ตอนที่ 502 เจ้าไม่คู่ควร
ตอนที่ 502 เจ้าไม่คู่ควร
เมื่อพูดถึงการปกป้องอวี้ชิงลั่ว หากหนานหนานพูดว่าสอง ก็คงไม่มีใครกล้าพูดว่าหนึ่ง
ไม่ว่าอวี้ชิงลั่วจะทำอะไร หนานหนานก็จะสนับสนุนเต็มที่ แม้ว่าบางครั้งจะเป็นสิ่งผิดก็ตาม
ยิ่งไปกว่านั้นคือดูเหมือนว่าหญิงรับใช้ตรงหน้ายังกล้าเมินเขาด้วย!!! ไม่รู้หรือว่านี่มันร้ายแรงมาก?
เย่หลานเฉิงต้องการดึงหนานหนานออกไป แต่เนื่องจากไม่พอใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของชิวหลานเมื่อสักครู่นี้ หนานหนานจึงโบกมือและพูดว่า “ไปก่อนเลย ข้าจะอยู่ต่ออีกสักครู่”
เขาพูดพลางพลิกขนมในมือไปมาอีกครั้ง
เย่หลานเฉิงมองเขา จากนั้นมองชิวหลานอย่างลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันหลังกลับเพื่อจะเดินจากไป
ชิวหลานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเรียกเขาด้วยเสียงแผ่วเบา “ซื่อจื่อน้อย ท่าน…” จะจากไปเช่นนี้ได้อย่างไร? เขาไม่ได้จะมาดูเพื่อช่วยนางหรือ? เขาเป็นเด็กใจดีไม่ใช่หรือ? จะทิ้งนางไว้คนเดียวจริง ๆ หรือ?
เท้าของเย่หลานเฉิงที่กำลังขยับไปด้านข้างชะงักเล็กน้อย เขาหลับตาลงและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะมองไปที่ชิวหลานด้วยสีหน้าจริงจัง และพูดคำต่อคำ “ในเมื่อท่านน้าชิงสั่งให้เจ้าคุกเข่าที่นี่ แล้วเจ้าคุกเข่าลงก็ถูกต้องแล้ว ท่านน้าชิงมีเหตุผลของตัวเองเสมอเมื่อทำสิ่งต่าง ๆ และทุกคนในวังก็รู้ดี”
สุดท้ายเย่หลานเฉิงก็ไม่ได้มองไปที่ชิวหลานอีกเลย และพยักหน้าให้หนานหนานเล็กน้อย ก่อนจะก้าวออกจากประตู
ชิวหลานตกตะลึง และในวินาทีต่อมา ความเดือดดาลก็ถาโถมขึ้นในใจนาง นางเม้มปากแน่น
ไม่ว่าใครก็กลายเป็นเช่นนี้กันหมด ทันทีที่พวกเขาเห็นหรือได้ยินชื่ออวี้ชิงลั่ว ทัศนคติของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที คนพวกนี้โง่เขลาหรือไม่? เหตุใดจึงเชื่อฟังคนงี่เง่าเช่นนั้น?
สตรีเช่นนั้น สตรีที่มีมลทินเช่นนั้นมีอะไรให้ทุกคนเชื่อฟังได้บ้าง?
“เฮ้ เจ้าคุกเข่าอยู่ตรงนี้นานเพียงใดแล้ว?”
ชิวหลานรู้สึกขุ่นเคืองอยู่ในใจ นางไม่ได้กินอาหาร ไม่ได้ดื่มน้ำ ไม่ได้นอน เมื่อผสมกับความโกรธเมื่อครู่นี้ ใจของนางก็พลันว่างเปล่าไปครู่หนึ่ง ราวกับว่าร่างกายของนางกำลังไม่สมดุลอย่างรุนแรง และความคิดของนางก็สับสนวุ่นวาย
จู่ ๆ ก็มีเสียงพูดที่ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจลอยเข้าหูนาง ทันใดนั้นชิวหลานก็เงยหน้าขึ้น และเห็นหนานหนานจ้องมองนางด้วยความสงสัย
เมื่อไม่มีเย่หลานเฉิงอยู่ด้วยแล้ว สีหน้าเหลืออดก็ปรากฏบนใบหน้าของชิวหลานทันที นางเพียงเหลือบมองหนานหนาน แล้วพ่นลมหายใจ “เหตุใดเจ้าถึงไม่ไปกับเจ้านายของเจ้าเล่า? มัวมาทำอะไรที่นี่?”
หนานหนานที่นั่งลงบนพื้นชะงักไปเล็กน้อย เจ้านายหรือ? เจ้านายอะไร?
เฮ้ คนผู้นี้คงไม่คิดว่าเขาเป็นคนรับใช้ และเสี่ยวเฉิงเฉิงเป็นเจ้านายของเขาหรอกนะ
นางช่างมีตาหามีแววไม่ เห็นได้ชัดว่าเขาหล่อเหลา น่ารักและฉลาด เป็นถึงซื่อจื่อน้อยแห่งตำหนักอ๋องซิว แต่นางกลับมองไม่ออก
แม้ตอนนี้ร่างกายของเขาจะสกปรกเล็กน้อย รอยด่างดำบนใบหน้าของเขาเพิ่มขึ้นและเหงื่อออกเยอะมาก แต่รัศมีของเขาก็ยังทรงพลังมากไม่ใช่หรือ? ใบหน้าของเขาไม่มีประกายเลยหรือ? เขาดูเหมือนคนชั้นสูงหรือไม่?
คนคนนี้ต้องตาบอดแน่ เขานึกเย้ยหยันในใจ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ถูกสั่งให้คุกเข่าอยู่ที่นี่ หากคนโง่เขลาเช่นนางไม่ถูกสั่งให้คุกเข่าก็คงจะแปลกมาก
หนานหนานเหลือบมองนาง ก่อนจะยกชายเสื้อคลุมเล็ก ๆ ขึ้นและนั่งบนพื้น แล้ววางอาหารในอ้อมแขนของเขาลง ขณะมองชิวหลานด้วยสายตาแน่วแน่ และเปิดถุงกระดาษแล้วหยิบแป้งทอดต้นหอมออกมา
แป้งทอดสีทองและหอมกรุ่นยังคงอุ่นอยู่ และทันทีที่เปิดถุงกระดาษ กลิ่นหอมก็ลอยผ่านมือของหนานหนานเข้าไปกระทบนาสิกของชิวหลาน
นางกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว ขณะจ้องไปที่มือเล็ก ๆ ของหนานหนาน
“เจ้าคุกเข่าอยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว? ไม่ได้กินมานานแล้วหรือ? ข้าเพิ่งซื้อขนมนี้มาจากข้างนอก มันหอมมาก เจ้าได้กลิ่นมันใช่หรือไม่?”
ชิวหลานสูดหายใจเข้าลึก ๆ และท้องของนางก็ร้องสองครั้ง
ขณะนี้นางมองหนานหนานด้วยความคาดหวังและความตื่นเต้น นางรีบทิ้งสีหน้ารังเกียจ เมื่อได้ยินคำถามของหนานหนาน นางก็รีบพยักหน้าอย่างแรง “ข้าไม่ได้กินมาทั้งวันแล้ว แป้งทอดนี้น่าอร่อยมาก”
เด็กคนนี้น่าจะมีจิตใจที่อ่อนโยนกว่ามาก และเขาต้องการจะให้ของกินนาง
ไม่คาดคิดเลยว่าเด็กคนนี้จะมีของกิน ชิวหลานกลืนน้ำลายอีกครั้งและกลอกตาไปมา
สวรรค์ยังคงเมตตานาง อย่างไรเสียเด็กคนนี้ก็เป็นผู้ติดตามโอรสของรัชทายาท หากนางกินอาหารของเขา นางเพียงต้องปัดความรับผิดชอบทั้งหมดให้กับเด็กคนนี้ ถ้าอวี้ชิงลั่วถาม นางก็จะบอกว่าเด็กคนนั้นบังคับให้นางกิน และนางก็ไม่มีทางเลือก
อีกทั้งนางยังสังเกตได้ชัดเจนว่าในห้องโถงนี้ไม่มีแม้แต่คนรับใช้ ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาพูดอะไรหรือทำอะไรในห้องโถง
หนานหนานพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนจะวางแพนเค้กไว้ข้าง ๆ แล้วหันไปเปิดถุงกระดาษอีกใบ หยิบซาลาเปาไส้เนื้ออีกสองลูกออกมา
“ขอถามอีกว่านี่หอมหรือไม่?”
“หอม”
หนานหนานพยักหน้าด้วยความพึงพอใจอีกครั้ง และเปิดถุงกระดาษใบที่สามออก คราวนี้เขาหยิบนกพิราบย่างออกมา มันทั้งกรอบ นุ่ม และน่าอร่อย
เมื่อชิวหลานเห็นนกพิราบย่าง นางก็รู้ว่ามันมาจากภัตตาคารและมีราคาแพงมาก แต่ละวันของนางจะไปกินของแบบนี้ได้ที่ไหนกัน ตอนนี้รูม่านตาของนางหดลงไม่ได้แล้ว และร่างกายของนางก็เอนไปข้างหน้าด้วย
หนานหนานถามด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าคิดอย่างไรกับสามอย่างนี้? อันไหนน่ากินที่สุด? เจ้าอยากกินอะไรมากที่สุด?”
“นกพิราบ นกพิราบย่าง” ชิวหลานสูดหายใจเข้าลึก ท้องของนางร้องหนักกว่าเดิม
หนานหนานหยิบนกพิราบย่างในมือ แล้วยื่นออกไปตรงหน้านาง “มันหอมมากเลยหรือ?”
“อืม หอมมาก”
หนานหนานรีบดึงนกพิราบกลับคืนมา ก่อนจะอ้าปากกัดลงไปเต็มคำ แล้วถอนหายใจอย่างพึงพอใจ “มันหอมจริง ๆ อร่อยมากด้วย อืม อร่อยจริง ๆ”
“…” ชิวหลานตกตะลึงและโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว “เจ้า เหตุใดเจ้าถึงกินเองล่ะ?”
หนานหนานกะพริบตาด้วยความประหลาดใจ “ข้าไม่กินเองแล้วจะให้เจ้ากินหรือ? ข้าแค่ให้เจ้าดมเท่านั้น อย่าคิดที่จะกิน”
ใบหน้าของชิวหลานมืดมนในทันที เด็กชายตัวเหม็นนี่ไม่รู้เด็กรู้ผู้ใหญ่ยิ่งนัก
“เจ้าไม่รู้จักสัมมาคารวะ ไม่มีความยับยั้งชั่งใจ กล้าที่จะนั่งกินอาหารในห้องโถงนี้ หากข้ากลับไป ข้าจะทูลต่อท่านอ๋องซิวให้เฉดเจ้าทิ้งแน่ เจ้านายของเจ้าก็จะไม่ละเว้นเจ้า ฮึ่ม เจ้ากล้ากินนกพิราบย่าง เจ้าคู่ควรกับมันหรือไม่?”
ชิวหลานโกรธมากจนแทบจะพูดไม่ออก
หนานหนานกัดอีกสองคำ ก่อนจะเช็ดปาก แล้วโยนกระดูกใส่ถุงกระดาษ ขณะมองนางด้วยสายตาประหลาด “ข้าไม่คู่ควรกับการกินนกพิราบย่าง แล้วเจ้าคู่ควรหรือ?”
ขณะที่เขากำลังพูดอยู่ ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นที่ประตู
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของพ่อบ้านหยาง “หนานหนาน เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่?”
ชิวหลานฉายสีหน้าสะใจ นางต้องการดูว่าเด็กตัวเหม็นคนนี้จะหนีรอดไปได้อย่างไร
……………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ที่หล่อนจะกินได้มีอยู่อย่างเดียวก็คือแกงล่ะชิวหลาน โดนหนานหนานแกงหม้อเบ้อเริ่มเลย ก๊ากกกก
ไหหม่า(海馬)