ตอนที่ 672 แม่ลูกหัวใจวายพร้อมกัน
ตอนที่ 672 แม่ลูกหัวใจวายพร้อมกัน
เหมิงหลัวอวี้ตกใจเป็นอย่างมาก รีบหันหน้ามาถามอย่างเคร่งเครียด “มีอะไร เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
หนานหนานตบหน้าอกของตนเอง จากนั้นไม่นานก็หันหน้ากลับมา ปากเล็กๆ อ้าพะงาบแล้วกล่าว “เหมือนข้าจะเห็นภาพหลอนแล้วล่ะ”
“หา?” เหมิงหลัวอวี้ลงจากเก้าอี้ วิ่งไปหาเขา ถามเบาๆ “หรือว่า… เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ ข้างนอกนั่นมีใครกัน?”
เหมิงหลัวอวี้กังวลมาก หลังจากมาถึงดินแดนเหมิง ไม่มีสักวันเลยที่นางจะไม่กังวล ด้วยเกรงว่าคนจากจวนผู้อาวุโสสกุลเยว่จะมาตามหา
ตอนนี้เห็นท่าทางประหม่าของหนานหนาน ในใจก็บีบรัด ดึงเขามาพยายามจะถอยไปด้านหลัง
แต่หลังจากถอยไปเพียงหนึ่งก้าวเล็กๆ ก็ได้ยินเสียงไพเราะดังมาจากด้านนอก “หนานหนาน ข้าไม่ใช่แม่นมเซียวนะ เจ้ากลัวข้าจะทำอะไรเล่า?”
หงเย่เกือบจะถูกประตูชนเข้ากับจมูก ตะลึงไปครู่หนึ่ง สักพักก็ส่ายศีรษะอดยิ้มออกมาไม่ได้
หนานหนานได้ยินเช่นนั้นก็หันกลับไป เป่านิ้วตนเอง จากนั้นก็เจาะกระดาษที่ประตูด้วยน้ำลาย ใช้ตาสอดส่องภายนอกอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆ หายใจออก
แต่ก็ยังรู้สึกไม่วางใจนัก ผลักเหมิงหลัวอวี้แล้วกล่าว “น้องอวี้ เจ้าไปเปิดประตู จากนั้นก็ดูว่านอกจากสตรีคนหนึ่งแล้ว มีท่านยายแก่ๆ อีกคนหรือไม่”
เขากล่าวจบก็เดินไปทางหน้าต่างสองสามก้าว ทำท่าทางเหมือนเตรียมจะหนีได้ตลอดเวลา
เหมิงหลัวอวี้กะพริบตา ไม่เข้าใจอย่างที่สุด เห็นท่าทางของหนานหนาน ทางด้านนอกก็น่าจะไม่ใช่คนจากจวนผู้อาวุโสสกุลเยว่มาหานาง อีกอย่างได้ฟังเสียงสตรีคนเมื่อครู่แล้ว ก็ดูเหมือนว่านางจะคุ้นเคยกับหนานหนาน
หนานหนานเห็นนางไม่เคลื่อนไหว ก็รีบโบกมืออย่างกังวล
เหมิงหลัวอวี้จึงเดินไปที่ประตู แล้วเปิดประตูออกอย่างลังเล
ด้านนอกเป็นสตรีวัย 16-17 ปี หน้าตาสะสวย รอยยิ้มสดใส และท่าทางเป็นมิตร
เหมิงหลัวอวี้ลดความระแวงลงเล็กน้อย ถามเบาๆ “ไม่ทราบว่าท่านมาหาใครเจ้าคะ”
“น้องอวี้ ด้านนอกมีกี่คน” หนานหนานยืนตรงหน้าต่างถามเสียงดัง
เหมิงหลัวอวี้หันกลับมาตอบคำหนึ่ง “มีคนเดียว”
หนานหนานจึงถอนหายใจ กลับเข้ามาทางด้านในห้องอีกครั้ง แล้วก็โผล่ศีรษะออกไปดูด้านนอก
หงเย่ถอยร่างออกไปครึ่งหนึ่ง กล่าวยิ้มๆ “ข้าไม่ได้โกหกเจ้านะ แม่นมเซียวไม่ได้มาจริงๆ เจ้าน่ะกังวลเกินไปแล้ว”
หนานหนานรู้สึกไม่เป็นธรรม “ท่านก็มากับแม่นมเซียวตลอด ครั้งนี้ข้าไม่ได้บอกลา แม่นมเซียวจะต้องเสียสติไปเป็นแน่ ไม่แน่ว่าอยากให้ข้าขังตัวเองเพื่อพิจารณาความผิดหนึ่งเดือนไม่ออกไปไหน โชคดีจริงๆ ที่แม่นมเซียวไม่ได้มาดินแดนเหมิง โชคดี”
คิดไปคิดมาก็ใช่ แม่นมเซียวถึงแม้จะมีชีวิตชีวา แต่อายุก็มากแล้ว จะต้องทนการเดินทางรีบร้อนเช่นนั้นไม่ไหวแน่ ท่านพ่อและท่านลุงเหมียนฮวาถังก็คงไม่ยอมให้นางที่ดูแลตัวเองไม่ได้มาที่ดินแดนเหมิงแน่นอน
เมื่อครู่เขากังวลเกินไปแล้วจริงๆ เพียงตรรกะง่ายๆ นี้ก็ยังคิดไม่ออก
หนานหนานคิดออกแล้วก็วางใจเป็นอย่างมาก
หงเย่กลับยิ้ม มองเหมิงหลัวอวี้ถอยแล้วเชิญนางเข้าไป นางก็หรี่ตาแล้วยิ้ม ลูบหัวเหมิงหลัวอวี้แล้วเดินเข้าไป
จากนั้นเมื่อประตูปิดลงและใบหน้าของหนานหนานเต็มไปด้วยความพึงพอใจ นางก็กล่าวออกมากะทันหัน “แม่นมเซียวมาที่ดินแดนเหมิงด้วย เพียงแต่ไม่ได้มาที่โรงเตี๊ยมนี้กับข้าเท่านั้นเอง”
เสียง ‘โครม’ ดังขึ้น ฝีเท้าหนานหนานไม่มั่นคง เตะเข้าไปโดนแท่นล้างหน้าที่ด้านข้าง คนทั้งคนล้มลงไปนอนกับพื้น
เหมิงหลัวอวี้ตกใจจนอุทานออกมา หงเย่กลับสงบกว่ามาก ส่ายหน้ายิ้มแล้วยกแท่นขึ้นมา จากนั้นก็ดึงหนานหนานที่ยังมึนงงอยู่ที่พื้นขึ้น ช่วยเช็ดฝุ่นบนตัวเขาจนสะอาด
ริมฝีปากหนานหนานสั่นเล็กน้อย “แม่นมเซียว แม่นมเซียวอยู่ในดินแดนเหมิงหรือ?”
ท่านพ่อกับท่านลุงเหมียนฮวาถังยอมให้นางเหนื่อยเพียงนี้ได้อย่างไร มาที่ดินแดนเหมิง เช่นนั้นก็แปลว่าเขา… ตายแน่ไม่ใช่หรือ
เหมิงหลัวอวี้มองด้วยสีหน้างุนงง นางไม่เคยเห็นหนานหนานทำท่าทางท้อแท้เช่นนี้มาก่อน กังวลเล็กน้อยแล้วถามเขา “หนานหนาน แม่นมเซียว… น่ากลัวมากเลยหรือ”
“เสี่ยวอวี้วางใจเถิด แม่นมเซียวไม่น่ากลัว นางใจดีมาก รู้อะไรมากมาย อีกอย่างยังเป็นคนช่วยชีวิตหนานหนานไว้ด้วย” หงเย่ตอบด้วยรอยยิ้ม
เหมิงหลัวอวี้ประหลาดใจ ผู้ช่วยชีวิตหรือ แล้วเหตุใดหนานหนานจึงต้องรู้สึกกลัวผู้ช่วยชีวิตคนนี้ด้วย
เสิ่นอิงที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดและฟังความเคลื่อนไหวด้านใน อยากจะแสดงความเคารพต่อแม่นมเซียวเสียจริงๆ
ตอนที่หนานหนานเจอนายท่านยังไม่เห็นแสดงท่าทางประหม่าและหวาดกลัวเพียงนี้ แต่เพียงได้ยินชื่อแม่นมเซียว ได้รู้ว่านางมาดินแดนเหมิง คนทั้งคนก็ไร้เรี่ยวแรงไป ท่าทางเช่นนี้ควรให้นายท่านมาเห็น นายท่านจะต้องอิจฉาแม่นมเซียวแน่นอน
หนานหนานเดินไปที่เตียงอย่างขมขื่น ทั้งตัวนอนบนเตียงไม่กล่าวอะไร
ทำอย่างไรดีๆๆ แม่นมเซียวมาที่ดินแดนเหมิง พวกเขาจะต้องได้เจอกันโดยเร็วอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นเขาจะต้องถูกแม่นมเซียวจัดการแน่ ถึงตอนนั้น แม้แต่ท่านแม่ก็ช่วยเขาไว้ไม่ได้
หนานหนานหดหู่ใจมาก แต่หงเย่กลับนั่งลงตรงเก้าอี้ข้างๆ เหมิงหลัวอวี้ ถามคำถามนางบางอย่าง
จากนั้นก็พบว่าคนผู้นี้เป็นจริงตามที่เผิงอิงกล่าว ระแวดระวังเป็นอย่างมาก ถึงแม้นางจะรู้ว่าตนและหนานหนานสนิทสนมกัน นางก็เพียงคุยแต่เรื่องผิวเผิน ไม่ได้กล่าวอันใดมาก
หงเย่ไม่ได้ถามอะไรมาก อ่านหนังสือไปกับนางอยู่ข้างๆ ระหว่างนั้นก็แนะนำนางบ้าง
ตอนแรกเหมิงหลัวอวี้ก็เป็นห่วงหนานหนาน แต่สุดท้ายแล้วก็ยอมเข้าร่วมการสนทนากับหังเย่ ทั้งยังถามเกี่ยวกับความรู้ในหนังสืออย่างอยากรู้อยากเห็น
ท่านน้าชิงยุ่งมาก ทำได้เพียงคุยกันกับนางตอนกลับมาดึกๆ เพียงเล็กน้อย ท่านลุงเสิ่นไม่สนใจอะไรกับสิ่งที่เด็กผู้หญิงอ่าน ส่วนหนานหนาน… เขาบอกว่าอ่านหนังสือแล้วจะปวดหัว
นางอยากรู้มากว่าท่านน้าหงผู้นี้เป็นคนอย่างไร เมื่อครู่นางบอกว่าตนเองเป็นสาวใช้ แต่ตัวหนังสือที่สาวใช้ในจวนผู้อาวุโสสกุลเยว่รู้นั้นมีไม่มาก แม่ฉินบอกว่า แม้แต่สาวใช้ข้างตัวฮูหยินใหญ่ก็ยังรู้หนังสือเพียงผิวเผินเท่านั้น
แต่ท่านน้าหงผู้นี้มีประสบการณ์มากมาย มีความรู้รอบด้าน ทั้งยังเขียนหนังสือ เขียนบทกลอนได้ ตัวหนังสือเองก็สวยงามมาก
คนข้างกายท่านน้าชิง แม้แต่คนรับใช้ก็ยังเก่งถึงเพียงนี้หรือ
ในใจเหมิงหลัวอวี้มีความสุขมาก มีหงเย่คอยอยู่ข้างนาง เพียงแค่ชั่วยามเดียว ความคืบหน้าในการอ่านหนังสือของนางก็เร็วกว่าปกติถึงสองเท่า
ส่วนหนานหนานที่นอนอยู่บนเตียงก็ฟังบทสนทนาของทั้งสองคน เหมือนกับว่ากำลังฟังเพลงกล่อมเด็ก ฟังไปเรื่อยๆ… ก็ผล็อยหลับไป
และแล้ว… อวี้ชิงลั่วก็เปิดประตูห้องเดินเข้ามา
เมื่อเห็นหงเย่ นางก็อดไม่ได้ที่จะอึ้งงันไป “เจ้าก็มาดินแดนเหมิงหรือ”
หงเย่รีบลุกขึ้น รับของในมืออวี้ชิงลั่วมา ยิ้มแล้วกล่าว “คุณหนู ข้าเพิ่งถึงดินแดนเหมิง พักผ่อนอยู่หนึ่งวัน ท่านอาเขยก็ให้ข้ามาที่นี่เจ้าค่ะ
อาเขยหรือ อวี้ชิงลั่วกระตุกมุมปาก อาเขยอะไรกัน แม้แต่แต่งงานก็ยังไม่แต่ง อาเขยกับผีสิ
นางมองหงเย่แวบหนึ่ง กล่าวอย่างฮึดฮัด “เจ้ามาแล้ว เช่นนั้น เจ้าก็รู้ว่าเย่ซิวตู๋อยู่ที่ไหน เขาอยู่โรงเตี๊ยมไหนกัน”
“หงเย่รู้เจ้าค่ะว่าท่านอาเขยอยู่ที่ไหน เพียงแต่ว่า…”
“หืม”
หงเย่ยิ้มแล้วกล่าว “เพียงแต่ว่าแม่นมเซียวก็มาด้วยเจ้าค่ะ”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ซวยแล้วชิงลั่วหนานหนาน แม่นมเซียวหาตัวเจอก็เตรียมเผ่นได้เลย
ไหหม่า(海馬)