ตอนที่ 691 ไม่ชอบมาพากล
ตอนที่ 691 ไม่ชอบมาพากล
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงกอดอก แล้วพยักหน้า “ใช่แล้ว นี่คือค่ายกล”
“เจ้า เจ้ามันร้ายกาจ…”
“ฮึ่ม เจ้าไม่ได้บอกเองหรือว่าเจ้าต้องการแนะนำลั่วลั่วให้กับซิวเอ๋อร์? ข้าอยากเห็นว่าหากนางหลงในค่ายกลนี้ นางจะทำอย่างไรกับซิวเอ๋อร์” ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงเชิดคางขึ้น แล้วพูดอย่างเย็นชา “ข้าเห็นแล้วว่าเจ้าโอ้อวดฝีมือต่อหน้าข้า”
“เจ้า…” หมอเฒ่าฉยงซานกัดฟัน ก่อนก้มหน้าเดินเข้าไปในป่าไผ่
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงพูดอย่างเย็นชา “ต่อให้เจ้าจะเข้าไปก็หานางไม่พบ และเจ้าจะพลอยหลงไปด้วยอีกคน ถึงตอนนั้นในป่าก็คงจะมีศพสองศพเลยไม่ใช่หรือ?”
หมอเฒ่าฉยงซานกำมือแน่น เขาหรี่ตาลง สีหน้าดูเศร้าหมอง “เหมิงฮ่วน เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าทำอะไรคฤหาสน์ของเจ้าจริง หรือ?”
หมอเฒ่าฉยงซานคนนี้เอ็นดูอวี้ชิงลั่วมาก เมื่อสักครู่นี้เขารู้แล้วว่าผู้อาวุโสเผ่าเหมิงกำลังจะฆ่านาง เขาจึงตะโกนชื่อเต็มของเขาออกมา
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงเลิกคิ้วขึ้น “เหตุใดเจ้าจึงกระวนกระวายนัก? แทนที่จะมาตำหนิข้าเช่นนี้ เหตุใดไม่ดูว่าลั่วลั่วที่เจ้าพูดถึงมีความสามารถพอจะออกจากค่ายกลนี้ได้หรือไม่ เจ้าไม่ได้บอกเองหรือว่านางเก่งกาจยิ่งนัก? เหตุใดคนเก่งกาจเช่นนางจะไม่สามารถแม้แต่จะออกจากค่ายกลได้?”
จู่ ๆ หมอเฒ่าฉยงซานก็นั่งลงบนพื้น แล้วหลับตาลง ก่อนพูดท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่ร้อนแรงเหนือหัว “ก็ได้ ข้าจะนั่งรอนางอยู่ตรงนี้ หากลั่วลั่วยังไม่ออกมาภายในหนึ่งชั่วยาม ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่” .
ผู้อาวุโสเผ่าเหมิงตะโกนสั่งให้คนมาย้ายเก้าอี้เข้าไปนั่งในร่ม แล้วละเมียดดื่มชา
นี่คือค่ายกล อวี้ชิงลั่วรู้ตั้งแต่เห็นป่าไผ่ขยับครั้งแรก
นางแหงนหน้ามองแสงแดดที่สาดแสงระยิบระยับเหนือศีรษะ แล้วหัวเราะ จากนั้นคุกเข่าลงปล่อยเสี่ยวไป๋เหอ “ไปหาดูว่าหนานหนานอยู่ในป่านี้หรือไม่”
เสี่ยวไป๋เหอกระดิกหางและหายไปจากสายตาของนางอย่างรวดเร็ว อวี้ชิงลั่วพบก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง นางจึงปัดฝุ่นออกเบา ๆ และนั่งบนหินนั้น แล้วหลับตาอย่างเกียจคร้าน เพลิดเพลินกับความเย็นสบายที่หาได้ยากในสภาพอากาศเช่นนี้
ครู่หนึ่งเสี่ยวไป๋เหอก็กลับมา แล้วกระดิกหางให้นางสองครั้ง
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว ลุกขึ้นและเดินตามเสี่ยวไป๋เหอไปข้างหน้า ไม่นานนัก หินก้อนใหญ่ก็ปรากฏตรงหน้านาง บนหินนั้นเต็มไปด้วยเศษขนมและมีรอยเท้ายุ่งเหยิงเต็มไปหมด
อวี้ชิงลั่วลูบคางครุ่นคิด เสี่ยวไป๋เหอไม่ได้พานางไปพบหนานหนานในป่าไผ่แห่งนี้ ซึ่งหมายความว่าหนานหนานไม่ได้อยู่ในป่าไผ่แห่งนี้
หนานหนานออกไปแล้วหรือ? อวี้ชิงลั่วก้มหน้าลงคิดอยู่ครู่หนึ่ง เย่ซิวตู๋เก่งเรื่องการสร้างค่ายกลเสมอ ครั้งล่าสุดที่เย่ซิวตู๋พูดคุยเรื่องค่ายกลกับนาง หนานหนานตัวน้อยก็ฟังด้วย แต่ไม่รู้ว่าเขาเข้าใจหรือไม่
หากฟังแล้วเข้าใจ ค่ายกลเช่นนี้ก็ไม่ใช่อุปสรรคของเขา
อวี้ชิงลั่วยื่นมือออกไป แล้วเก็บเสี่ยวไป๋เหอกลับเข้าไปในขวด จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองป่าไผ่กว้างใหญ่ แล้วยกยิ้มมุมปาก
เผ่านี้มีความแค้นส่วนตัวกับนางหรือ? หรือหนานหนานทำให้เขาขุ่นเคือง? หลอกเขามาที่ป่าไผ่แห่งนี้ ก็เพราะต้องการชีวิตนางหรือ?
อวี้ชิงลั่วอยากจะจุดไฟเผาป่าไผ่จริง ๆ แต่น่าเสียดายที่ป่าแห่งนี้ติดไฟยาก และนางก็ไม่มีความพยายามมากพอที่จะทำลายป่าไผ่
ช่างเถิด ควรไว้หน้าหมอเฒ่าฉยงซาน แม้ว่าเขาจะดูไม่ลงรอยกับผู้อาวุโสเผ่าเหมิง แต่ทั้งสองก็เป็นสหายกันจริง ๆ วันนี้นางจึงควรปล่อยป่าไผ่ที่งดงามแห่งนี้ไป
เมื่อรู้ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับหนานหนาน อวี้ชิงลั่วก็รู้สึกโล่งใจ
นางแหงนหน้ามองขึ้นไปที่ป่าไผ่อันเขียวชอุ่มอีกครั้ง พลางครุ่นคิดถึงจังหวะการก้าวเท้าที่เย่ซิวตู๋บอกนางไว้เงียบ ๆ
เดินหน้าสองถอยหลังสาม ไปทางซ้ายสอง เดินหน้าห้า ถอยหลังหนึ่ง เดินหน้า เดินหน้า เดินหน้า…
อวี้ชิงลั่วค่อย ๆ เดินไปตามขั้นตอน แล้วทางเดินของนางก็ราบรื่นขึ้นเรื่อย ๆ
อืม ปรากฏว่าสิ่งที่นางเรียนรู้มาจากเย่ซิวตู๋นั้นมีประโยชน์มาก นางคาดไม่ถึงเลยว่ามันจะมามีประโยชน์ในเผ่าเหมิงนี้
อวี้ชิงลั่วเดินไปประมาณหนึ่งในสี่ชั่วยาม ทันใดนั้นป่าไผ่ตรงหน้านางก็ดูเหมือนจะมีชีวิต มันเคลื่อนตัวแยกออกจากกันเป็นสองด้าน เพียงชั่วครู่ทางเดินที่ทอดยาวไปด้านนอกก็ปรากฏขึ้นต่อหน้านาง
อวี้ชิงลั่วมองซ้ายขวา แน่นอนว่านางไม่พบผู้อาวุโสเผ่าเหมิงและหมอเฒ่าฉยงซาน อืม ดูเหมือนว่าเย่ซิวตู๋พูดถูก หากเดินตามขั้นตอนดังกล่าว ตำแหน่งของนางจะอยู่ตรงกันข้ามกับพวกเขาอย่างสิ้นเชิง
มีสะพานหินอยู่ข้างหน้าอวี้ชิงลั่ว และยังมีเรือนเล็ก ๆ ที่สง่างามและเงียบสงบ มันเงียบสงัดเหลือเกิน ไม่ต้องพูดถึงสาวใช้ แม้แต่เสียงแมลงและนกก็ยังไม่มี
สถานที่แห่งนี้… มีความไม่ชอบมาพากล
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว ในครอบครัวใหญ่มักมีเรื่องลึกลับอยู่เสมอ นางรู้สึกราวกับว่านางกำลังสัมผัสบางสิ่งที่ไม่ควรแตะต้อง ฉะนั้นนางควรรีบไปดีกว่า
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ทันใดนั้นชายคนหนึ่งก็รีบเดินเข้ามา
อวี้ชิงลั่วมองแล้วเลิกคิ้วขึ้น นั่นเหมิงจื้อเฉิงที่พานางและหมอเฒ่าฉยงซานไปที่ประตูเมื่อครู่นี้ไม่ใช่หรือ? เขาแอบมาทำอะไรอยู่ในเรือนเล็ก ๆ ที่ดูเหมือนร้างแห่งนี้?
เหมิงจื้อเฉิงรู้สึกเหมือนถูกจ้องมอง จึงหันกลับมาอย่างรวดเร็ว
อวี้ชิงลั่วรีบย่อตัวลงและกลั้นหายใจ
“ใครอยู่ตรงนั้น?” เหมิงจื้อเฉิงดูระมัดระวังมาก แม้ว่าจะรู้สึกเพียงเล็กน้อย แต่เขาก็ยังต้องการตรวจสอบ
อวี้ชิงลั่วลอบกัดฟัน ให้ตายเถอะ เขากำลังเดินมาทางนี้
นางรีบเกี่ยวช่องว่างในสะพานหินด้วยเท้าข้างหนึ่ง แล้วเอนตัวเบา ๆ ไปยังรอยแตกของสะพานหิน มือทั้งสองข้างเกาะช่องว่างของสะพานไว้แน่น และไม่กล้าหายใจ .
เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ตามด้วยเสียงดุดันของเหมิงจื้อเฉิง “ใครอยู่ตรงนั้น? ออกมา ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าหยาบคาย”
ใบหน้าของอวี้ชิงลั่วแดงก่ำ ทั่วร่างกายของนางเกร็งไปหมด นางกำลังใช้กำลังทั้งหมดที่มีพยุงตัวเองไว้
แต่เสียงฝีเท้าที่อยู่เหนือศีรษะของนางยังไม่หายไป นางจึงได้แต่กัดฟันทนต่อไป
เหมิงจื้อเฉิงตะโกนอีกสองครั้ง และในที่สุดเขาก็รู้สึกโล่งใจ แล้วเดินกลับไปที่เรือนหลังเล็ก
อวี้ชิงลั่วแยกเขี้ยว หลังจากซ่อนอยู่ในรอยแตกใต้สะพานอยู่พักหนึ่ง นางก็เหวี่ยงตัวกลับขึ้นไปบนสะพาน
“ชายผู้นี้วุ่นวายจริง ๆ เขาเป็นลูกชายของผู้อาวุโสเผ่าเหมิงไม่ใช่หรือ? เหตุใดนิสัยไม่เหมือนกันเลย?” อวี้ชิงลั่วส่ายหน้า แล้วกุมหน้าอกหายใจหอบ
สักพัก ในที่สุดนางก็สงบลง
นางไม่สนใจว่าเหมิงจื้อเฉิงมาทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ ที่นี่ และเรื่องในคฤหาสน์เผ่าเหมิงก็ไม่ใช่ธุระของนาง ดังนั้นนางควรออกไปจากที่นี่เงียบ ๆ ไม่เช่นนั้นนางจะสร้างปัญหากับร่างกายส่วนบนของตนอย่างแน่นอน
อวี้ชิงลั่วส่ายหน้า ก่อนหันหลังเดินไปตามขอบป่าไผ่ และวางแผนเปลี่ยนทางออก
ใครจะรู้ว่าหลังจากก้าวไปได้ก้าวหนึ่ง รูม่านตาของนางก็หดตัวอย่างรุนแรง เท้าของนางหยุดทันที นางหรี่ตามองไปยังร่างที่คุ้นเคย… รีบเข้าไปในเรือนเล็กนั้นด้วยเช่นกัน
!!
……………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มีตัวช่วยแบบนี้ค่ายกลไหนก็ผ่าน
ไปเจออะไรเข้าล่ะนั่น
ไหหม่า(海馬)