ตอนที่ 489 เป็นหนี้
ตอนที่ 489 เป็นหนี้
กลุ่มคนเดินจากไปทีละคน เหล่าองครักษ์ของจวนผู้ตรวจการเมืองหลวงเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่เหลือสักคนเดียว
องค์ชายสามยังนึกถึงเรื่องผู้บัญชาการเว่ยอยู่ในใจ ท่าทางของเขาจึงยังดูหงุดหงิดอยู่
เขาเงยหน้าขึ้นเหลือบมองอวี้ชิงลั่วและหลีจื่อฟาน ก่อนจะยิ้มเยาะเย็นชาแล้วหันหลังเดินจากไป แต่หลังจากก้าวไปได้สองก้าวก็หันหน้ามาอีกครั้งและแสยะยิ้มมืดมน “อย่าได้ชะล่าใจเกินไปนัก เป้าหมายหลักของผู้บัญชาการเว่ยก็ยังคงเป็นตำหนักซิวอ๋องอยู่ดี ฮึ่ม”
สุดท้ายชายหนุ่มก็หันหลังเดินจากไป
มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุก จากนั้นครู่หนึ่งนางก็บ่นว่า “ช่าง… ไร้เดียงสาเสียจริง”
หลีจื่อฟานหัวเราะเบา ๆ “ไร้เดียงสาก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ จะได้ไม่อาจคุกคามเจ้าได้”
รอยยิ้มของเขางดงาม ดวงตาบนใบหน้าหล่อเหลาของเขาหยีโค้งดูราวกับว่าดึงดูดใจคนมองได้ อวี้ชิงลั่วเพียงแค่เหลือบมองเขา ก่อนจะหันหน้าหนีทันทีและถอนหายใจ
ไม่น่าแปลกใจเลยที่อวี้ชิงลั่วเคยตกหลุมรักเขา รูปร่างหน้าตาของเขาดีกว่าอวี๋จั้วหลินเสียอีก ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์
หากนางพบเขาเมื่อหกปีก่อน ด้วยความเอาใจใส่และความอ่อนโยนของเขา ก็เกรงว่าตนอาจตกหลุมรักเขาก็เป็นได้
หลังกะพริบตา อวี้ชิงลั่วก็ดึงความคิดของตนกลับมา ก่อนจะหันกลับไปขอบคุณเขา “ขอบคุณท่านมากสำหรับวันนี้”
“ชิงลั่ว” หลีจื่อฟานทำอะไรไม่ถูก “ข้าไม่เคยต้องการคำขอบคุณ ข้ายินดีช่วยเหลือเจ้า”
สิ่งที่เขาพูดนั้นฟังดูเป็นคำพูดปกติ ทว่าอวี้ชิงลั่วกลับรู้สึกละอายใจมากขึ้นเรื่อย ๆ นางไม่อาจแทนที่อวี้ชิงลั่วตัวจริงเพื่อแลกกับความรักของชายผู้นี้ได้ แต่ทุกครั้งที่เขาก้าวเข้ามาช่วยนาง นางจะรู้สึกอยู่ตลอดว่าตนเป็นหนี้เขา และจะมีคำขอโทษซ่อนเร้นอยู่ในใจของนางเสมอ
เยว่ซินกล่าวว่าหลีจื่อฟานเคยเดินทางไกลเพราะเรื่องความรัก และเขาไม่ได้กลับมาที่เมืองหลวงอีกเลยจนกระทั่งอวี้ชิงลั่วประสบปัญหา และทันทีที่เขากลับมา เขาก็มุ่งมั่นไขว่คว้าชื่อเสียงและโชคลาภที่เขาไม่เคยสนใจ และพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งปัจจุบันของเขา เพราะต้องการแข่งขันกับอวี๋จั้วหลิน และผดุงความยุติธรรมให้กับอวี้ชิงลั่ว
นางจะบอกหลีจื่อฟานได้อย่างไรว่า… สตรีที่เขารักอย่างสุดหัวใจได้ตายไปแล้วจริง ๆ นางจะทำลายหัวใจของเขาให้แตกสลาย และทำลายความหวังครั้งใหม่ของเขาได้อย่างไร?
อวี้ชิงลั่วไม่สามารถทนได้ แต่นางไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไร
“ไปเยี่ยมใต้เท้าอวี้เถิด” เมื่อเห็นท่าทางกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของนาง หลีจื่อฟานจึงตัดสินใจเปิดปากพูดก่อน เขายกยิ้มแล้วมองไปที่เรือนของอวี้เจี้ยนต๋า
อวี้ชิงลั่วหัวเราะแห้งและพูดเบา ๆ ว่า “อืม” แล้วเดินไปที่ประตูเรือนอย่างรวดเร็วราวกับกำลังวิ่งหนี
หลังจากที่ร่างของนางหายลับสายตาไป รอยยิ้มของหลีจื่อฟานก็ค่อย ๆ จางหายไป และแววตาก็ค่อย ๆ หม่นแสงลงเช่นกัน
เขาค่อย ๆ ระบายลมหายใจออก เพื่อระบายความคับข้องใจในอก จากนั้นจึงเดินไปที่บันไดด้านข้าง แล้วนั่งลงอย่างสง่างามโดยไม่คำนึงถึงสิ่งสกปรกบนพื้น
จินหลิวหลีมองเห็นเหตุการณ์จากระยะไกลแล้วก็ส่ายหน้า พลางคิดว่าอวี้ชิงลั่วผู้นั้นช่างเป็นคนร้ายกาจไม่เบาเสียจริง
เรือนของอวี้เจี้ยนต๋ายังคงเงียบสงัดเช่นเคย เมื่อเทียบกับก่อนที่อวี้ชิงลั่วจะจากไป ขณะนี้ก็ยังมีอีกคนหนึ่งอยู่ในบ้าน
อวี้ชิงลั่วเพียงแค่รู้สึกคุ้นเคย แต่ไม่รู้จักเขา
เมื่อชายคนนั้นเห็นนางเข้ามา เขาก็คำนับเพื่อแสดงความเคารพทันที “ถวายบังคมองค์หญิง”
“พี่สาว นี่คือท่านลุงเสียง” เมื่อรู้ว่าอวี้ชิงลั่วจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้ อวี้เป่าเอ๋อร์จึงลุกขึ้นอธิบายอย่างรวดเร็ว “ท่านลุงเสียงเพิ่ง… เพิ่งจะเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในครัวให้ข้ากับท่านพ่อฟัง”
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้วขึ้นและเดินเข้ามาทันที แม้ว่าเฉินจีซินและลูกสาวจะได้รับอนุญาตให้วางอำนาจบาตรใหญ่อยู่ในเรือนหลังของจวนสกุลอวี้หลายปี แต่ก็ยังมีคนของอวี้เจี้ยนต๋าอยู่ในเรือนด้วย เมื่อมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในครัว ก็เป็นเรื่องปกติที่อวี้เจี้ยนต๋าจะรู้เรื่องนี้
นางพยักหน้าและก้าวเข้าไปจับชีพจรให้อวี้เจี้ยนต๋า กลัวจริง ๆ ว่าเมื่อเขาได้ยินข่าวดังกล่าวแล้วอาจจะทนไม่ไหว และมีอารมณ์กำเริบรุนแรงขึ้น
โชคดีที่แม้ว่าอารมณ์จะได้รับผลกระทบ แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงจนถึงขั้นควบคุมสติไม่ได้
หากเป็นเช่นนั้น อวี้ชิงลั่วคงต้องให้ยากล่อมประสาทแก่เขา
ท่านลุงเสียงถอยออกไปแล้ว เหลือเพียงบิดาและบุตรอยู่ในห้อง บัดนี้อวี้เจี้ยนต๋าไม่รู้สึกง่วงนอนอีกต่อไป เขามองอวี้เป่าเอ๋อร์ แล้วมองย้อนกลับไปที่อวี้ชิงลั่วด้วยแสงริบหรี่ในดวงตาของเขา
จากนั้นไม่นาน มือที่วางอยู่บนขอบเตียงก็เหยียดไปข้างหน้า เหมือนกับว่าต้องการจะสัมผัสอวี้ชิงลั่ว
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว แต่ไม่ยอมเข้าไปใกล้
แต่จู่ ๆ อวี้เป่าเอ๋อร์ก็จับมือนางและมือของอวี้เจี้ยนต๋า ก่อนจะพูดเบา ๆ “ท่านพ่อ ท่านจะพูดอะไรหรือขอรับ?”
“ขอโทษ” อวี้เจี้ยนต๋าอ้าปากพูดด้วยความยากลำบาก เขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของมือทั้งสามที่ประสานกันแน่น ทำให้ร่างกายที่เย็นชาและหัวใจที่ปวดร้าวของเขากลับมาแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย “พ่อเป็นคนไร้ค่า ไม่เพียงแต่ทำให้พวกเจ้าทั้งสองต้องทนทุกข์มากเท่านั้น แต่…แต่ยังทำผิดต่อแม่ของพวกเจ้าด้วย พ่อ… เสียใจมากจริง ๆ”
มือของอวี้ชิงลั่วที่อยากจะสะบัดออกพลันหยุดชะงัก นางเม้มปากขณะมองอวี้เจี้ยนต๋าที่กำลังเศร้าโศกโดยไม่ได้เอ่ยคำใดออกไป
อวี้เป่าเอ๋อร์ร้องไห้อีกครั้ง พูดพลางน้ำหูน้ำตาไหลเต็มใบหน้า “ท่านพ่อ ฮือฮือ…”
“เป่าเอ๋อร์ ข้ารู้ ข้ารู้ว่าเจ้ามีปมในใจ และโทษตัวเองว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้แม่ของเจ้าตาย เป็นเวลาหลายปีแล้วที่พ่อไม่สามารถเปิดใจคุยกับเจ้าอย่างจริงจัง พ่อสับสน ขอโทษ”
อวี้เจี้ยนต๋ากลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาทำให้เขาประหลาดใจ และทำให้เขาเห็นอะไรหลาย ๆ อย่างได้ชัดเจน สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ภายในใจดูเหมือนจะกระจ่างขึ้นในทันใด
เขารู้สึกทันทีว่าตัวเองผิดบาปมหันต์ ความขี้ขลาดและไร้ความสามารถของเขาทำร้ายภรรยาและลูก ๆ ของเขา
“โชคดีที่ตอนนี้พวกเจ้าสบายดี พ่อ…คงตายตาหลับได้แล้ว”
อวี้เป่าเอ๋อร์นอนร่ำไห้ปานจะขาดใจอยู่บนเตียง มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุกขณะมองไปทางอื่น
“ชิงลั่ว” อวี้เจี้ยนต๋าหลับตาลง เมื่อเขาพูดมากเท่าใด ความเหนื่อยล้าทางร่างกายและจิตใจของเขาก็ยิ่งใกล้จะถึงขีดจำกัด “เฉินจีซินสมควรได้รับสิ่งที่นางสมควรได้รับ จะเกิดอะไรขึ้นกับนางนั้น ผู้ตรวจการเมืองหลวงจะเป็นผู้ตัดสินเอง แต่กับชิงโหรว… พ่อไม่กล้าขออะไรมากไปกว่านี้ แต่เพื่อเห็นแก่นางที่ไม่ได้ทำบาปหนัก ไว้ชีวิตนางด้วยเถิด ตกลงหรือไม่? ปล่อยให้นางมีชีวิตอยู่ ส่วนคนอื่น…เจ้า เจ้าจะทำอะไรก็ได้”
อวี้ชิงลั่วดึงมือของตนกลับมาทันที อวี้เจี้ยนต๋าตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เมื่อรู้สึกว่าฝ่ามือของตนว่างเปล่า จู่ ๆ หัวใจก็สั่นสะท้าน
“ชิงลั่ว พ่อไม่ได้ พ่อไม่ได้ลำเอียง แต่นางก็เป็นลูกสาวของพ่อเหมือนกัน พ่อไม่ได้คิดจะขอร้องเพื่อนางจริง ๆ ชิงลั่ว พ่อก็แค่… แค่ก ๆๆ…”
ด้วยความที่อวี้เจี้ยนต๋าเครียดเกินไป ลมหายใจของเขาจึงไม่คงที่ รูม่านตาหดตัวและขยายใหญ่ขึ้นทันที ร่างกายสั่นสะท้าน สักพักโลหิตสีแดงสดก็พุ่งออกมาเต็มปาก แล้วร่างของเขาก็ร่วงผล็อยลงบนเตียงอย่างแรงราวใบไม้ปลิดปลิวจากขั้ว
อวี้เป่าเอ๋อร์สูดหายใจเข้าลึก “ท่านพ่อ…”
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อย่างน้อยก็ยังดีที่สำนึกได้ ชิงลั่วกับเป่าเอ๋อร์เจ็บปวดกันมามากจริงๆ ที่มีพ่อแบบนี้
ไหหม่า(海馬)