อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] – ตอนที่ 614 ปลดอาวุธ

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

ตอนที่ 614 ปลดอาวุธ

ตอนที่ 614 ปลดอาวุธ

ทันทีที่กล่าวจบ เหมิงหลัวอวี้ยังไม่ทันได้ตอบสนองอันใด ก็รู้สึกว่ามีเงาหนึ่งผ่านตนเองไป

หนานหนานกระโดดลงมาจากรถม้าแล้ว พุ่งตรงไปหากลุ่มคนเหล่านั้น

นางตกใจ แต่ร่างกายก็ถูกอวี้ชิงลั่วคว้ากอดไว้แล้วถอยหลังไปสองก้าว “เอาล่ะ เจ้าข้อเท้าแพลงสินะ เดี๋ยวข้ารักษาให้”

นางครุ่นคิด คิดว่าไม่ไปรักษาในรถม้าจะดีกว่า อีกเดี๋ยวทั้งสองฝ่ายก็จะสู้กันขึ้นมา ถ้าหากทำม้าตกใจแล้วพวกนางที่อยู่ในรถม้าจะบาดเจ็บไปด้วย

ดังนั้นอวี้ชิงลั่วจึงอุ้มเหมิงหลัวอวี้มานั่งที่หินก้อนใหญ่ด้านข้าง ถอดรองเท้าของนางออก สายตามองไปยังข้อเท้าบวมแดงนั้นพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย

เด็กคนนี้เสพติดการกระโดดลงจากรถม้าหรือ? บาดเจ็บสองวันติดต่อกัน ล้วนเป็นผลจากการกระโดดลงจากรถม้าไม่คิดหน้าคิดหลังทั้งนั้น

เหมิงหลัวอวี้ตระหนกตกใจ ไม่สนใจข้อเท้าของตนเอง เพียงแต่มองไปยังหนานหนานที่ยืนอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้นด้วยความประหลาดใจ เป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อย “ท่านน้าชิง หนานหนานเขา… เขาจะมีปัญหาหรือไม่?”

“เจ้าเป็นห่วงตัวเจ้าเองเถอะ ข้อเท้าแพลงเช่นนี้แล้วยังไม่รู้สึกเจ็บอีกหรือ ตอนนี้ถ้าไม่รักษาให้ดี คิดไว้ว่าต่อไปจะเดินกะเผลกๆ หรือไร” ความอดทนของเด็กคนนี้… แข็งแรงไม่ใช่ธรรมดาจริงๆ ข้อเท้าบวมแดงเป็นเช่นนี้แล้ว นางกลับไม่ร้องออกมาสักแอะเดียว ทั้งยังจ้องมองแต่กลุ่มบุรุษที่มาคุกคามเหล่านั้นอย่างใจเย็นเช่นนั้น

เหมิงหลัวอวี้นั่งไม่ติด “ไอ้หยา น้าชิง ข้อเท้าข้าไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะ ท่านรีบตามหนานหนานกลับมาเถิด ฝีมือวรยุทธ์ของพวกเขาสูงส่งมาก ลุงหยางเองก็ต้องตายเพราะกระบี่ของเจ้าหัวหน้าคนนั้น ทั้งร่าง ทั้งร่างมีแต่เลือด หนานหนานเขา… ฮือ ท่าน ท่านน้าชิง”

“อย่าขยับ ข้าจะนวดให้เจ้าหน่อย”

“ข้า…” ในใจเหมิงหลัวอวี้ลุกลี้ลุกลนเป็นอย่างมาก ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ เหตุใดท่านน้าชิงยังเป็นห่วงข้อเท้าของนางอีก หนานหนานอยู่ในอันตรายนะ

เหมิงหลัวอวี้ไม่สามารถหลบหนีได้ ทำได้เพียงมองดูด้านหน้าอย่างเคร่งเครียด

หนานหนานยืนอยู่ต่อหน้าคนเหล่านั้น เชิดคางขึ้นแล้วเริ่มนับ “หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด เอ๋ มีแปดคนนี่นา ข้าก็นึกว่ามีเพียงเจ็ดคนเสียอีก เมื่อครู่ข้ามองแวบเดียว มองผิดเสียแล้ว เฮ้อ ช่างเถอะ มีเพิ่มมาคนหนึ่งก็ตามนั้น คงไม่มีปัญหาอันใดนัก ข้าจัดการได้”

เพียงแค่อาจจะลำบากขึ้นมาหน่อย ในท้องรู้สึกหิวขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว และไม่รู้ว่าจะทนได้จนถึงตอนที่มันเริ่มร้องหรือไม่ หากต่อสู้ไปท้องร้องไป คงโดนล้อเลียนตายเลยไม่ใช่หรือ?

“เจ้าเด็กน้อย เจ้านี่รนหาที่ตายเสียจริงนะ” หัวหน้าคิดไม่ถึงว่าจู่ๆ เขาจะพุ่งเข้ามาเช่นนี้ อีกทั้งยังคุยโวใหญ่โตว่าจะจัดการพวกเขาอีก ช่างน่าขำเสียจริง

เขายกกระบี่ขึ้นมาแล้วจ่อไปที่คอของหนานหนาน หรี่ตาแล้วกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าเด็กน้อย รู้หรือไม่ว่าการแล่เนื้อนั้นรู้สึกอย่างไร? เสียงมันก็จะฟังดูน่าหวาดเสียวหน่อย เจ้าว่าข้าควรตัดหัวเจ้าไปเลยจะได้ไม่ทรมานดีไหม หรือให้เจ้าได้ฟังเสียงเช่นนี้ดีเล่า?”

เหมิงหลัวอวี้ที่อยู่ไกลๆ เด้งตัวขึ้นมาทันใด ข้อเท้าแทบจะเตะโดนศีรษะของอวี้ชิงลั่วเสียแล้ว

“ท่านน้าชิง กระบี่นั่น กระบี่นั่น…” นางรู้ กระบี่นั้นคมมาก เพียงขยับเล็กน้อยก็บาดจนเลือดไหลเป็นทางแล้ว หากหนานหนานไม่ระวังแล้วหลบไม่ทันก็คงจะไม่มีชีวิตอยู่

อวี้ชิงลั่วถอนหายใจ ก้มลงมองข้อเท้าของนางที่วางอยู่ที่พื้นโดยไม่รู้สึกตัวเลยว่าเจ็บ ทั้งยังพยายามเดินไปข้างหน้าอีกด้วย

นางอารมณ์ไม่ดีแล้ว ผลักเหมิงหลัวอวี้ออกไป หันหน้ากลับไปตะโกนใส่หนานหนาน “หนานหนาน เจ้าเร่งมือเสียหน่อย เรายังต้องรีบเดินทางนะ หากยังชักช้าต่อไป คืนนี้ก็จะได้นอนข้างนอกอีก”

“หา นอนข้างนอกหรือ จริงๆ ข้าคิดว่านอนข้างนอกก็ดีมากเชียวล่ะ ครั้งก่อนข้าเกือบจับงูเขียวไผ่ได้แล้วด้วย” หนานหนานดูท่าทางเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่หัวหน้าผู้นั้นกล่าวเลย สำหรับเขาแล้ว เรื่องของท่านแม่ย่อมสำคัญกว่า เขาจะต้องตอบคำพูดของท่านแม่ก่อน

อวี้ชิงลั่วมองเขาอย่างโมโห “หากเจ้ายังไม่ลงมืออีก ข้าจะจัดการเองแล้วนะ”

“โอ๊ยๆๆ ข้ารู้แล้วท่านแม่ อย่าใจร้อนนักสิ” หนานหนานกระโดด เหตุใดท่านแม่จึงไม่ให้โอกาสเขาได้แสดงฝีมือบ้างนะ

หัวหน้าผู้นั้นโกรธมากแล้วจริงๆ ไม่เห็นเขาสำคัญก็เรื่องหนึ่ง แต่นี่ขนาดเอากระบี่จ่อคอ เขากลับยังไม่เห็นตนในสายตา จริงๆ แล้วเป็นคนไม่รู้ความหรือเป็นคนไม่รู้จักกลัวกันแน่?

แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน มาถึงขั้นนี้แล้วก็ทำได้เพียงเอาชีวิตเขาเท่านั้น

ขณะคิด มือของเขาก็ค่อยๆ ขยับ ตามองไปยังเนื้อหนังนิ่มตรงลำคอของหนานหนานที่กำลังจะถูกเฉือน ทันใดนั้น หัวหน้าผู้นั้นก็รู้สึกเหมือนกับว่าภาพตรงหน้าพร่ามัว เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง หนานหนานก็ไม่ได้อยู่ตรงหน้าเขาอีกต่อไปแล้ว

กระบี่ในมือที่ไร้สมดุลจู่ๆ ก็หล่นลง เขารีบคว้าเอาไว้ จากนั้นก็หันกลับไปมอง

แต่ถึงแม้รอบตัวจะมีคนอีกเจ็ดแปดคน แต่ไม่มีใครที่เห็นหนานหนานได้ชัดเจนเลย

ผ่านไปไม่นานก็มีเสียงอุทานอย่างตกใจดังขึ้นมาเรื่อยๆ คนที่อยู่ตรงนั้นรู้สึกเหมือนถูกเข็มทิ่มแทงที่หลังมือ ปลายนิ้วอ่อนลงโดยไม่รู้ตัว

แต่วินาทีถัดมา กระบี่ที่กำไว้ในมือก็เหมือนกับว่าหายวับไป ส่วนพลังวรยุทธ์ก็หายไปทั้งหมดในพริบตาเดียว

รอจนกระทั่งทุกคนได้สติกลับมา ก็เห็นว่าหนานหนานที่อยู่ห่างพวกเขาไปเพียงห้าก้าวกำลังอุ้มกระบี่เจ็ดเล่มไว้ในมืออย่างหมดแรง ก่อนทิ้งกระบี่ทั้งหมดลงบนพื้นจนเกิดเสียงเคร้งๆ จากนั้นก็หมุนแขน กล่าวอย่างไม่ค่อยพอใจนัก “กระบี่พวกนี้ทำไมจึงหนักเพียงนี้ ข้าต้องออกแรงทั้งหมดจึงจะอุ้มมาไกลถึงเพียงนี้ได้ เหนื่อยชะมัดเลย”

กลุ่มคนตรงหน้ามองหน้ากันด้วยความตกตะลึง มองกระบี่เจ็ดเล่มที่เท้าหนานหนานด้วยใบหน้าตื่นตระหนก จากนั้นก็มองมือว่างเปล่าของตนอย่างงุนงง หายใจเข้าลึกๆ

ทันใดนั้นดวงตาของหัวหน้าก็เบิกกว้าง มองไปยังหนานหนานด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ

พวกเขามีกันแปดคน ตอนนี้กลับมีเพียงเขาที่ในมือยังมีกระบี่อยู่ คนอื่นๆ นั้นถูกปลดอาวุธไม่เหลือเลยสักคน นี่มันน่าตกใจเกินไปแล้ว

ถ้าหาก ถ้าหากว่าเมื่อครู่ในมือของเด็กนั่นมีของที่อันตรายถึงชีวิต แล้วลงมือฆ่าพวกเขาเสีย เกรงว่าเพียงชั่วพริบตา พวกเขาก็คงจะพินาศกันหมดแล้ว

เขาจ้องมองหนานหนาน นิ้วมือก็เริ่มสั่นขึ้นมาเล็กน้อย

เด็กเพียงคนเดียว แค่มองดูก็ไม่น่าเกินห้าขวบ แต่ความเร็วเมื่อครู่นี้ช่างน่าตกใจยิ่งนัก

เดี๋ยวนะ…

ฝีเท้าของเด็กผู้นี้เมื่อครู่…

“นี่เจ้าเป็นเด็กตระกูลลู่หรือ” ตั้งแต่อดีตมา เคล็ดวิชาฝีเท้าแบบพิเศษที่โด่งดังเช่นนี้ มีเพียงเคล็ดวิชาฝีเท้าของตระกูลลู่แห่งอาณาจักรเทียนอวี่ ถ้าเขาเป็นเด็กจากตระกูลลู่จริง เช่นนั้นที่พวกเขาต้องการฆ่าเขา เกรงว่า… คงจะไม่ง่ายแล้ว

หนานหนานขมวดคิ้ว ส่ายหน้า เตะของที่อยู่ตรงเท้า “ข้าแซ่อวี้ ไม่ใช่คนจากตระกูลลู่”

คิ้วของหัวหน้าผู้นั้นขมวดแน่นขึ้น ไม่ใช่คนตระกูลลู่ แต่กลับรู้เคล็ดวิชาฝีเท้าของตระกูลลู่ แปลกเกินไปแล้ว

หนานหนานลังเล จากนั้นก็หยิบกระบี่ที่ปลายเท้ามาเล่มหนึ่ง ชักกระบี่ออกมาแล้วกล่าว “เมื่อครู่เจ้าถามข้าว่าการแล่เนื้อรู้สึกอย่างไรใช่หรือไม่ เจ้าอยากลองไหมล่ะ”

สีหน้าของหัวหน้าแข็งทื่อ ดวงตาแทบจะถลนออกมา ในตอนนั้นเอง พวกเขาก็เหมือนไม่มีทางออกแล้ว

ทำได้เพียง… ต้องฆ่าเขา

อย่างไรเสียเขาก็เป็นเพียงเด็กห้าขวบ ต่อให้มีเคล็ดวิชาฝีเท้าตระกูลลู่ แต่คาดว่าคงไม่ใช่ในระดับที่สูงเท่าไรนัก พวกเขามีกันตั้งหลายคน คงจะไม่ถึงกับประมือเด็กห้าขวบไม่ได้กระมัง

!!

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เจอฤทธิ์เด็กแสบหน่อยเป็นไง เด็กคนเดียวปลดอาวุธโจรทั้งกองได้อะคิดดู

ไหหม่า(海馬)

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

Status: Ongoing
จากภรรยาผู้เป็นที่รังเกียจของสามีและถูกใส่ความว่าเป็นชู้กับบุรุษอื่นจนกระทั่งมีบุตรด้วยกัน​ อีกหกปีให้หลังได้เป็นหมอหญิงฉายา​ ‘หมอปีศาจ’​ ผู้ลือนามพร้อมบุตรชายแสนซนที่สรรหาเรื่องราวต่างๆ​ รวมถึงบุรุษที่คาดว่าจะเป็นบิดาตนมาให้ไม่หยุดหย่อน​ อวี้ชิงลั่ว​ แพทย์หญิงมือฉกาจจากยุคปัจจุบันผู้ทะลุมิติ​มาเข้าร่างของหมอปีศาจผู้นี้จะทำอย่างไรต่อไปดี​ ในเมื่อปริศนาเกี่ยวกับตัวเองก็ต้องสืบ​ ส่วนบิดาของลูกติดเจ้าของร่างก็ต้องหา?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท