ตอนที่ 611 ข้ารับประกัน
ตอนที่ 611 ข้ารับประกัน
เด็กหญิงตะลึงไปครู่หนึ่ง เหลือบมองนางแวบหนึ่ง ราวกับว่าลังเลเป็นอย่างมาก
ผ่านไปครู่ใหญ่นางจึงกล่าวออกมาเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน “ข้าชื่อเหมิงหลัวอวี้ เป็น… เป็นชาวเหมิง เป็นเพราะที่บ้านข้ามีเรื่องราวค่อนข้างซับซ้อน จึงหนีออกมา”
“เช่นนั้นคนที่ไล่ฆ่าเจ้าเป็นใครกัน” หนานหนานนั่งลงตรงหน้านางด้วยความอยากรู้อยากเห็น ปากก็กล่าวนั่นกล่าวนี่ไม่หยุด
อวี้ชิงลั่วชำเลืองมองเขา ยกมือขึ้นปัดเศษขนมที่หน้าอกของเขา
สองมือของเหมิงหลัวอวี้พันกัน มองอวี้ชิงลั่ว จากนั้นก็มองไปที่เอวของหนานหนาน ค่อยๆ หายใจเข้าลึกๆ กล่าวช้าๆ “คนพวกนั้น เป็นคนที่ฮูหยินใหญ่ส่งมา เพราะว่า เพราะว่าปานบนตัวของข้า ฮูหยินใหญ่จึงรับข้าไม่ได้”
นางยังพูดตะกุกตะกัก ด้วยเป็นเพราะยังไม่เชื่อใจคนอื่นๆ ถึงแม้จะอยู่กับอวี้ชิงลั่วและหนานหนานมาสองวันแล้ว แต่ก็ยังคงมีความระมัดระวังอยู่
อวี้ชิงลั่วหรี่ตา ทนเด็กคนหนึ่งที่มีปานบนตัวไม่ได้เนี่ยนะ?
นางจำได้ว่าเย่ซิวตู๋เคยบอกกับนางว่าเด็กในดินแดนเหมิงที่เกิดมาพร้อมปานนั้นแทบจะไม่มีแล้ว เช่นนั้นเด็กอายุเท่าเหมิงหลัวอวี้นี้ก็น่าจะหายากมากๆ ถึงจะถูก หัวหน้าเผ่าเหมิงชื่นชอบหนานหนานอย่างมาก ก็เพราะคิดว่าหนานหนานเป็นเด็กชาวเหมิงคนเดียวที่เกิดมาพร้อมปานรูปดอกไม้ หลังจากเด็กที่เกิดเมื่อ 20 ปีก่อนหน้านั้นไม่ใช่หรือ
ถ้าหากเหมิงลู่รู้ว่ามีเด็กเช่นนี้อยู่ จะต้องไม่ยอมให้นางต้องพบอันตรายเช่นนี้แน่
นางเงยหน้ามองเหมิงหลัวอวี้ในทันใด “หัวหน้าเผ่าเหมิงไม่รู้ว่าบนร่างเจ้ามีปานรูปดอกไม้ใช่หรือไม่”
เหมิงหลัวอวี้ลังเลครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “นอกจากฮูหยินใหญ่และคนรอบตัวข้าแล้ว คนอื่นๆ ไม่มีใครรู้ แม่ฉินบอกว่าหากอยากจะรักษาชีวิตของข้าไว้ ก็จะต้องหาทางไปพบกับหัวหน้าเผ่า หัวหน้าเผ่าจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายข้าแน่”
อวี้ชิงลั่วลอบถอนหายใจ พูดไปแล้วก็น่าจะเป็นเรื่องของบรรดาสตรีในตระกูลร่ำรวยแก่งแย่งชิงดีกันเพื่อผลประโยชน์ เพียงแต่ว่าเหมิงหลัวอวี้เป็นเด็กคนหนึ่ง พูดตรงๆ แล้วนางก็เป็นเพียงเหยื่อของการแก่งแย่งชิงดีที่ว่านั้น
แต่ชาวเหมิงให้ความสำคัญกับเด็กที่มีปานเช่นนี้เป็นอย่างมาก ถึงแม้จะเป็นนางก็พอจะเข้าใจอยู่บ้าง หากไม่ใช่เพราะฮูหยินใหญ่ผู้นี้มีอิทธิพลมาก เกรงว่าคงไม่กล้าตามฆ่านางอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใดเช่นนี้
“ดังนั้นเจ้าจึงอยากให้พวกข้าพาไปหาท่านปู่ลู่อย่างนั้นหรือ” ในที่สุดหนานหนานก็กินเสร็จ และค่อยๆ สำรวจตัวเองเล็กน้อย
เหมิงหลัวอวี้ถอนหายใจ แม้อายุน้อยแต่กลับมีแววตาลุ่มลึกราวผู้ใหญ่ นางดึงมือตัวเอง กล่าวเบาๆ “ข้าอยู่ที่บ้าน… จะทำอันใดก็มีข้อจำกัด ยิ่งไม่มีทางได้พบท่านหัวหน้าเป็นแน่ ครั้งนี้เป็นเพราะท่านลุงหยางแอบได้ยินมาว่าท่านหัวหน้าไปเมืองหลวงของอาณาจักรเฟิงชาง ดังนั้นจึงคิดหาวิธีพาข้าหนีออกมา แต่เพียงไม่นานก็ถูกฮูหยินใหญ่ตามเจอ ครั้งนี้นางให้มือสังหารมา ให้คนมาตามฆ่าพวกเรา”
อวี้ชิงลั่วเข้าใจในทันที ไม่แปลกใจเลย ไม่แปลกใจเลยที่ก่อนหน้านี้ตอนพวกเขาพบนาง นางจึงแกล้งทำตัวเป็นเด็กโง่แอบเข้าไปซ่อนในรถม้าของชายผู้นั้นที่จะเข้าไปทำธุรกิจในเมืองหลวง นางอยากจะแอบเข้าเมืองหลวงไปกับรถของชายร่างใหญ่ หาโอกาสไปพบกับเหมิงลู่สินะ
“พวกเจ้าเดินทาง… เสียเวลาไปหลายวันเลยสินะ”
เหมิงหลัวอวี้ประหลาดใจ ผ่านไปครู่หนึ่งก็พยักหน้า “คนที่ไล่ฆ่าพวกเราระหว่างทางมีหลายกลุ่ม พวกเราไม่มีทางเลือกนอกจากเร่งรีบเดินทาง ส่วนท่านลุงหยางกับแม่ฉิน…” นางเม้มปาก กัดฟันแน่น พยายามหยุดน้ำตาที่เอ่อขึ้นมาเอาไว้
ผ่านไปนานก็สูดหายใจเข้าลึกๆ หันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง กล่าวเบาๆ “เราเดินทางล่าช้ากันมากว่าหนึ่งเดือนแล้ว”
หนานหนานกะพริบตา จู่ๆ ก็ตะโกนอย่างตกใจ “อ๋า แต่ท่านปู่ลู่กลับดินแดนเหมิงไปนานแล้วนะ”
เหมิงหลัวอวี้ตกใจ หันหน้ากลับมาแล้วถามอย่างสงสัย “เจ้า เจ้าจะบอกว่า เขา…ไม่อยู่เมืองหลวงแล้วหรือ”
หนานหนานพยักหน้าอย่างแรง เอื้อมมือไปตบไหล่นาง แสดงออกว่าที่นางเดินทางมาอย่างยากลำบากนั้นช่างเปล่าประโยชน์
เหมิงหลัวอวี้ตัวสั่นขึ้นมาในทันที น้ำตาที่เดิมทีพยายามกลั้นไว้มาโดยตลอดก็กลั้นไม่อยู่แล้ว ไหลพรากออกมาเป็นสาย
หนานหนานตกใจอย่างมาก ทันใดนั้นก็กระโดดลงจากที่นั่งอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร โบกไม้โบกมือ “เจ้า เจ้า เจ้าเป็นอะไรไป อย่าร้องไห้สิ ไม่เป็นไรหรอก เรากลับไปที่ดินแดนเหมิงกันเดี๋ยวก็เจอเขาแล้ว เจ้าจะต้องได้เจอเขาแน่”
เหมิงหลัวอวี้ส่ายหน้า ร่างกายยิ่งสั่นเทิ้มหนักขึ้น ผ่านไปไม่นานก็สะอึกสะอื้นออกมาราวกับสัตว์ตัวเล็กๆ เสียงเบา เสียงร้องเบาๆ ดังออกมาจากระหว่างนิ้วมือของนางที่ปิดปากเอาไว้แน่น นางไม่กล้าร้องออกมาเสียงดัง การกลั้นเสียงร้องไห้นี้เป็นนิสัยของนางไปแล้ว
หนานหนานกระวนกระวายมาก เขาเดินไปเดินมา “จริงๆ นะ เจ้าไม่ต้องร้องแล้ว อย่างไรเราก็จะไปดินแดนเหมิง ให้พาเจ้ากลับไปก็ได้นี่”
“ไม่ใช่ ไม่ เจ้าไม่เข้าใจ” เหมิงหลัวอวี้ส่ายหน้า หยดน้ำตายิ่งไหลรินลงมา “สถานที่ที่หัวหน้าเผ่าเหมิงอยู่ คนทั่วไปไม่สามารถเข้าใกล้ได้ หากกลับไปยังเหมิงแล้วจริงๆ ข้าก็… ก็พบเขาไม่ได้ อีกอย่าง… อีกอย่างถ้าหากข้ากลับไปยังดินแดนเหมิง ฮูหยินใหญ่จะต้องรู้แน่ นางจะไม่ปล่อยให้ข้ามีชีวิตอยู่จนได้ไปพบท่านหัวหน้าเผ่าแน่ แม่ฉิน แม่ฉินและลุงหยาง… พวกเขา เพื่อข้าแล้ว เพื่อข้าแล้ว พวกเขาล้วน… เสียสละโดยเปล่าประโยชน์”
หนานหนานรีบจับมือของนาง สุดท้ายก็หาช่องว่างเพื่อเช็ดน้ำตาให้นางได้
“ไม่มีทาง เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะคุ้มครองความปลอดภัยให้เจ้าเอง ข้ารับประกัน แม่ของข้าก็ปกป้องเจ้าได้ ข้าจะบอกให้นะ ข้ากับท่านแม่น่ะเก่งมาก รับรองว่าจะพาเจ้าไปส่งให้กับท่านปู่ลู่ได้อย่างปลอดภัย เจ้าเข้าใกล้ท่านปู่ลู่ไม่ได้ แต่ข้าเข้าใกล้เขาได้นี่ ข้าจะพาเจ้าไป ใช่ไหมท่านแม่ เราปกป้องนางได้”
อวี้ชิงลั่วมองเขาอย่างดุๆ แวบหนึ่ง ตอนนี้สาเหตุสำคัญที่ไปดินแดนเหมิงก็เพื่อตามหาแม่นมเก๋อ นางยิ่งไม่ยอม และไม่ต้องการติดต่ออันใดกับเหมิงลู่
แต่ว่า…
เมื่อมองไหล่เล็กๆ ที่กำลังสั่นเทิ้มของเหมิงหลัวอวี้ มองใบหน้าของนางที่ยังเด็กนักพอๆ กับหนานหนาน อีกอย่าง… ที่นางแสร้งทำตัวโง่เง่าก็เพื่อปกป้องชีวิตตัวเอง
ยังเด็กเพียงนี้ เห็นๆ อยู่ว่าเป็นเด็กอายุเพียงนี้…
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจ มองดวงตาที่อ้อนวอนของหนานหนาน สุดท้ายก็ยื่นมือออกไปแล้วโอบเหมิงหลัวอวี้ไว้ ค่อยๆ ลูบหลังให้นาง กล่าวเบาๆ “เราพาเจ้าไปพบเหมิงลู่ได้แน่ เจ้าวางใจเถอะ แม่ฉินและลุงหยางไม่ได้เสียสละโดยเปล่าประโยชน์แน่ พวกเขาพาเจ้ามาส่งที่นี่ได้ เราจะรับหน้าที่ต่อเพื่อส่งเจ้าไปหาหัวหน้าเผ่าเหมิงเอง วางใจเถอะ ไม่ต้องร้องแล้ว นะ”
เหมิงหลัวอวี้เงยหน้าเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยน้ำตา สองมือกำชุดของอวี้ชิงลั่วไว้แน่น กล่าวอะไรไม่ออก
“เด็กดี เราอยู่ข้างเจ้า ไม่ต้องกลัว ถึงแม้ข้าจะไม่ใช่คนดีอะไรนัก แต่หนานหนานนั้นคิดว่าตนเองเป็นลูกผู้ชาย คำไหนที่เขากล่าว เขาจะต้องทำได้จริง”
หนานหนานที่อยู่ข้างๆ พยักหน้าอย่างแรง ท่านแม่เข้าใจสถานการณ์ได้ดีเกินไปแล้วจริงๆ
เหมิงหลัวอวี้ยังคงตะลึง อวี้ชิงลั่วหยิบผ้าในมือหนานหนานมาเช็ดหน้าให้นาง กล่าวเบาๆ “อยากร้องไห้ก็ร้องออกมา และไม่ต้องกลั้นเอาไว้ เราไม่ล้อเจ้าหรอก แต่รอพรุ่งนี้เจ้าตื่นขึ้นมา ต้องบอกเรื่องของเจ้าให้ข้ารู้ทุกเรื่องนะ ไม่อย่างนั้นหากเราพบฮูหยินใหญ่ เราจะรับมือกับนางยาก เข้าใจไหม”
!!
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
แง สงสารน้องเหมิง น้องก็ตัวเท่านี้ แต่โดนตามล่าแบบไม่พักเลย
ฮูหยินใหญ่ที่น้องว่านี่เป็นใครกันนะ ชักอยากรู้แล้ว
ไหหม่า(海馬)