้ชิงลั่วคลอดบุตร นางก็อยู่ที่นั่นด้วย จากนั้นฮูหยินเก่าของอวี้เจี้ยนต๋าก็ตกเลือดอย่างหนัก จนทำให้นางเสียชีวิตลง
มือของอวี้ชิงลั่วสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ และนางก็ไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะเหตุใด เนื่องจากตนเองไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อฮูหยินใหญ่อวี้เลย และเห็นได้ชัดว่านางก็ไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนั้นกับตนเช่นกัน แต่เมื่อรู้สาเหตุการตายของอีกฝ่าย มือของนางก็ยังคงหยุดสั่นไม่ได้
โทสะรุนแรงปะทุในหัวใจของนาง และความโศกเศร้าก็ยิ่งเพิ่มทวี ทำให้นางอารมณ์ไม่คงที่
หลีจื่อฟานที่ยืนอยู่ข้างนางรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับนาง เขาขมวดคิ้วและต้องการปลอบโยนนาง แต่ก็ไม่รู้ว่าควรพูดเช่นไรดี?
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ยื่นมือออกไปหยิบจดหมายในมือของนางมาอ่านคร่าว ๆ แล้วรูม่านตาของเขาก็หดลงทันที จากนั้นก็หันไปมองเฉินจีซิน
“อวี้ฮูหยิน เจ้าเป็นเดือดเป็นร้อนเพราะเรื่องนี้มากจริง ๆ”
เฉินจีซินตกตะลึงไปครู่หนึ่ง และเริ่มหวาดกลัวหลีจื่อฟาน เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนอ่อนโยน แต่สายตาของเขาก็เฉียบคมพอที่จะทำให้คนถูกมองเหงื่อตกได้
“ใต้เท้าหลี่” อวี้ชิงลั่วสูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามระงับความกระสับกระส่ายในใจ และพูดอย่างเคร่งขรึม “เราจะฟ้องเฉินจีซินในนามของอวี้เป่าเอ๋อร์ เมื่อสิบเอ็ดปีก่อนนางติดสินบนหมอตำแย และแอบวางแผนเมื่อฮูหยินคนเก่าแห่งบ้านสกุลอวี้กำลังจะคลอดบุตร สังหารฮูหยินคนเก่าแห่งบ้านสกุลอวี้”
เฉินจีซินเบิกตากว้างขึ้นทันที และมองอวี้ชิงลั่วอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ก่อนจะตะโกนว่า “เจ้ากำลังพูดเรื่องเหลวไหลอะไร? ข้าไปติดสินบนหมอตำแยเพื่อฆ่าสตรีผู้นั้นตั้งแต่เมื่อใด?”
“มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจน” อวี้ชิงลั่วโบกจดหมายในมือไปมา แล้วยกยิ้มเย็นชา “จดหมายนี้พี่ชายของเจ้าเป็นคนเขียนถึงเจ้า และถูกพบในกล่องของเจ้า บัดนี้เจ้ายังจะแก้ตัวอีกหรือ?”
“เป็นไปได้อย่างไร?” เฉินจีซินส่ายหัว “เป็นไปได้อย่างไร? ข้าไม่มีจดหมายฉบับนั้นในกล่องเลย จดหมายฉบับนั้นหายไปเมื่อสิบเอ็ดปีที่แล้ว มันไม่เคยอยู่ในกล่องของข้าเลยด้วยซ้ำ…”
นางหลุดปากพูดไปได้ครึ่งประโยคก็ถูกอวี้ชิงโหรวปิดปากทันที
ตอนนี้เองเฉินจีซินจึงรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป นางสูดหายใจแล้วพูดด้วยความเกลียดชังว่า “ไม่ ข้าไม่ได้ทำร้ายนาง จดหมายฉบับนั้นถูกปลอมขึ้นมา เจ้าใส่ร้ายข้า และพวกเจ้าทุกคนก็พร้อมใจกันใส่ร้ายข้า”
หลี่เจ๋อพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา ก่อนจะโบกมือและพูดอย่างเคร่งขรึม “พาตัวไป นำตัวเฉินจีซินและอวี้ชิงโหรวกลับไปที่จวนผู้ตรวจการ แล้วข้าจะสอบสวนอย่างละเอียด”
“ไม่ ไม่ ปล่อยข้านะ เจ้ากับอวี้ชิงลั่วไร้ยางอายนัก ปล่อยข้า” เฉินจีซินกรีดร้องและพยายามดิ้นอย่างรุนแรง
แต่แขนของนางปวดมากเพราะฝีมือของจินหลิวหลี แล้วนางก็ถูกเจ้าหน้าที่หลายคนกระชากลากถูไปอย่างไร้ปรานี หนังศีรษะเริ่มชาวาบ เส้นประสาทถูกกดทับจนเจ็บแปลบ เพียงแค่ตะโกนไม่กี่คำก็เกือบจะหมดสติไป
อวี้ชิงโหรวสบายใจขึ้นมาก แต่ใบหน้าของนางยังคงซีดเล็กน้อย ตั้งแต่ต้นจนจบนางอธิบายเพื่อแก้ตัวเพียงไม่กี่คำ ก่อนจ้องมองหลีจื่อฟานเงียบ ๆ
เมื่อถูกเจ้าหน้าที่พาตัวออกไป นางก็ฝืนเบือนหน้ามา ก่อนจะมองหลีจื่อฟานด้วยสายตาเศร้าหมอง และพูดเบา ๆ “ท่านเสนาบดี เป็นไปได้หรือว่าความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับพวกเราสองแม่ลูกจะเป็นการหลอกลวง? บัดนี้ท่านรู้แน่ชัดแล้วว่านางเป็นใคร และได้ยินสิ่งที่นางพูดอย่างชัดเจนแล้ว แต่เหตุใดท่านไม่ช่วยอธิบายให้นางรู้ถูกผิด? ท่านไม่ได้รักข้าบ้างเลยหรือ?”
หลีจื่อฟานขมวดคิ้ว และเหลือบมองนางด้วยความรังเกียจ
เขาไม่เคยมีความรู้สึกใด ๆ ต่อนางเลยตั้งแต่แรก ที่เขาปฏิบัติต่อพวกนางเป็นอย่างดี ก็เพียงเพราะเห็นว่าพวกนางเป็นคนในครอบครัวของอวี้ชิงลั่ว
หลี่เจ๋อรู้สึกหมดความอดทน เขาโบกมือให้เจ้าหน้าที่พาทั้งสองคนออกไป
จากนั้นเขาก็สั่งให้ใครสักคนหยิบกล่องในห้องลับ แล้วเดินออกไป
ทว่าเมื่อเขาเดินไปด้านข้างของอวี้ชิงลั่ว ฝีเท้าของเขาก็หยุดลงทันที และหันมายิ้มให้นางไม่หยุด
อวี้ชิงลั่วสั่นสะท้านไปทั้งตัว และรู้สึกขนพองสยองเกล้ากับสายตาของเขา
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
คนจากจวนผู้ตรวจการดูมีเลศนัยนะ สองแม่ลูกเฉินจีซินนี่เป็นแพะของคนอื่นอีกทีหรือเปล่า
ไหหม่า(海馬)