อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] – ตอนที่ 577 ท่านคิดมากไปแล้ว

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

บทที่ 577 ท่านคิดมากไปแล้ว

บทที่ 577 ท่านคิดมากไปแล้ว

“พ่ะย่ะค่ะ” โม่เสียนตอบกลับด้วยท่าทางเคารพ

เย่ซิวตู๋ค่อยพยักหน้า และไม่ได้กล่าวอะไรอีก

แต่โม่เสียนยังสับสนอยู่เล็กน้อย เดินตามไปไม่กี่ก้าวก็ทนไม่ไหว เอ่ยถามออกมา “ท่านอ๋อง หนานหนานกล่าวกับฝ่าบาทให้ทรงปล่อยท่านอ๋องแปดจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ”

ฝ่าบาทไม่พบแม้แต่หน้านายท่าน ถึงแม้จะบอกว่าเขาเองก็โปรดปรานหนานหนาน แต่เมื่อแยกแยะดูแล้ว ไม่ว่าจะโปรดปรานถึงขนาดไหน ก็คงเทียบไม่ได้กับนายท่านมิใช่หรือ

เย่ซิวตู๋หันหน้ากลับมา เพียงแต่ยิ้ม ยกเท้าก้าวต่อไปจนกระทั่งเดินไปไกลแล้ว จากนั้นจึงกล่าว “สิ่งที่น้องแปดทำถึงแม้จะไม่ใช่เรื่องมีเกียรติอันใด แต่เสด็จพ่อก็จะไม่ทรงทำเช่นนั้นกับเขาจริงๆ เพียงเพราะเรื่องนี้หรอก ไม่จำเป็นต้องให้หนานหนานไปทูลอันใด อย่างไรเสด็จพ่อก็จะปล่อยตัวเขาไม่ช้าก็เร็ว”

อีกอย่าง จุดประสงค์ของเขาก็ไม่ได้จะให้หนานหนานทำอันใดจริงๆ แต่ถ้าหากเขาไปรบกวนอารมณ์ของเสด็จพ่อเสียหน่อย ก็จะพอซื้อเวลาได้

โม่เสียนชะงัก ขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างละเอียดครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็เข้าใจ จากนั้นก็ตามเย่ซิวตู๋ไปยังห้องหนังสือ

ขณะนี้ด้านในของวังหลวงเกิดความโกลาหลแล้ว อ๋องแปดเป็นคนรักอิสระเสมอมา ทั้งยังเป็นคนเรียบง่ายเป็นกันเอง ยังไม่ต้องพูดถึงด้านนอก เพียงแค่ข้าหลวงในวังก็ยังดีกับเขามากกว่าองค์ชายคนอื่นๆ

เมื่อรู้ว่าเขาถูกจับกุม ขันทีและสาวใช้ที่เคยรับใช้เขาก็พากันไปสอบถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยตนเอง

บางคนก็ได้รับคำสั่งจากเจ้านางของตน ไปคอยตรวจสอบความเคลื่อนไหวที่ด้านนอกห้องตำราหลวง

หว่านเฟยนั่งคุกเข่าอยู่ด้านนอกห้องตำราหลวงมากว่าหนึ่งชั่วยามแล้ว ฮ่องเต้ยังไม่ได้ตรัสอันใดแม้แต่คำเดียว เพียงแต่ให้คนไปพยุงนางกลับอย่างสุดจะทน

แต่หว่านเฟยก็ยังไม่ยอมลุก นางในและขันทีเหล่านี้จะไปกล้าดึงนางขึ้นมาจริงๆ ได้อย่างไร ทำได้เพียงโน้มน้าวอยู่ข้างๆ อยู่กับนาง

ฮ่องเต้ร้อนพระทัยเป็นอย่างมาก ทรงมองดูเวลา จากนั้นก็ตรัสถามขันทีผู้หนึ่งที่อยู่ข้างกาย “เหมียวกงกงออกไปนานเท่าใดแล้ว”

“ทูลฝ่าบาท ประมาณหนึ่งชั่วยามครึ่งได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ขมวดพระขนง หากไม่นับเวลาเดินทางไปกลับ เขาก็ไปได้สักพักใหญ่แล้ว

ดูท่าทางเหมียวเชียนชิวจะเจออุปสรรคที่ตำหนักของซิวเอ๋อร์เสียแล้ว

ก็จริง เดิมทีซิวเอ๋อร์เป็นคนเฉียบคม ช่วงนี้ที่ตำหนักก็มีอวี้ชิงลั่วเพิ่มขึ้นมาอีกคน ทั้งสองคนนี้นต่างก็ไม่ใช่เจ้าบ้านที่จะตกลงด้วยโดยง่ายนัก

เขาให้เหมียวกงกงไปที่นั่นก็เพียงเพราะต้องการตรวจสอบซิวเอ๋อร์เสียหน่อย ซึ่งพวกเขาจะต้องไม่ส่งตัวแม่นางสกุลจินผู้นั้นให้เป็นแน่

ฮ่องเต้เข้าใจนิสัยของเหมียวกงกง ดูท่าทางเขาจะลงมือจากทางแม่นางชิง

แต่แม่นางชิงผู้นั้น… ฮ่องเต้เริ่มรู้สึกปวดพระเศียรขึ้นมาอีกครั้ง นิสัยของแม่นางชิงผู้นั้น ช่างคาดเดาไม่ออกจริงๆ ดูจากสิ่งที่นางทำสองสามครั้งที่ผ่านมาในช่วงนี้ นางน่าจะเป็นคนฉลาดเฉลียวเข้าใจโลก อีกทั้งยังเป็นองค์หญิงจากอาณาจักรเทียนอวี่ และน่าจะเข้าใจเหตุและผลของภาพรวมด้วย

แต่มีข่าวลือว่าบุคลิกของนางค่อนข้างแปลก อีกทั้งยังเคยท่องไปในยุทธภพมานานหลายปี การเผชิญกับบรรดาชาวยุทธภพเหล่านั้น…คงทำให้นางจัดเจนในทางโลกมาไม่น้อย เกรงว่าจะไม่ได้รับมือง่ายขนาดนั้น

ครั้งนี้เย่ฮ่าวหรานทำเรื่องโง่เง่า เขาละเลยอีกฝ่ายมากไป ทำให้นับวันยิ่งควบคุมไม่ได้ ครั้งนี้ถ้าหากไม่กำหนดขอบเขตเสีย ต่อไปจะจัดการได้อย่างไร

“นั่นใคร”

ขณะที่ฮ่องเต้กำลังจมอยู่กับความคิด จู่ๆ ขันทีที่อยู่ด้านข้างก็ส่งเสียงขึ้นมา

สีพระพักตร์ของฮ่องเต้ไม่สู้ดีขึ้นมาทันที ขันทีผู้นั้นรับรู้ความผิดของตน รีบคุกเข่าลงกับพื้นดัง ‘ตึก’ “กระหม่อมสมควรตายพะยะค่ะ กระหม่อม กระหม่อมเห็นว่าผ้าปูโต๊ะมีการเคลื่อนไหว ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ นั่น…”

เขากล่าวไปพลางชี้ไปยังผ้าปูโต๊ะสีทองสดใสที่กำลังกระเพื่อมอยู่ใต้โต๊ะ

จากนั้นก็มีสิ่งมีชีวิตทรงกลมตัวเล็กๆ ท่าทางเหนื่อยอ่อนก็ปีนขึ้นมาจากข้างใต้

สีพระพักตร์ของฮ่องเต้แข็งทื่อไปทันใด จู่ๆ ก็ทรงลุกขึ้นมาแล้วตะโกน “หนานหนาน เหตุใดเจ้าจึงไปซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าปูโต๊ะอีกแล้ว เจ้าเป็นถึงซื่อจื่อน้อยของตำหนักอ๋องซิว ทำตัวไม่สุภาพเช่นนี้ โตไปจะเป็นอย่างไร?”

สิ่งมีชีวิตเล็กๆ นั้นไปซ่อนอยู่ข้างใต้ได้อย่างไร เขาเข้ามาในวังตั้งแต่ตอนไหนกัน?

ผมของหนานหนานยุ่งเหยิง ที่ปากยังมีเศษผมจำนวนหนึ่ง ดูท่าทางตลกยิ่งนัก

เขาโค้งตัวลูบเสื้อผ้าที่ยับ จัดระเบียบให้ดูเรียบร้อยสักหน่อย จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นแล้วกล่าว “เสด็จปู่ ข้าเองก็ไม่มีวิธีแล้ว พระองค์ทรงไม่ให้ผู้ใดเข้าเฝ้า ข้าจึงคิดออกได้เพียงความคิดไม่เข้าท่าเช่นนี้”

เขาเองก็รู้ว่านี่คือความคิดไม่เข้าท่าย่างนั้นหรือ

ฮ่องเต้แค่นเสียง ‘เฮอะ’ อย่างเย็นชา หันตัวหนีไปโดยไม่มองเขาแม้แต่แวบสายตาเดียว “ในเมื่อเจ้ารู้ว่าข้าไม่ต้องการพบผู้ใด เช่นนั้นยังกล้ามาพบข้าอีก ว่าอย่างไร เจ้ามาที่นี่เพื่อขอร้องแทนอาแปดของเจ้าหรือ ข้ากล่าวไปอย่างชัดเจนมากแล้ว ผู้ใดขอร้องแทนก็จะต้องโทษเช่นเดียวกัน เจ้าอยากตายอย่างนั้นหรือ?”

หนานหนานเบิกตาโต “เสด็จปู่ทรงหมายความว่าจะทรงฆ่าอาแปดหรือพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้สำลัก ผินพระพักตร์จ้องมองเขาอย่างดุดัน

ผ่านไปครู่หนึ่งก็โบกพระหัตถ์ “เจ้ากลับไปเสีย บอกพ่อของเจ้า เรื่องนี้เขาไม่จำเป็นต้องเข้ามายุ่ง เจ้ามาพูดแทนฮ่าวหรานอย่างไรก็ไร้ประโยชน์”

หนานหนานเม้มปาก เงยหน้ามองฮ่องเต้ จากนั้นก็วิ่งไปหาขันทีผู้นั้นที่ยังคงตัวสั่นและคุกเข่ารอคำสั่ง ก่อนจะกล่าวกับเขาเบาๆ “เจ้าออกไปก่อน”

ขันทีผู้นั้นตกใจ ถึงแม้จะอยากออกไปยิ่งนัก แต่ก็ไม่กล้าขยับตัว

เขาค่อยๆ เหลือบตาไปมองฮ่องเต้ อีกฝ่ายหัวเราะเย็นชา “หนานหนาน อยู่ต่อหน้าเสด็จปู่ เจ้ายังมีสิทธิออกคำสั่งด้วยหรือ?”

“ไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“เช่นนั้นยังออกปากอีกหรือ?” ฮ่องเต้ไม่เคยพบเจอเด็กน้อยที่ตรงไปตรงมาอีกทั้งยังหน้าไม่อายเช่นนี้มาก่อนเลยจริงๆ

หนานหนานเอียงคอครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นกระหม่อมจะไม่กล่าวอันใด” กล่าวจบเขาก็ยกมือขึ้น ใช้สันมือฟันเข้าไปที่ท้ายทอยของขันทีผู้นั้น ไม่นานนักเขาก็เป็นลมล้มพับไป

“…” พระเนตรของฮ่องเต้เบิกกว้าง อยากจะจับหนานหนานมาสั่งสอนให้หนักๆ สักทีหนึ่ง

โลกนี้ยังมีซื่อจื่อน้อยที่ไม่สนกฎเกณฑ์เช่นนี้อยู่อีกหรือ อยู่ต่อหน้าเสด็จปู่อย่างเขายังไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย ทั้งยังกล้าใช้กำลังต่อหน้าเขาอีก

หนานหนานเห็นว่าห้องตำราหลวงเหลือเพียงพวกเขาสองคนแล้วจึงวางใจ เขาปรบมือพร้อมกับยิ้มแล้วกล่าว “ตอนนี้ก็ไม่มีผู้ใดมารบกวนการสนทนาของเราแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ขณะพูดก็เริ่มใช้มือเท้าปีนขึ้นมาบนโต๊ะหลวง นั่งขัดสมาธิอยู่ด้านบนประจันหน้ากับฮ่องเต้

ฮ่องเต้ขมวดพระขนงจนแทบจะผูกกัน แต่เห็นท่าทางแข็งแรงและซื่อสัตย์ของเขาแล้ว ถึงแม้จะโกรธไม่ลงแต่ก็ต้องสร้างกฎเกณฑ์ให้เขาเสียหน่อย

ไม่มีมีเชื้อพระวงศ์คนไหนบ้างที่อยู่ต่อหน้าเขาแล้วยังกล้าหายใจเสียงดัง แม้แต่องค์ชายที่เย่อหยิ่งจองหองจากตำหนักองค์ชายสามผู้นั้นยังทำได้เพียงคุกเข่าตัวสั่นอยู่ที่พื้น

พระองค์ถอนหายใจออกมา ทอดพระเนตรหนานหนานอย่างดุดันครู่หนึ่ง “เช่นนั้น ไม่ว่าวันนี้เจ้าจะพูดอะไร ข้าก็จะไม่ปล่อยอาแปดของเจ้า ถ้าหากพ่อเจ้าคิดจะให้เจ้ามาเล่นตลกที่นี่ ก็ถือว่าเพ้อฝันเกินไปแล้ว”

หนานหนานทำหน้าใสซื่อ “เสด็จปู่ทรงคิดมากไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่ได้มาเพื่อช่วยกล่าวอันใดแทนอาแปดเลย ถึงแม้ว่าท่านอาแปดจะทำดีกับกระหม่อมมาก ทั้งยังรูปงาม ทั้งยังซื้อของอร่อยให้กระหม่อม ทั้งยังให้เงินกระหม่อม แต่ทว่าเขากระทำผิด เสด็จปู่ทรงลงโทษเขา ก็เป็นเรื่องที่ควรทำอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

หนานหนานจะก่อกวนเสด็จปู่ให้ยอมปล่อยท่านป้าจินอย่างไรกันนะ

ไหหม่า(海馬)

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

Status: Ongoing
จากภรรยาผู้เป็นที่รังเกียจของสามีและถูกใส่ความว่าเป็นชู้กับบุรุษอื่นจนกระทั่งมีบุตรด้วยกัน​ อีกหกปีให้หลังได้เป็นหมอหญิงฉายา​ ‘หมอปีศาจ’​ ผู้ลือนามพร้อมบุตรชายแสนซนที่สรรหาเรื่องราวต่างๆ​ รวมถึงบุรุษที่คาดว่าจะเป็นบิดาตนมาให้ไม่หยุดหย่อน​ อวี้ชิงลั่ว​ แพทย์หญิงมือฉกาจจากยุคปัจจุบันผู้ทะลุมิติ​มาเข้าร่างของหมอปีศาจผู้นี้จะทำอย่างไรต่อไปดี​ ในเมื่อปริศนาเกี่ยวกับตัวเองก็ต้องสืบ​ ส่วนบิดาของลูกติดเจ้าของร่างก็ต้องหา?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท