ตอนที่ 659 บ้าคลั่ง
ตอนที่ 659 บ้าคลั่ง
เด็กน้อยแต่งตัวสะอาดเอี่ยมกลอกตาไปมา เห็นได้ชัดว่าริมฝีปากของนางแห้งและแตกเป็นขุยเล็กน้อย
ผู้อาวุโสสกุลเยว่มองเด็กคนนี้และไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก เอ่ยถามนางว่า “เหตุใดเจ้าจึงไปนานถึงเพียงนี้?”
ผ่านไปครึ่งชั่วยามแล้ว หากแม่นางถังไม่ห้ามเขาไว้ เขาคงส่งคนไปตามนางหลายรอบแล้ว
เหมิงเคอกุมมือเด็กแน่นด้วยสีหน้าเศร้าใจ แล้วพูดเบา ๆ ว่า “ไม่มีใครควบคุมอาการคลั่งของเด็กคนนี้ได้ เมื่อเห็นว่านางกัดคน ข้าจึงใช้ความพยายามอย่างมากในการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นาง ครั้นนางสะอาดเรียบร้อยดีแล้ว ข้าก็ถูกกัดที่หลังมือเจ้าค่ะ”
ขณะที่พูด นางก็จงใจยกข้อมือขึ้น เผยให้เห็นรอยแดงจากการถูกกัดบนหลังมือ
เมื่อผู้อาวุโสสกุลเยว่เห็นเช่นนั้น สายตาของเขาก็อ่อนโยนลง พูดด้วยเสียงเบาว่า “เหตุใดเจ้าจึงต้องทำเอง? สั่งให้ใครสักคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นางสิ”
“เจ้าค่ะ ข้าจะจำไว้” เหมิงเคอหลุบตาลงคำตอบ จากนั้นก้มศีรษะลงกระซิบกับเด็กที่กัดมือนาง “ไป ไปหาท่านปู่”
นางพูดพลางผลักเด็กเบา ๆ แต่เหลือบมองอวี้ชิงลั่วด้วยหางตา
เด็กน้อยเอียงศีรษะพร้อมกับน้ำลายไหลยืดเดินไปหาผู้อาวุโสสกุลเยว่ พลางส่งเสียงหัวเราะฮิๆๆ
ผู้อาวุโสสกุลเยว่เห็นเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว และนึกยืนยันอีกครั้งว่าการตัดสินใจของเหมิงเคอนั้นถูกต้องแล้ว เด็กบ้าใบ้เช่นนี้สมควรถูกซ่อนไว้จริง ๆ หากนางออกไปปรากฏตัวข้างนอกด้วยสภาพเช่นนี้ ก็เกรงว่าคฤหาสน์ของผู้อาวุโสสกุลเยว่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นแน่
เฮ้อ ไม่รู้ว่าไปทำบาปกรรมอะไรไว้นักหนา ลูกชายพิการ หลานสาวก็เป็นบ้า เป็นไปได้หรือไม่ว่าตระกูลของพวกเขากำลังจะล่มสลายแล้วจริง ๆ?
แต่อย่างไรเสีย เด็กคนนี้ก็เป็นหลานสาวของเขา แม้นางจะไม่ได้ความหน้าตาดีไปจากหรงเอ๋อร์เลย และค่อนข้างจะขี้เหร่ แต่ผู้อาวุโสสกุลเยว่ก็ยังคงกวักมือเรียกนาง แล้วพูดว่า “มาให้ปู่ดูชัด ๆ หน่อย”
เขาคิดว่าวันนี้หมอเฒ่าฉยงซานและแม่นางถังอยู่ที่นี่ บางทีพวกเขาอาจช่วยรักษาให้หายขาดได้จริง ๆ เมื่อถึงเวลานั้นเขาก็จะสั่งสอนเด็กคนนี้อย่างดี เพื่อให้เป็นกุลสตรีประจำตระกูลในอนาคต
ผู้อาวุโสสกุลเยว่จมอยู่กับความคิดของตน จนไม่ได้สังเกตท่าทางกระวนกระวายของเหมิงเคอ วินาทีต่อมา เด็กที่กำลังเดินไปข้างหน้าก็หันไปอีกทาง แล้วพุ่งตรงไปที่อวี้ชิงลั่วขณะส่งเสียงคำราม
ผู้อาวุโสสกุลเยว่ตกตะลึง เมื่อเขากลับมารู้สึกตัว เด็กคนนั้นก็กระโจนเข้าไปทุบตีอวี้ชิงลั่วอย่างบ้าคลั่งแล้ว
โชคดีที่อูเหมี่ยนเซิงตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขารีบไปยืนขวางหน้าอวี้ชิงลั่วไว้ กำปั้นของเด็กน้อยจึงทุบลงบนร่างของอูเหมี่ยนเซิงแทน
เขาพูดด้วยความโกรธว่า “ทำอย่างนี้เพื่ออะไร? หยุดทำร้ายนาง หยุดนะ”
เหมิงเคอยังคงแสร้งตะโกนด้วยความกังวล “ระวังหน่อยเจ้าค่ะ อย่าทำร้ายเด็ก อย่าทำร้ายเด็ก”
สาวใช้ที่เตรียมไว้ด้านนอกรีบวิ่งเข้ามาทีละคน และพยายามช่วยกันจับเด็กไว้
แต่พวกนางกลัวว่าจะทำให้เด็กเจ็บ จึงยั้งมือและเท้าไว้ขณะเข้าไปห้าม สุดท้ายอูเหมี่ยนเซิงก็ถูกพวกนางผลักออกไป ก่อนจะผลักเด็กไปด้านหน้าอวี้ชิงลั่ว
เหมิงเคอดวงตาเป็นประกาย แต่นางยังคงแสร้งตะโกนอย่างกระวนกระวาย “เอ๊ะ ระวังด้วย อย่าปล่อยให้เด็กคนนี้ทำร้ายแม่นางถัง นางจะกัด…”
“โอ๊ย…” ทันทีที่นางพูดจบ ข้อมือของสาวใช้ก็ถูกเด็กคนนั้นกัดอย่างแรง ทำให้นางต้องถอยหนีไปด้วยความเจ็บปวด
อวี้ชิงลั่วตกอยู่ในความอลหม่านโดยที่ผู้อาวุโสสกุลเยว่และอูเหมี่ยนเซิงก็ไม่รู้จะทำเช่นไร หากพวกเขาก้าวเข้าไปช่วย พวกเขาไม่กลัวว่าเด็กจะถูกทำร้าย แต่กลัวอวี้ชิงลั่วถูกทำร้ายมากกว่า
ทว่าหมอเฒ่าฉยงซานอีกด้านหนึ่งกลับเอนตัวนั่งดูอย่างสบายอารมณ์ ว่านเผิงหลงที่อยู่ด้านข้างต้องการเข้าไปช่วย แต่มีสตรีหลายคนอยู่ที่นั่น ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเข้าไปแตะต้องตัวได้ แม้ว่าเขาจะเป็นหมอก็ตาม
เขากำลังกระวนกระวาย แต่เถาเหวินฮั่นตะโกนอย่างเย็นชาว่า “สตรีผู้นั้นเก่งมากไม่ใช่หรือ? เหตุใดท่านจึงนั่งอยู่ตรงนี้โดยไม่ทำอะไรเลย? ท่านอาจารย์ ท่านไม่กังวลหรือขอรับ?”
เมื่อสักครู่นี้เขาอุตส่าห์คร่ำครวญแทบตายก็ยังไม่เห็นค่า ทว่าเหตุใดตอนนี้จึงทำราวกับว่าไม่ใช่เรื่องของตนแล้ว?
หมอเฒ่าฉยงซานจ้องมองเขา “เจ้าจะรู้อะไร ลั่วลั่วบอกข้าว่าอย่าเข้าไปยุ่ง”
“…” เถาเหวินฮั่นเม้มริมฝีปากอย่างเชื่อฟัง
สีหน้าของผู้อาวุโสสกุลเยว่เก่ามืดมนแล้ว เขาคำรามด้วยความโกรธ “ออกไปให้ห่างข้า”
สาวใช้ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แม้ว่าพวกนางจะได้รับคำสั่งจากเหมิงเคอล่วงหน้าแล้ว แต่สุดท้ายผู้อาวุโสสกุลเยว่เก่าก็ยังคงเป็นผู้มีอำนาจที่สุดในคฤหาสน์หลังนี้ และไม่มีใครกล้าฝ่าฝืนคำพูดของเขา
ดังนั้นหลังจากที่คนสองสามคนมองหน้ากันแล้ว พวกนางก็ถอยกลับออกไปเงียบ ๆ
แต่หลังจากพวกนางถอยออกไปแล้ว เมื่อเขาเห็นสถานการณ์ตรงหน้า ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างโดยไม่รู้ตัว
เด็กคนนั้นกำลังสะอื้นไห้อยู่ แต่คราวนี้นางไม่ได้เสแสร้ง
ผู้อาวุโสสกุลเยว่และคนอื่น ๆ มองใบหน้าของอวี้ชิงลั่วและเด็กท่ามกลางฝูงชนที่แยกย้ายกันออกไป แต่เมื่อเทียบกับสีหน้าลำบากใจของเด็กแล้ว อวี้ชิงลั่วดูผ่อนคลายกว่ามาก
แม้ว่าเสื้อผ้าของนางจะยับเล็กน้อย แต่ก็ไม่มากเกินไป และภาพลักษณ์ของนางก็ยังคงค่อนข้างดีเหมือนเดิม
แต่ในขณะนี้ อวี้ชิงลั่วจับมือเด็กไว้แน่นด้วยมือข้างหนึ่ง ในขณะที่อีกมือหนึ่งจับอยู่ที่คอของเด็กด้วยแรงปานกลาง ไม่หนักเกินไป แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เด็กกลัวจนไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง
เหมิงเคอตอบสนองอย่างรวดเร็ว แล้วกรีดร้องออกมา “แม่นางถัง หยุดเดี๋ยวนี้ นางเป็นแค่เด็ก นางไม่ได้ตั้งใจทำให้เจ้าขุ่นเคือง หากเจ้าไม่พอใจ ข้าจะพานางออกไปเอง เจ้าอย่าทำร้ายเลือดเนื้อของผู้อาวุโส”
นางรีบตะโกนออกไปด้วยความกระวนกระวายใจมาก และยังก้าวเข้าไปหมายจะแย่งเด็กกลับมาจริง ๆ
ทว่าอวี้ชิงลั่วกลับขยิบตาให้หมอเฒ่าฉยงซาน แล้วหมอเฒ่าฉยงซานก็ก้าวเข้ามาขวางเหมิงเคอไว้
เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ผู้อาวุโสสกุลเยว่ก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน ต่อให้เขาจะไม่เห็นคุณค่าเด็กคนนั้น และไม่มีความรู้สึกใด ๆ ต่อนางมากเพียงใดก็ตาม แต่เคอเอ๋อร์ก็พูดถูก นางเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของหรงเอ๋อร์ และเป็นหลานสาวของเขาเอง
“แม่…แม่นางถัง ปล่อยเด็กไปเถิด ข้าคิดว่าอาการบ้าของเด็กคนนี้ไม่สามารถรักษาได้ ข้าจะส่งนางกลับไปที่สวนเอง”
อวี้ชิงลั่วหัวเราะ ก่อนชำเลืองมองเด็ก แล้วพูดเบา ๆ ว่า “ท่านผู้อาวุโสโปรดอย่ากังวล ข้าเองก็มีลูกแล้ว ข้าจึงเป็นคนรักเด็กมาก โดยเฉพาะเด็กเล็ก ข้าย่อมไม่ทำร้ายนางแน่นอน”
ผู้อาวุโสสกุลเยว่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เหมิงเคอที่อยู่ข้าง ๆ ก็หรี่ตาลงเช่นกัน ไม่ทำร้ายเด็กอย่างนั้นหรือ? ต่อให้เด็กจะส่งเสียงดังเพียงใดนางก็จะไม่ใช้กำลังอย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นก็ประเสริฐ
เหมิงเคอขยิบตาให้เด็กอีกครั้ง แต่เด็กกลับเม้มปากและไม่ขยับตัว
นางขยับไม่ได้เลย ท่าจับกุมที่แข็งแกร่งของอวี้ชิงลั่วนั้นชาญฉลาดมาก แม้มันจะไม่ทำร้ายนาง แต่ก็สามารถควบคุมนางได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ผู้อาวุโสสกุลเยว่ ในเมื่อเด็กสงบลงแล้วก็ให้ข้าตรวจนางเถิด ข้าไม่อาจทนเห็นเด็กเล็กเช่นนี้ต้องเจ็บปวดต่อไปได้ สาว ๆ ทั้งหลายควรจะถอยออกไปเงียบ ๆ ใช่หรือไม่?”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว”
อวี้ชิงลั่วยกยิ้ม ก่อนพลิกมือของเด็กให้หงายขึ้น แล้วจับชีพจรของนาง
…………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
คิดว่าจะให้เด็กทำร้ายชิงลั่วแล้วมันจะจบเหรอ ชิงลั่วเป็นถึงหมอปีศาจเชียวนะ
ไหหม่า(海馬)