ตอนที่ 664 อาวุธลับลอยมา
ตอนที่ 664 อาวุธลับลอยมา
เสิ่นอิงขยี้ตาอย่างไม่อยากเชื่อ จากนั้นก็จ้องมองอีกครั้ง หมอเฒ่าฉยงซานก็ยังนั่งอยู่ตรงโต๊ะมุมและดื่มชาอยู่
ท่าทางเช่นนั้นของเขา ดูราวกับเป็นเทพเซียนอย่างไรอย่างนั้นจริงๆ
ว่านเผิงหลงรินชาให้เขา จากนั้นก็นำผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดโต๊ะ ปรนนิบัติเขาเป็นอย่างดี
เถาเหวินฮั่นที่อยู่ข้างๆ ก็หัวเราะไปด้วย ราวกับจะประจบประแจงเขา แต่วันนี้หมอเฒ่าฉยงซานรู้สึกว่าเขาขัดหูขัดตาจริงๆ สีหน้าไร้อารมณ์ ไม่สนใจเขาแม้สักนิด
เถาเหวินฮั่นรู้สึกไม่เป็นธรรมเล็กน้อย นิสัยท่านอาจารย์ตอนอยู่กับแม่นางถังผิดจากนี้ไปโดยสิ้นเชิง เหตุใดเมื่อเหลือเพียงพวกเขาสองศิษย์พี่ศิษย์น้อง กลับทำสีหน้าไร้อารมณ์และเข้าใจได้ยากเช่นนี้
จากนั้นก็รู้สึกได้ถึงสายตาอันดุดันของเสิ่นอิง ว่านเผิงหลงขมวดคิ้วและหันไปมอง
แต่สิ่งแรกที่เขาเห็นกลับเป็นอวี้ชิงลั่วและหนานหนานที่อยู่ขั้นบนสุดของบันได เขารีบหันกลับมาหาหมอเฒ่าฉยงซานที่รออยู่อย่างกระวนกระวายแล้วกล่าว “อาจารย์ พวกเขาลงมาแล้วขอรับ”
หมอเฒ่าฉยงซานผงะ ทันใดนั้นก็ยิ้มออกมา ลุกขึ้นเดินเข้าไปหาหนานหนาน “เจ้าเด็กน้อย คิดถึงข้าหรือไม่”
เสิ่นอิงรู้สึกเหมือนถูกลมพัดกรรโชกใส่หน้า เขายังไม่ทันจะได้สติกลับมา หมอเฒ่าฉยงซานก็กอดหนานหนานด้วยความคิดถึงแล้ว
เขาอ้าปากเล็กน้อย สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะรู้จักกัน
หนานหนานถูกหมอเฒ่าฉยงซานพาไปที่โต๊ะของพวกเขาตรงด้านข้าง ไม่หันมามองเสิ่นอิงอีกด้านหนึ่งแม้แต่น้อย
หมอเฒ่าฉยงซานไม่รู้จักเขา แต่เสิ่นอิงนั้นรู้จักเขาแล้ว ตอนแรกที่เย่ซิวตู๋ไปพบหมอเฒ่าฉยงซาน เป็นโม่เสียนและเหวินเทียนที่ติดตามเข้าไป ถึงแม้เขาจะรอคุ้มกันอยู่ด้านนอก แต่ก็ได้เห็นหน้าของหมอเทพผู้นี้
เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าเขาเองก็จะปรากฏตัวที่ดินแดนเหมิงเช่นกัน ช่างบังเอิญจริงๆ
อวี้ชิงลั่วเดินไปข้างๆ เขา เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง กล่าวด้วยเสียงเบา “เงียบเอาไว้ล่ะ เสี่ยวอวี้ยังอยู่ข้างบน เจ้าพานางไปกินข้าวเสีย อย่าให้นางต้องหิว”
เสิ่นอิงอ้าปาก ต้องการถามคำถามสองสามคำ แต่อวี้ชิงลั่วไม่รอให้เขาออกปาก ก็เดินไปทางด้านโต๊ะของหมอเฒ่าฉยงซานเสียแล้ว
หนานหนานดิ้นอยู่ในอ้อมแขนของหมอเฒ่าฉยงซาน หัวเราะคิกคักแล้วดึงเคราสีขาวของเขา น้ำเสียงใสแจ๋ว “ท่านปู่ฮั่ว ไม่คิดเลยว่าจะได้พบท่านที่นี่ ไอ้หยา ข้าคิดถึงท่านสิขอรับ แต่ตอนแรกนั้นเรามีเรื่องด่วน เลยไม่ได้บอกลาท่านก็ต้องจากมาแล้ว จะโทษข้าไม่ได้นะ”
“ไอ้หยา ข้าจะโทษเจ้าได้อย่างไร เจ้าเด็กนี่ช่างปากหวานยิ่งนัก”
เถาเหวินฮั่นที่อยู่ข้างๆ เศร้าอยู่เล็กน้อย ปากเขาเองก็หวานมากเช่นกันนะ ท่านอาจารย์นี่ลำเอียงจริงๆ เลย
อวี้ชิงลั่วส่ายหัว หมอเฒ่าฉยงซานเองก็ช่างไร้หลักการเสียจริง ช่างเหยียดหยามเขาเสียจริง
ว่านเผิงหลงให้เจ้าของโรงเตี๊ยมเปลี่ยนเป็นห้องส่วนตัวให้พวกเขา ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร การพูดคุยในห้องโถงใหญ่นี้ก็ไม่สะดวก เมื่อครู่ตอนที่รอแม่นางถังและลูกชาย จึงได้นั่งคุยกันอยู่ในห้องโถงใหญ่
เจ้าของโรงเตี๊ยมรีบนำพวกเขาไปยังห้องส่วนตัวทางด้านในทันที ว่านเผิงหลงจัดการเรื่องอย่างถูกต้อง ถามหนานหนานและอวี้ชิงลั่วว่าต้องการกินอะไร จากนั้นก็ออกไปสั่งอาหารด้วยตนเอง
ผ่านไปไม่นาน ทางร้านก็นำขนมมาให้ ล้วนเป็นของโปรดของหนานหนาน
ถึงแม้ว่าครั้งนี้จะไม่ได้กินขนมที่เสิ่นอิงซื้อมาจากข้างนอกให้เป็นพิเศษ แต่ก็มีคนเลี้ยงนี่นา ก็ยังพอมองข้ามได้อยู่
หมอเฒ่าฉยงซานมองท่าทางเหมือนแมวขโมยของเขาแวบหนึ่ง นั่งกินอาหารใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข ทั้งยังพยักหน้าให้กับว่านเผิงหลงอย่างพึงพอใจ
ว่านเผิงหลงลอบถอนหายใจ นี่ท่านอาจารย์ก็อายุมากแล้ว จะชอบเด็กก็เป็นเรื่องธรรมดา
รอจนกระทั่งอาหารทั้งหมดถูกนำมาวาง หมอเฒ่าฉยงซานก็เริ่มกลับมาที่หัวข้อ ถามอวี้ชิงลั่ว “อาการป่วยของเหมิงหรง เจ้าคิดว่าอย่างไร หากต้องการความช่วยเหลืออันใดก็บอกได้นะ”
อวี้ชิงลั่วชำเลืองมองเขาแล้วเลิกคิ้ว “ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลืออันใด เพียงแต่ว่าหากข้าต้องการทำสิ่งใด ท่านไม่ต้องขัดก็เป็นพอ”
ได้ยินเช่นนี้ ที่ลั่วลั่วช่วยรักษาอาการป่วยให้เหมิงหลง ก็คงมีจุดประสงค์อื่นจริงๆ สินะ
หมอเฒ่าฉยงซานยิ้ม “เรื่องนั้นไม่มีปัญหา แต่ทว่า หากอาการของเขามีความคืบหน้า เจ้าต้องบอกข้านะ และต้องบอกข้าถึงวิธีที่เจ้าใช้ด้วย”
เขาไม่สนใจเหมิงหรงหรอก แต่อวี้ชิงลั่วใช้วิธีใดรักษาผู้ป่วย เขาสนใจเป็นอย่างยิ่ง
เขาพูดไป ก็หยุดชะงักครู่หนึ่งแล้วกล่าว “เช่นนั้นแล้ว ข้าเองก็มาอยู่ที่นี่ด้วยดีกว่า หากเรามีเรื่องอันใดจะได้คุยกันง่ายหน่อย อีกอย่างเจ้าดูสิ ปกติเจ้ามักจะไปหาผู้อาวุโสสกุลเยว่เพื่อดูอาการบุตรชายเขา หนานหนานอยู่ที่ห้องคนเดียวนั้นไม่ปลอดภัย ให้เผิงหลงและเหวินฮั่นคอยอยู่ปกป้องเขาที่นี่ เป็นอย่างไร”
“แค่ก…” อวี้ชิงลั่วเกือบจะก้างปลาติดคอ นางรีบดื่มน้ำ จากนั้นก็โบกมือรับ “ไม่ต้องเจ้าค่ะ”
“ทำไมล่ะ” หมอเฒ่าฉยงซานรู้สึกเหมือนตนถูกปฏิเสธ
หนานหนานส่ายหัวอย่างแรง “ข้าไม่ต้องการให้ใครมาดูแลข้าหรอก ไม่อิสระเอาเสียเลย” โดยเฉพาะหากเป็นชายชุดขาวผู้นั้น ช่างขวางหูขวางตาเขาเสียจริง อีกอย่างข้างกายเขาก็มีท่านลุงเสิ่นคอยปกป้อง เขาเองก็ปกป้องตนเองได้ ไม่ต้องให้คนแปลกหน้ามาอยู่ใกล้หรอก
อวี้ชิงลั่วเหงื่อไหลเย็น “หมอเฒ่า ข้าชอบความสงบ ก็ตัวตนของท่านนั้น หากมาอยู่ที่โรงเตี๊ยมนี้ แน่นอนว่าไม่ถึงหนึ่งวัน ข่าวก็จะแพร่ไปทั่ว ถึงตอนนั้นคงมีแต่คนไปมาทั้งวัน ส่งเสียงดังวุ่นวาย ไม่ต้องกล่าวถึงการปกป้องหนานหนานเลย จะกระทบต่อการศึกษาวิชาการแพทย์ของข้าด้วย”
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ หากพวกเขามาอยู่ที่นี่ ตัวตนของเหมิงหลัวอวี้คงจะถูกเปิดเผยในไม่ช้าแน่ ถึงตอนนั้นจะเป็นปัญหามาก
หมอเฒ่าฉยงซานคิด ดูเหมือนจะจริง เมื่อครู่ได้ยินเผิงหลงบอกว่าช่วงไม่กี่วันที่เขาไปหายา ก็มีคนไม่น้อยที่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ไปเยี่ยมเขาถึงที่
ถอนหายใจครั้งหนึ่ง เขาทำได้เพียงยอมแพ้
หนานหนานลอบถอนหายใจโล่งอก สบตากับมารดาของตนแวบหนึ่ง
ทางเสิ่นอิงอีกด้านหนึ่งนั้น กลับนั่งอยู่ในห้องพลางครุ่นคิด ว่าแม่นางอวี้รู้จักกับหมอเฒ่าฉยงซานได้อย่างไร
สอบถามเหมิงหลัวอวี้สองคำ เหมิงหลัวอวี้เองก็สีหน้างุนงง เพียงแต่บอกเสิ่นอิงเรื่องปฏิกิริยาเมื่อครู่ของหนานหนาน จากนั้นก็ไปกินข้าวเอง
หลังกินเสร็จก็ไปอ่านหนังสือและคัดลายมือต่อ
ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามให้หลัง หนานหนานก็ขยี้ตาเดินเข้าประตูมาอย่างงัวเงีย
“แม่ของเจ้าเล่า?” เสิ่นอิงถามอย่างประหลาดใจ
หนานหนานนอนลงบนเตียง กล่าวอย่างงุนงง “ท่านแม่ถูกท่านปู่ฮั่วคอยกวนใจอยู่นาน กว่าจะไล่เขาไปได้ช่างยากเย็น ท่านปู่ฮั่วอยากให้ท่านแม่ไปส่งเขาที่โรงเตี๊ยม บอกว่าอยากให้ท่านแม่ชินทาง จะได้ไปหาเขาได้โดยตรง ท่านแม่เคารพคนแก่ก็เลยไป”
จริงๆ แล้วท่านแม่รู้ว่าหมอเฒ่าฉยงซานมียาดีๆ มากมาย จึงยอมตกลงไปส่งเขาอย่างมีความสุข จะได้ไปเอาที่โรงเตี๊ยมของเขาแล้วกลับมา
ท่านแม่ร้ายกาจเกินไปแล้ว หนานหนานคิดอย่างงุนงง ไม่นานนักก็หลับไป
เสิ่นอิงกระตุกมุมปาก เดิมทีเขายังคิดจะถามเรื่องเกี่ยวกับหมอเฒ่าฉยงซานอยู่ ดูท่าตอนนี้จะไม่ต้องถามแล้ว
เขาส่ายหน้า กำลังจะเปิดประตูออกไป ก็มีเงาหนึ่งพุ่งเข้ามาทางหน้าต่าง อาวุธลับอันหนึ่งพุ่งเข้ามาใส่เขา
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ใครส่งคนมาลอบทำร้ายกันน่ะ นังเหมิงเคอส่งคนมาใช่ไหม?
ไหหม่า(海馬)