อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] – ตอนที่ 562 คนผอมเล่นมวยปล้ำร้องโอดโอย

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

ตอนที่ 562 คนผอมเล่นมวยปล้ำร้องโอดโอย

ตอนที่ 562 คนผอมเล่นมวยปล้ำร้องโอดโอย

อวี้ชิงลั่วตกตะลึง มองไปตามทางที่นิ้วของนางชี้

แล้วนางก็เห็นเหล่าผู้เล่นจากอาณาจักรเฟิงชางที่เดิมทีกำลังเตรียมตัวอบอุ่นร่างกายกันอยู่ล้อมวงกัน และคนที่อยู่ตรงกลางนั้นก็คือหนานหนาน

อวี้ชิงลั่วมุ่นคิ้ว เย่หลานเวยผู้นี้คิดจะทำอะไรกัน หรือว่าจะสร้างปัญหาให้หนานหนานอีกอย่างนั้นหรือ บทเรียนครั้งก่อนยังสอนเขาไม่พออีกหรือไร

ขณะที่นางกำลังคิดเช่นนั้น หนานหนานผู้อยู่กลางสนามประลองที่กำลังคุยกับหยางหลินอย่างยิ้มแย้มอยู่นั้นก็กำลังทำสีหน้าไม่เข้าใจเช่นกัน มองเย่หลานเวยที่พากลุ่มผู้เล่นมาล้อม ถามเขา “เจ้ากำลังทำอันใด?”

เย่หลานเวยเม้มปาก มองเขาอยู่ครู่สายตาหนึ่งราวกับว่ากลัวเขาอยู่เล็กน้อย เดินไปไม่กี่ก้าวก็พบว่าตนเข้าใกล้อีกฝ่ายมากเกินไป เมื่อถอยหลังกลับมาหนึ่งก้าวจึงรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาหน่อย ทันใดนั้นก็เชิดคางขึ้นแล้วกล่าวเบาๆ “มือสังหารที่วัดหลิงไท่ในวันนั้น เป็นเจ้าที่สู้กับเขาจริงหรือ”

หนานหนานกะพริบตา จริงๆ แล้วก็ไม่ถือว่าเป็นเขาที่ไล่อีกฝ่ายไป ไม่เห็นต้องชมกันถึงเพียงนั้นก็ได้ หากไม่ใช่เพราะมือสังหารผู้นั้นถูกยาพิษของท่านแม่เข้าไป เขาอาจจะสู้ไม่ได้ก็ได้

ดังนั้นเมื่อคิดอย่างจริงจังแล้ว เป็นเขาและท่านแม่ที่ร่วมมือร่วมใจกันต่อสู้ศัตรูได้… นึกคำบรรยายอื่นไม่ออกอีกแล้ว อย่างไรเสียก็เป็นผลงานของพวกเขาทั้งคู่

หนานหนานกุมขมับ อมยิ้มพลางพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวออกมาอย่างจริงจัง “ใช่ เป็นข้าเองที่สู้จนเขาหนีไป”

สีหน้าของเย่หลานเวยมีความสงสัยเล็กน้อย เม้มปากอีกครั้ง ผ่านไปครู่ใหญ่จึงเริ่มกล่าวออกมาอย่างเย็นชา “ไม่ว่าจะว่าอย่างไร ที่เจ้าสู้มือสังหารได้ ก็ถือว่าเป็นการปกป้องข้าและคนสำคัญจำนวนมากที่วัดหลิงไท่ ข้าจะไม่ลืมสิ่งที่เจ้าทำเลย”

“…” มุมปากของหนานหนานกระตุก “ข้าไม่เคยคิดจะปกป้องเจ้าและคนอื่นๆ อย่าได้คิดเข้าข้างตนเองไป”

เย่หลานเวยมองเขาอย่างเด็ดเดี่ยว กำปั้นเล็กๆ ข้างตัวบีบอย่างเต็มแรง “ไม่ว่าจะอย่างไร ผลก็เป็นเช่นนั้นไปแล้ว เนื่องจากเจ้าปกป้องข้า เช่นนั้นในการแข่งขันวันนี้ ข้าจะร่วมมือกับเจ้าอย่างดี”

“เย่หลานเวย หากกล่าวเช่นนั้นอีก ข้าจะจัดการเจ้าเสีย” ช่างไร้ยางอายเสียจริง ตนต้องการความร่วมมือจากเขาเสียที่ไหน แค่ตนเพียงคนเดียวก็สู้คู่ต่อสู้ทุกคนได้แล้ว เย่หลานเวยมาอยู่ด้วยก็มีแต่จะเป็นตัวถ่วง ตนไม่อยากจะร่วมมือกับเขาเสียหน่อย

“เจ้า…” สายตาที่เย่หลานเวยมองเขาราวกับว่าจะถลนออกมาอย่างไรอย่างนั้น “เจ้าไม่รู้จะทำอย่างไรจึงคิดจะต่อยตีคนอย่างนั้นหรือ? ช่างไร้มารยาทยิ่งนัก”

หนานหนานโกรธมาก ก้าวออกไปด้านหน้าหนึ่งก้าวทันที

แต่เขายังไม่ทันได้กล่าวอันใดออกไป แขนเสื้อก็ถูกใครบางคนดึงเอาไว้เสียก่อน หนานหนานหันกลับไป ก็เห็นว่าหยางหลินกำลังส่ายหน้าเบาๆ ให้เขาอยู่ พลางกะพริบตาเล็กน้อย

หนานหนานถึงกับงุนงง “อะไร?”

หยางหลินดึงเขากลับมาแล้วกล่าวที่ข้างหูเขาเบาๆ “เวยซื่อจื่อกำลังทำดีกับเจ้าอยู่นะ”

“ทำดีหรือ?” หนานหนานกล่าวอย่างประหลาดใจ “การทำดีด้วยคือเช่นนี้น่ะหรือ ไม่ใช่การมาเยี่ยมที่บ้านพร้อมของขวัญหรอกหรือ”

หยางหลินกุมขมับในใจ ตอนนี้ถือว่าเขารู้จุดอ่อนที่สุดของหนานหนานแล้ว เห็นๆ อยู่ว่าตำหนักอ๋องซิวรวยล้นฟ้า เขายังจะมาคิดถึงเงินจำนวนเล็กน้อยอีกได้อย่างไร

“หนานหนาน คนรอบกายเวยซื่อจื่อมีมากมายนัก คนเหล่านี้ต่างก็ยอมทำตามเขาอย่างหน้ามืดตามัว พวกเขาก็ดูอยู่ตรงนี้มาโดยตลอด เวยซื่อจื่อชอบวางอำนาจ ไม่อยากเสียหน้าไม่ใช่หรือ ไม่แน่ว่า… ไม่แน่ว่ารอจนการแข่งขันจบแล้ว เขาอาจจะส่งของขวัญไปที่บ้านเจ้าจริงๆ ก็ได้”

หนานหนานหยุดคิด สิ่งที่หยางหลินกล่าวก็พอจะมีเหตุผลอยู่บ้าง

อืม เพราะประโยค ‘ไม่แน่ว่า’ นั้น เขาจะยอมรับมันไว้โดยดีก็ได้

หนานหนานพยักหน้า จากนั้นก็เดินหน้าไปสองก้าว หลังจากหยุดยืนตรงหน้าเย่หลานเวยแล้วก็เริ่มเท้าคางแล้วมองขึ้นลงเพื่อประเมินเขา ผ่านไปครู่ใหญ่จึงได้ข้อสรุป “ที่แท้ก็คนผอมเล่นมวยปล้ำร้องโอดโอย(1)”

เย่หลานเวยถูกเขามองเสียจนขนลุกเกือบจะขวัญหนีดีฝ่อไปแล้ว ไม่คิดว่าจะได้ฟังคำพูดเช่นนั้นของเขา จึงยืนอยู่ที่เดิมพลางมุ่นคิ้ว ถามเขาอย่างประหลาดใจ “คนผอมเล่นมวยปล้ำร้องโอดโอยหมายความว่าอย่างไรกัน?”

“…” หนานหนานยิ้มค้าง ริมฝีปากแข็งทื่อ

เรื่องนี้เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าคนผอมเล่นมวยปล้ำร้องโอดโอยหมายความว่าอันใด เขาเพียงเคยได้ยินท่านแม่พูดถึงครั้งหนึ่งเท่านั้น ตอนนั้นตนก็ไม่ได้ถามท่านแม่ว่าคำนี้หมายความว่าอะไร จริง ๆ เลย เหตุใดเย่หลานเวยต้องถามคำถามยากเย็นเช่นนี้กับเขาด้วย

ทว่าในสายตาของคนภายนอก ตนเองก็ยังเป็นคนมีความรู้กว้างขวาง อีกฝ่ายถามเช่นนี้ เขาก็จะต้องตอบให้ดีๆ

หนานหนานครุ่นคิด จากนั้นก็กล่าวอย่างจริงจัง “เจ้าไม่รู้จักแม้แต่คำว่าคนผอมเล่นมวยปล้ำร้องโอดโอยอย่างนั้นหรือ ไอ้หยา เรื่องนี้เข้าใจได้ง่ายจะตายมิใช่หรืออย่างไร นี่ เจ้าลองดูเถิด คำว่า ‘อ้าว’ หมายถึงร้องโอดโอย ‘เจียว’ ก็หมายถึงมวยปล้ำ แล้ว ‘โซ่ว’ เล่า ก็คือผอม ดังนั้นคำนี้จึงหมายถึงว่า คนผอมเล่นมวยปล้ำร้องโอดโอยอย่างไรล่ะ เจ้าทราบแล้วหรือยัง”

“…” คนผอมเล่นมวยปล้ำร้องโอดโอยหรือ แต่ว่า… แต่คำนี้มันเกี่ยวอันใดกับเขาเล่า

เย่หลานเวยเกาศีรษะ ไม่เข้าใจเป็นอย่างยิ่ง คนอื่นๆ ก็มีสีหน้างุนงงไปตามๆ กัน

ในโลกนี้มีคำพูดเช่นนี้ด้วยหรือ

แต่ได้ยินว่าอวี้ฉิงหนานติดตามหมอปีศาจมาตั้งแต่เด็ก ไปมาหลายต่อหลายแห่ง ถือว่ามีประสบการณ์มากมาย ดังนั้นนี่อาจจะเป็นภาษาจากที่ใดสักแห่งก็เป็นได้

มีเพียงหยางหลินเท่านั้นที่หลังจากเห็นหนานหนานอธิบายเสร็จแล้วก็ถอนหายใจโล่งอก ในใจมีแต่ลางสังหรณ์ราวกับว่าเขากำลังพูดเรื่องไร้สาระอยู่

หนานหนานกลอกตาไปมา เขานี่ช่างฉลาดหลักแหลมเสียจริง กลับไปต้องนำคำอธิบายนี้ไปบอกท่านแม่ ท่านแม่อาจจะชื่นชมเขาก็เป็นได้

ขณะกำลังคิดอยู่ ทันใดนั้นทางด้านฆ้องก็ดัง ‘ปัง’ ขึ้นมา การแข่งขัน… เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว

หนานหนานวิ่งไปด้านหน้าสองสามก้าว เย่หลานเวยที่เพิ่งจะได้สนิทกับเขาไปอีกก้าวหนึ่งเองก็วิ่งตามหลังเขาไปสองก้าวเช่นกัน ทั้งยังกล่าวเบาๆ “ข้าแบ่งคนเรียบร้อยแล้ว ผู้เล่นคนอื่นๆ ก็จะช่วยร่วมมือกับเจ้า และจะนำลูกส่งให้เจ้าด้วยเช่นกัน”

“โอ้” หนานหนานพยักหน้า ตอบกลับอย่างสุภาพอย่างยิ่ง

เย่หลานเวยหลุบตาลงต่ำอย่างเงียบๆ ครู่หนึ่ง ยังคงต้องการจะรู้ให้ชัดเจน “เช่นนั้นเหตุใดเมื่อครู่เจ้าจึงบอกว่าข้าเป็นคนผอมเล่นมวยปล้ำร้องโอดโอยเล่า ข้ากับ… เฮ้อ เจ้าจะวิ่งเร็วไปถึงไหนกัน”

หากไม่รีบวิ่งก็จะถูกเจ้าเอาแต่กวนน่ะสิ หนานหนานรู้สึกเหน็บหนาวในร่างกาย สกัดลูกเอาไว้ก็รีบนำตัวเองเข้าสู่กลางสนามแข่งขันทันที

เย่หลานเวยถูกฝุ่นตลบลอยเข้าปาก พ่นมันออกมาสองครั้ง ทำได้เพียงกดเอาความสงสัยไว้ในใจและรีบลงสนามไป

หนานหนานจำต้องยอมรับ เย่หลานเวยผู้นี้ถึงแม้จะไว้ใจอันใดไม่ได้ ถึงแม้จะเป็นคนยุ่งเหยิงเละเทะ แต่การเล่นชู่จวีของเขานั้นไม่เลวเลย

อืม แต่ก็ยังสู้เขาไม่ได้อยู่ดี อย่างไรเสียก็ยังดีกว่ากลุ่มคนพวกเดียวกันประมาณหนึ่ง

หนานหนานคิดในใจ คนผู้นี้ก็ยังมีข้อดีอยู่บ้าง

“เอ่อ ลูกอยู่ทางโน้น เข้ามาอีกคนหนึ่ง” เย่หลานเวยตะโกนเสียงดัง หนานหนานไปตามเสียง ต่อมาเพื่อนฝ่ายเดียวกันก็พากันโห่ร้องเสียงดัง

แต่จากนั้นไม่นานนักหนานหนานก็เลิกคิ้วทันที สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา ยืนอยู่กับที่แล้วตะโกนใส่ทางฝั่งกรรมการเสียงดัง “รอเดี๋ยว พักครึ่งๆ”

…………………………………………………………………………………………………………………………

เป็นการเล่นคำ มาจากคำว่า 傲娇受 (อ้าวเจียวโซ่ว) ที่หมายถึงคนเย็นชาภายนอกแต่จริงๆ แล้วเป็นคนอบอุ่น หรือเป็นประเภทปากร้ายแต่ใจดี มักพบในพล็อตนิยายผู้หญิงหรือนิยาย BL แต่หนานหนานแปลแบบแยกคำ เลยกลายเป็นคำว่าคนผอมเล่นมวยปล้ำร้องโอดโอยไป

สารจากผู้แปล

เขาจะผูกมิตรด้วยหนานหนานดันระแวงเฉยเลย การขอผูกมิตรไม่จำเป็นต้องให้เงินให้ทองนะหนานหนาน

ไหหม่า(海馬)

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

Status: Ongoing
จากภรรยาผู้เป็นที่รังเกียจของสามีและถูกใส่ความว่าเป็นชู้กับบุรุษอื่นจนกระทั่งมีบุตรด้วยกัน​ อีกหกปีให้หลังได้เป็นหมอหญิงฉายา​ ‘หมอปีศาจ’​ ผู้ลือนามพร้อมบุตรชายแสนซนที่สรรหาเรื่องราวต่างๆ​ รวมถึงบุรุษที่คาดว่าจะเป็นบิดาตนมาให้ไม่หยุดหย่อน​ อวี้ชิงลั่ว​ แพทย์หญิงมือฉกาจจากยุคปัจจุบันผู้ทะลุมิติ​มาเข้าร่างของหมอปีศาจผู้นี้จะทำอย่างไรต่อไปดี​ ในเมื่อปริศนาเกี่ยวกับตัวเองก็ต้องสืบ​ ส่วนบิดาของลูกติดเจ้าของร่างก็ต้องหา?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท