ตอนที่ 560 เคยเห็นแค่สองคนเท่านั้น
ตอนที่ 560 เคยเห็นแค่สองคนเท่านั้น
เรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่ก็ยังไม่บอกนาง จนวันนี้ยังเรียกว่าคุกรุ่นอยู่ได้อีกหรือ? ต้องเรียกว่าเย็นชืดแล้วถึงจะถูก
มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุกเล็กน้อย นางผละออกจากอ้อมแขนของเย่ซิวตู๋ แล้วลุกขึ้นมารินน้ำชาดื่ม ก่อนถามเขาว่า “เรื่องสำคัญอะไร?”
หนานหนานกระแอมออกมาเบา ๆ ใช้มือเล็ก ๆ ลูบใบหน้าของตน ก่อนเปลี่ยนสีหน้าเป็นเคร่งขรึมและจริงจังมาก แล้วจึงเดินไปยืนเอามือไพล่หลังอยู่ตรงกลางของทั้งสอง
“ท่านแม่ เมื่อวานข้าต่อสู้กับคนผู้นั้นใช่หรือไม่?”
“อือ” อวี้ชิงลั่วกลืนน้ำชา นางรู้สึกโล่งคอและรู้สึกสบายตัวขึ้นมาก จากนั้นก็หรี่ตาลงเล็กน้อยขณะมองไปที่หนานหนาน
“วรยุทธ์ของคนผู้นั้น… ช่างคุ้นเคยยิ่งนัก ข้าเคยเห็นแค่สองคนเท่านั้น”
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว ลางสังหรณ์ไม่ดีพลันแวบเข้ามาทันที “สองคนนั้นคือใคร?”
“คนหนึ่งคือท่านพ่อ ส่วนอีกคนคือปรมาจารย์เฒ่าหัวหน้าชาวเหมิง ท่านปู่ลู่” เขาได้ยินมาว่าบิดาของเขามีปานรูปดอกไม้อยู่บนร่างกาย ดังนั้นแม้ว่าเขาจะเป็นบุตรที่เกิดจากธิดาผู้แต่งงานกับคนนอกเผ่า เขาก็ต้องถูกพากลับไปยังเผ่าเหมิงเมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็กเพื่อฝึกวิทยายุทธ์เป็นเวลากว่าสองปี แต่เย่ฮ่าวถิงไม่ได้ทำตามธรรมเนียมนั้นแล้ว
อวี้ชิงลั่ววางแก้วชาลงบนโต๊ะด้วยความตกตะลึง มองหน้ากับเย่ซิวตู๋ด้วยความตกใจ แล้วพูดช้า ๆ “แสดงว่า… ชายสวมหน้ากากเมื่อวานเป็นชาวเหมิงหรือ? พูดอีกอย่างคือเขาอาจเป็นคนของเหมิงกุ้ยเฟย แต่ว่า ท่านไม่ได้บอกหรือว่าหลังจากที่สตรีชาวเหมิงแต่งงาน นอกจากสาวใช้แล้ว นางก็ไม่สามารถพาบุรุษชาวเหมิงมาคอยปกป้องนางได้?”
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้วครุ่นคิด เป็นความจริงที่ว่าบุรุษชาวเหมิงจะรับใช้เจ้านายไปตลอดชีวิต แต่สตรีสูงศักดิ์ที่แต่งงานแล้วอย่างเหมิงกุ้ยเฟยไม่มีสิทธิ์สั่งให้บุรุษชาวเหมิงมารับใช้นางได้
เนื่องด้วยกฎข้อนี้เอง จึงส่งผลให้เมื่อสตรีชาวเหมิงแต่งงานกับคนจากสี่อาณาจักร แม้นางจะได้นั่งในตำแหน่งสูง แต่ฮ่องเต้ก็ไม่ต้องกังวลว่าคนต่างชาติจะมีสิทธิ์เข้ามายุ่งเกี่ยวกับราชสำนัก
ทุกวันนี้จึงเป็นเรื่องยากที่บุรุษชาวเหมิงผู้แข็งแกร่งเช่นนี้จะมาปรากฏกายเคียงข้างเหมิงกุ้ยเฟย ชายผู้นั้นเป็นใคร? ด้วยทักษะที่ทรงพลังเช่นนี้ เขาต้องไม่ใช่ชาวเหมิงธรรมดาสามัญเป็นแน่
เหมิงกุ้ยเฟยคงไม่กล้าฝ่าฝืนกฎของตระกูล ด้วยการปล่อยให้ชายคนดังกล่าวปรากฏตัวในวัดหลิงไท่ และแม้กระทั่ง… สังหารชิงเอ๋อร์และพระสนมของฮ่องเต้
“ดูเหมือนว่าเหมิงกุ้ยเฟยจะมีความลับมากมาย” หลังจากที่อวี้ชิงลั่วทำความเข้าใจเรื่องนี้แล้ว นางก็เลิกคิ้วขึ้น ขณะเหลือบมองเย่ซิวตู๋ด้วยรอยยิ้มอ่อน
เย่ซิวตู๋นอนบนเก้าอี้ยาวนุ่ม ใช่แล้ว มีความลับมากมายจริง ๆ และความลับที่ว่านั่น… อาจพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินได้
หนานหนานพูดจบแล้ว ส่วนที่เหลือก็ฝากให้พ่อแม่กังวลกันเอง เขาใช้มือลูบหน้าอย่างแรงอีกครั้ง หรี่ตาลงและยิ้มอย่างร่าเริง “เอาล่ะ ข้าต้องกลับไปดูการแข่งขันแล้ว ขอตัวไปก่อนนะ”
ก่อนที่อวี้ชิงลั่วและเย่ซิวตู๋จะทันได้ตอบสนอง เขาก็หันหลังวิ่งออกไปแล้ว
เขาวิ่งออกไปได้ไม่กี่ก้าว แล้วหยุดเพื่อหันกลับมาพูดว่า “ข้าเกือบลืมไปเลย ท่านพ่อท่านแม่ พรุ่งนี้เป็นวันที่ข้าเริ่มแข่งขันชู่จวีอีกครั้ง พวกท่านทุกคนต้องไปเป็นกำลังใจให้ข้าที่นั่นด้วย อย่าเกียจคร้านเล่า”
หลังจากที่เขากำชับเสร็จแล้ว เขาก็พยักหน้าอย่างหนักแน่น แล้ววิ่งออกไป
อวี้ชิงลั่วลอบถอนหายใจ นางต้องการสอนให้หนานหนานประพฤติตัวดี เชื่อฟังและรู้จักมารยาทในการเคารพผู้ใหญ่เหมือนเย่หลานเฉิงบ้าง
เย่ซิวตู๋ยกยิ้มแล้วกอดนางอีกครั้ง ก่อนมองลงมาที่นางด้วยรอยยิ้ม “ทำน้องสาวงั้นหรือ?”
อวี้ชิงลั่วตัวแข็งทื่อพลางหัวเราะแห้ง ๆ “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเด็กแสบนี่ไปรู้เรื่องยุ่ง ๆ พวกนี้มาจากที่ไหน เขาสนใจเรื่องเหลวไหลจริง ๆ อันที่จริงแล้วใครบอกเขาว่าคนสองคนจะมีลูกเมื่อกอดกัน? ไม่สิ ข้าจะต้องไปคิดบัญชีเขา และแก้ไขความเข้าใจผิดของเขาด้วย”
หลังจากพูดจบ อวี้ชิงลั่วก็ยกชายกระโปรงเดินออกจากประตูไป โดยไม่สนใจเขาที่โน้มตัวเข้ามาจุมพิตริมฝีปากของนาง
เย่ซิวตู๋หัวเราะ เขามองนางเดินจากไปแล้วลูบคางครุ่นคิด หนานหนานดูเหมือนจะอยากได้น้องสาวจริง ๆ อืม ดูเหมือนว่าเขาจะมีจิตสำนึกของความเป็นพี่ใหญ่ เขาเป็นพ่อที่รักลูกที่สุด ดังนั้นคำของ่าย ๆ ดังกล่าวจะต้องสำเร็จโดยเร็วที่สุด
วันต่อมา อวี้ชิงลั่วและเย่ซิวตู๋ก็ออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่
ทั้งสองไม่ได้ไปที่สังเวียนการประลองมาหลายวันแล้ว และการแข่งขันใหญ่ของสี่อาณาจักรก็ใกล้จะสิ้นสุดลง ในสถานการณ์การต่อสู้ปัจจุบัน ผู้เข้าแข่งขันจากสี่อาณาจักรล้วนมีจุดแข็งในด้านต่าง ๆ เป็นของตัวเอง และผลแพ้ชนะก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
หลังจากที่ซ่างกวนจิ่นถูกลอบสังหารเมื่อไม่กี่วันก่อน ผู้เข้าแข่งขันของอาณาจักรจิงเหลยก็รู้สึกหดหู่โดยไม่รู้ตัวระหว่างการแข่งขัน และขวัญกำลังใจของพวกเขาก็ได้รับผลกระทบอย่างมาก
น่าจะเป็นเพราะเหตุการณ์นี้ ทุกคนในอาณาจักรจิงเหลยจึงค่อนข้างรู้สึกกังวล
อวี้ชิงลั่วเดินตามนางกำนัลที่เดินนำทาง และค่อย ๆ เดินไปตามทางเดินเพื่อไปยังที่นั่ง
ที่นั่งของผู้เข้าแข่งขันยังเต็มอยู่ หลายวันมานี้ มีแต่หนานหนานเท่านั้นที่พักผ่อนอยู่ที่ตำหนัก เพราะได้รับบาดเจ็บในขณะนั้น และไม่ได้มารายงานตัวที่นี่
ที่นั่งด้านข้างฮ่องเต้ดูเหมือนจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ยกเว้นที่นั่งของเย่ฮ่าวหราน ที่นั่งอื่นก็ค่อนข้างเรียบร้อย
ทูตจากอีกสามอาณาจักรต่างให้ความสนใจกับการแข่งขันในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา มีเพียงซ่างกวนจิ่นเท่านั้นที่ได้รับบาดเจ็บ จึงต้องพักรักษาตัวอยู่ที่เรือนรับรอง
การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดน่าจะอยู่ที่ฝั่งสตรีในวัง
เหมิงกุ้ยเฟย ฮองเฮาและคนอื่น ๆ ต่างเก็บตัวอยู่ในวัง โดยเฉพาะหลังจากเหตุการณ์ลอบสังหารที่วัดหลิงไท่เมื่อสองวันก่อน จึงไม่มีใครกล้าออกจากวังมาร่วมสนุก
ในบรรดาสตรีในวัง มีเพียงไม่กี่คนที่ชอบร่วมสนุก และต้องการใช้โอกาสนี้ออกไปข้างนอก
อวี้ชิงลั่วค่อย ๆ กวาดสายตาไปรอบบริเวณ แต่เมื่อมองไปตรงกลาง นางก็หยุดชะงัก และมองไปยังร่างที่ปรากฏในกลุ่มสตรีด้วยความประหลาดใจ
นางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? ไม่ใช่ว่าหมิ่นเฟยรักสงบมาโดยตลอด และไม่ชอบออกมาหาความสำราญข้างนอกหรอกหรือ? ไม่เคยเห็นนางที่นี่มาก่อนเลย
คาดไม่ถึงว่าในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่เหล่าพระสนมหลายคนเก็บตัวอยู่ในวังเงียบ ๆ นางจะปรากฏตัวขึ้น
อวี้ชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย และคำพูดที่หนานหนานพูดกับนางเมื่อวานนี้ก็ดังก้องอยู่ในใจ “ในขณะที่หลิวเฟยและคังเฟยกำลังหาทางคิดบัญชีเหมิงกุ้ยเฟย หมิ่นเฟยจากไปพร้อมกับเย่หลานจ้าวเงียบ ๆ ดูเหมือนว่าพวกเขาเป็นคนไม่ชอบพูด และไม่คิดจะมีส่วนร่วม แต่ก็แปลก ครั้งล่าสุดที่แข่งขันในจวนของเสี่ยวเฉิงเฉิง ข้าเตะเย่หลานจ้าวไปสองครั้ง หรือว่าพวกเขาต้องการจะแก้แค้น?”
หมิ่นเฟยผู้นี้อาจเป็นคนฉลาด
ใช่แล้ว มีคนในวังกี่คนที่โง่เขลาบ้าง?
เฉินเฟยดูเหมือนเป็นคนขี้อายและไม่ชอบสร้างปัญหา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านั่นไม่ใช่วิธีป้องกันตัวเอง
หลิวเฟยและคังเฟยดูเหมือนเป็นคนหุนหันพลันแล่น แต่พวกนางก็อาศัยอยู่ในวังแห่งนี้อย่างสงบสุขมาหลายปีแล้วไม่ใช่หรือ?
“ทางนี้ ทางนี้…”
อวี้ชิงลั่วกำลังอยู่ในภวังค์ ทันใดนั้นเสียงที่คุ้นเคยก็ลอยเข้าหูนาง เหมือนว่ามีคนกำลังเรียกหานาง
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
กุ้ยเฟยนี่ความลับเยอะจริงๆ จะมีหลุดออกมาบ้างไหมเนี่ย
ท่านอ๋องแอบยิ้มในใจแล้วล่ะสิที่ได้ยินหนานหนานบอกว่าอยากมีน้องสาว
ไหหม่า(海馬)