อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] – ตอนที่ 658 เรื่องราวเร่งด่วน

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

ตอนที่ 658 เรื่องราวเร่งด่วน

ตอนที่ 658 เรื่องราวเร่งด่วน

เหมิงเคอที่กำลังไม่สบอารมณ์พลันเงยหน้าขึ้นจ้องมองอวี้ชิงลั่ว แต่ฝ่ายหลังกลับมองผู้อาวุโสสกุลเยว่ด้วยสายตาจริงจัง

เดิมทีผู้อาวุโสสกุลเยว่ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ แต่ประโยคที่อูเหมี่ยนเซิงกล่าวถึงก่อนหน้านี้ก็ผุดขึ้นในใจ แม้ว่ามันจะถูกขัดจังหวะด้วยเสียงของเหมิงเคอที่เข้าประตูมา แต่ก็ยังทำให้เกิดระลอกคลื่นในใจของเขา

จู่ ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเขายังมีหลานสาวไร้ประโยชน์อยู่คนหนึ่ง และพยักหน้าทันที “มี มีเด็กอยู่คนหนึ่ง ปีนี้น่าจะ… เคอเอ๋อร์ เด็กคนนั้นอายุเท่าใดแล้ว?”

“ห้าขวบเจ้าค่ะ” เหมิงเคอกัดฟันพูดขณะกำมือแน่น นางรู้สึกหงุดหงิดมาก

อวี้ชิงลั่วรู้สึกหงุดหงิดอยู่ในใจ สถานะของเสี่ยวอวี้ในครอบครัวนั้นต่ำเกินไป ตอนนี้นางเป็นเด็กคนเดียวในคฤหาสน์สกุลเหมิง แต่กลับไม่ได้รับการใส่ใจอย่างจริงจัง หากฮูหยินคนนี้มีลูกอีกในอนาคต แล้วสถานะของนางจะเป็นเช่นไร?

ผู้อาวุโสสกุลเยว่คิดเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่ง เด็กคนนั้นอายุห้าขวบแล้วสินะ

เขาเงยหน้ามองเหมิงเคอ แล้วสั่งว่า “เจ้าไปพาเด็กนั่นมาที่นี่ ข้าจะคุยกับนางสักหน่อย”

เหมิงเคอไม่พอใจมาก บัดนี้ใจของนางเกลียดชังอวี้ชิงลั่วเข้ากระดูก สตรีแซ่ถังคนนี้เป็นตัวซวยของนางชัด ๆ เด็กประเภทไหนกันที่นางต้องการ?

นางประหม่าเล็กน้อยขณะมองผู้อาวุโสสกุลเยว่ แล้วพูดด้วยเสียงเบาว่า “ท่านพ่อสามีเจ้าคะ เด็กนั่น… ค่อนข้างจะสติไม่ดี เกรงว่าจะให้มาอยู่ข้างเตียงไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ”

สติไม่ดีหรือ? ผู้อาวุโสสกุลเยว่รู้สึกประหลาดใจ “จะสติไม่ดีได้อย่างไร? เป็นเช่นนั้นตั้งแต่เมื่อใด เหตุใดเจ้าไม่บอกข้าว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้?”

“เป็น เป็นตั้งแต่ออกมาจากท้องแม่แล้วเจ้าค่ะ ตอนแรกเห็นไม่ชัดนัก แต่เมื่ออายุได้สองสามขวบก็เริ่มมีอาการ ตอนนี้ไล่กัดคนและกัดแขนข้าด้วย ข้าไม่ได้เจตนาจะปิดบังเรื่องนี้ เพียงแต่คุณชายร่างกายอ่อนแออยู่ หากคนรู้ว่ามีเด็กบ้าอยู่ในคฤหาสน์ของผู้อาวุโสสกุลเยว่อีก ก็เกรงว่าจะถูกติฉินนินทาเอาได้ ดังนั้นลูกจึงให้คนเลี้ยงดูนางอย่างระมัดระวังในสวนหลังบ้าน เพราะคิดว่าผู้อาวุโสสกุลเยว่คงไม่ขัดข้องหากจะเลี้ยงเด็กคนนี้ไว้ สุดท้ายนางก็ยังคงเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของคุณชายเจ้าค่ะ”

สิ่งที่นางพูดมีเหตุผล ผู้อาวุโสสกุลเยว่คิดอยู่เสมอว่าเหมิงหรงเป็นคนพิการ แม้ว่าเขาจะมีปานรูปดอกไม้บนร่างกาย แต่ก็ยังเป็นสิ่งที่ทุกคนในหมู่ชาวเหมิงติฉินนินทา หากคนนอกรู้ว่าลูกสาวของเหมิงหรงเกิดมาเป็นคนวิกลจริตอีก พวกเขาอาจคิดว่านี่เป็นการเวรกรรมของผู้อาวุโสสกุลเยว่ ที่ทำสิ่งผิดจารีตและเป็นอัปมงคลบางอย่าง

ไม่แปลกที่เคอเอ๋อร์จะปิดบังเรื่องนี้

เขาถอนหายใจ และทำได้เพียงหันมาพูดกับอวี้ชิงลั่วว่า “แม่นางถัง ดูเอาเถิด มีวิธีอื่นอีกหรือไม่ หากนำคนบ้ามาไว้ในห้องนี้ ข้าเกรงว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้น”

เหมิงเคอถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วหลับตาลงเงียบ ๆ

แต่อวี้ชิงลั่วยกยิ้ม “ไม่เป็นอะไร เด็กเป็นโรคนี้ เหตุใดถึงไม่บอกข้าก่อนหน้านี้ พามาให้ข้าดู บางทีข้าอาจรักษาอาการป่วยของเด็กคนนั้นได้”

สติไม่ดีงั้นหรือ? เฮ้อ ต่อให้นางจะสติไม่ดีจริง ๆ ก็คงเป็นเพราะถูกเหมิงเคอทำให้เป็นเช่นนั้น

ดวงตาของผู้อาวุโสสกุลเยว่เป็นประกาย ใช่แล้ว เหตุใดเขาจึงคิดไม่ถึง? แต่ครู่ต่อมา นัยน์ตาของเขาก็หรี่ลงอีกครั้ง “แต่ว่าป่วยมาตั้งแต่กำเนิด…”

เขาได้ยินมาว่าโรคที่เป็นมาตั้งแต่กำเนิดไม่อาจรักษาให้หายได้ และเขาเพิ่งได้ยินเหมิงเคอบอกว่าอาการรุนแรงมาก หากถึงขั้นกัดแม่นางถังจริง ๆ ก็อาจทำให้นางหงุดหงิด และไม่ต้องการรักษาหรงเอ๋อร์อีกต่อไปก็ได้

หมอเฒ่าฉยงซานขมวดคิ้ว “ในเมื่อบอกให้เจ้าพามาที่นี่ก็ไปพามาสิ พวกเราทั้งคู่อยู่ที่นี่ เจ้าไม่อยากรักษาเด็กในครอบครัวของเจ้าหรือ?”

ผู้อาวุโสสกุลเยว่เม้มปาก ทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้นพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าจะพาเด็กคนนั้นมาที่นี่” มีคนมากมายอยู่ที่นี่ ไม่น่าเป็นไปได้ที่เด็กอายุห้าขวบจะอาละวาดได้

เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็หันไปพูดกับเหมิงเคอว่า “เจ้าไปพาเด็กคนนั้นมา”

เหมิงเคอรู้สึกเวียนหัว ในช่วงเวลาวิกฤตินี้ นางลูกสุนัขตัวเมียเหมิงหลัวอวี้นั่นหายไปนานแล้ว แล้วนางจะไปหาตัวได้จากที่ใด?

เมื่อเห็นนางยังคงยืนนิ่ง ผู้อาวุโสสกุลเยว่ก็เรียกนางอีกสองสามครั้ง

เหมิงเคอทำได้เพียงกัดฟันกล่าวคำลา และออกมาจากศาลาเย่เซ่อ

ทันทีที่นางก้าวออกจากประตู นางก็เดินซวนเซโดยไม่รู้ตัว

ปี้เอ๋อร์ที่อยู่ข้าง ๆ ตกใจ รีบประคองนางแล้วกระซิบว่า “ฮูหยิน โปรดใจเย็นเจ้าค่ะ”

“ข้าจะหาเด็กได้จากที่ไหน ผู้หญิงแซ่ถังนั่นสมควรตาย” เหมิงเคอลดเสียงลง นางกัดฟันขณะจิกผ้าเช็ดหน้าในมือ แรงอันทรงพลังฉีกผ้าจนเป็นรู

ปี้เอ๋อร์รีบพยุงนางเดินต่อไป “ฮูหยิน สิ่งที่เร่งด่วนที่สุดคือรีบหาเด็กเพื่อพาไปให้นายท่านดู ไม่เช่นนั้นต้องลำบากแน่เจ้าค่ะ”

“เด็ก ข้าจะไปหาเด็กมาจากไหน?” เหมิงเคอลูบหว่างคิ้วของตน และรู้สึกปวดศีรษะอย่างรุนแรง

ต่อให้เหมิงหลัวอวี้จะอยู่ที่บ้านในขณะนี้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่นางจะพามาที่นี่จริง ๆ ไม่เช่นนั้นปานบนร่างกายของนางจะถูกสตรีแซ่ถังค้นพบ เมื่อถึงเวลานั้นนางจะอยู่ที่ไหนในบ้านหลังนี้? ยิ่งกว่านั้นคือไม่รู้ว่าตอนนี้เหมิงหลัวอวี้ไปอยู่ที่ใด

หวังว่ามือสังหารเหล่านั้นจะจัดการนางได้แล้ว ไม่เช่นนั้นจะเกิดหายนะไม่ช้าก็เร็ว

“ข้าเสียใจจริง ๆ ที่ไม่ได้บีบคอนางให้ตายตั้งแต่ตอนที่นางเพิ่งเกิด”

ปี้เอ๋อร์รีบมองไปรอบ ๆ และไม่พบใคร นางจึงก้าวเดินต่อไป

จนกระทั่งมาถึงมุมหนึ่งที่ไร้ซึ่งผู้คน นางก็กระซิบว่า “ฮูหยินเจ้าคะ อาเหลียงที่เป็นยามเฝ้าประตูมีลูกสาวอายุราวสี่หรือห้าขวบ พวกเรา… พาเด็กคนนั้นไปแทนดีหรือไม่เจ้าคะ? อย่างไรเสียนายท่านและคนอื่น ๆ ก็ไม่เคยเจอเหมิงหลัวอวี้มาก่อน”

“อาเหลียงหรือ?” เหมิงเคอย่อมไม่อาจจำคนรับใช้ได้ทุกคน แต่การมีเด็กก็ยังดีกว่าไม่มีเลย “แล้วอาเหลียงนั่นเชื่อถือได้หรือไม่?”

ปี้เอ๋อร์พยักหน้า “คนผู้นี้เป็นคนซื่อสัตย์ ตราบใดที่ฮูหยินให้เงินและตักเตือนไว้สองสามคำ ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ อย่างไรเสีย ฮูหยินก็เป็นผู้ตัดสินใจกิจการในบ้านทุกอย่างอยู่แล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ? ตราบใดที่ไม่มีคนพูดมากเกินไป ใช้แผนนี้ไปก่อนชั่วคราวก็คงไม่เป็นอะไร”

“สั่งให้เด็กคนนั้นทำตัวเป็นคนบ้าและโจมตีแม่นางถัง ด้วยการฉีกเสื้อผ้าและกระโปรงของนาง ข้าน้อยเดาว่าแม่นางถังก็คงทนไม่ได้เหมือนกัน สตรีให้ความสำคัญกับชื่อเสียงมากที่สุด หากสถานการณ์นั้นเกิดขึ้นต่อหน้าบุรุษมากมาย ก็เป็นการให้บทเรียนนางด้วยการทำให้นางอับอายเจ้าค่ะ”

“หลังจากพาเด็กกลับมาแล้ว ก็รอให้นายท่านและคนอื่น ๆ หายกังวลก่อน จากนั้นก็หาข้ออ้างว่าเด็กตายแล้ว โดยให้อาเหลียงส่งเด็กคนนั้นไปชนบทสักสองสามปี แล้วค่อยให้พากลับมาหลังจากแปลงโฉมแล้ว มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เจ้าค่ะ “

ปี้เอ๋อร์ดูหุนหันพลันแล่นและหยิ่งยโส แต่นางก็คิดแผนการขึ้นมาได้

เหมิงเคอฟังแล้วก็ขมวดคิ้ว นางยังรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ค่อยน่าเชื่อถือและมีช่องโหว่มากมาย แต่ตอนนี้ไม่มีวิธีอื่นแล้ว ต้องแก้ไขสถานการณ์จำเป็นเร่งด่วนนี้ก่อน

นางจึงยืดตัวตรง แล้วพยักหน้า “ไปหาอาเหลียงกันเถิด ข้าเกรงว่าคงต้องใช้เวลาพอสมควรในการทำเช่นนี้ เจ้าส่งคนไปเฝ้าหน้าศาลาเย่เซ่อด้วย หากท่านพ่อสามีออกมาก็ให้พูดบางอย่างเพื่อถ่วงเวลาไว้ก่อน”

……

ครึ่งชั่วยามต่อมา เหมิงเคอก็พาเด็กที่แต่งตัวเรียบร้อย แต่มีรอยยิ้มโง่เขลาบนใบหน้าออกไปที่ศาลาเย่เซ่ออีกครั้ง

เมื่ออวี้ชิงลั่วเห็นเด็ก นางก็ยิ้มกริ่มทันที

!!

…………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ฮูหยินแน่ใจเหรอว่าแผนนี้มันเนียน จริงๆ คือมันโป๊ะตั้งแต่เริ่มเลยล่ะ เพราะชิงลั่วรู้ตัวเด็กคนนั้นแล้ว

ไหหม่า(海馬)

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]

Status: Ongoing
จากภรรยาผู้เป็นที่รังเกียจของสามีและถูกใส่ความว่าเป็นชู้กับบุรุษอื่นจนกระทั่งมีบุตรด้วยกัน​ อีกหกปีให้หลังได้เป็นหมอหญิงฉายา​ ‘หมอปีศาจ’​ ผู้ลือนามพร้อมบุตรชายแสนซนที่สรรหาเรื่องราวต่างๆ​ รวมถึงบุรุษที่คาดว่าจะเป็นบิดาตนมาให้ไม่หยุดหย่อน​ อวี้ชิงลั่ว​ แพทย์หญิงมือฉกาจจากยุคปัจจุบันผู้ทะลุมิติ​มาเข้าร่างของหมอปีศาจผู้นี้จะทำอย่างไรต่อไปดี​ ในเมื่อปริศนาเกี่ยวกับตัวเองก็ต้องสืบ​ ส่วนบิดาของลูกติดเจ้าของร่างก็ต้องหา?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท