ตอนที่ 751 สองร่าง
ตอนที่ 751 สองร่าง
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้ว เพราะมันเป็นเสียงของเหมิงเคอ
“ท่านพ่อ เหตุใดท่านพ่อไม่ให้ข้าฆ่านางเล่าเจ้าคะ” น้ำเสียงของเหมิงเคอเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น นางยังคงถือมีดสั้นแหลมคมส่องประกายวาววับอยู่ในมือ “ตอนนี้เป็นโอกาสที่หาได้ยาก หากไม่รีบจัดการกับนางตอนนี้ เราทุกคนจะต้องตกที่นั่งลำบาก”
“เคอเอ๋อร์” ผู้อาวุโสสกุลลี่ขมวดคิ้ว “สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างซับซ้อน สตรีแซ่ถังคนนั้นรับมือได้ค่อนข้างลำบาก”
อวี้ชิงลั่วเห็นด้วยกับคำพูดนี้ และนางก็รู้สึกด้วยว่าพวกเขาจะลำบากมากกว่านี้อีก โทษฐานทำให้นางขุ่นเคือง
เหมิงเคอหงุดหงิดเล็กน้อย และพูดอย่างกระวนกระวายว่า “จะมีปัญหาอะไรอีก เราวางยาบุตรชายของสตรีคนนั้นไปแล้ว หากนางยังกล้าพูดจาเหลวไหล นางคงไม่หวังว่าคืนนี้ลูกชายของนางจะรอด”
เมื่อเหมิงลู่ได้ยินดังนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก วางยาหนานหนานหรือ? ให้ตายเถอะ พวกเขากลายเป็นพวกคนชั่วร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ได้ต้นกล้าชั้นดีของเผ่าเหมิงมาสองต้นทั้งที แต่ทั้งคู่กลับตกอยู่ในเงื้อมมือของพ่อลูกคู่นี้
เสียงของผู้อาวุโสสกุลลี่ดังขึ้นอีกครั้ง “สตรีแซ่ถังคนนั้น สตรีแซ่ถังคนนั้นเป็นหมอปีศาจ พ่อกังวลว่าพิษเล็กน้อยที่เราใช้ไปอาจไม่เป็นปัญหาในสายตาของนางเลย”
“ท่านพ่อ วันนี้ท่านเป็นอะไรไป? เราต้องมองไปข้างหน้า จะหันหลังกลับไม่ได้” เหมิงเคอพลันขุ่นเคือง “ข้าไม่สนใจว่าสตรีผู้นั้นเป็นใคร อย่างไรเสียหากเราฆ่าเหมิงหลัวอวี้แล้ว นางก็จะทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อไม่มีหลักฐาน ไม่มีใครเห็นว่าข้าพาตัวเด็กไป คนส่วนใหญ่ก็จะตัดสินว่าเด็กหายไปเอง”
ผู้อาวุโสสกุลลี่คิดว่านี่ก็สมเหตุสมผลเช่นกัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ด้วยสถานะของเขาแล้ว ย่อมไม่มีใครสามารถเอาผิดเขาและลูกสาวได้โดยไม่มีหลักฐาน
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขากลับรู้สึกไม่สบายใจ ราวกับว่าสิ่งต่าง ๆ จะไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด
เหมิงเคอแทบรอไม่ไหวแล้ว ช่วงนี้นางหงุดหงิดมาก ตั้งแต่อวี้ชิงลั่วเริ่มตั้งเป้ามาที่นาง ตั้งแต่อวี้ชิงลั่วปลุกเหมิงหรงให้ฟื้นขึ้นมาได้ ตั้งแต่นางรู้ว่าเหมิงหลัวอวี้อยู่ในมือของอวี้ชิงลั่ว ตั้งแต่…ที่นางเห็นอวี้ชิงลั่วปรากฏตัวที่สถานที่จัดงาน พร้อมกับเหมิงหลัวอวี้ในลักษณะที่เปิดเผยและอยู่เหนือกว่าในวันนี้
แผนการแต่ละขั้นตอนรุกคืบใกล้เข้ามา โดยไม่เปิดโอกาสให้เหมิงเคอได้พักหายใจเลย นางจึงเริ่มตกที่นั่งลำบากขึ้นเรื่อย ๆ
จากนั้นผู้อาวุโสสกุลลี่ก็บอกว่าสตรีผู้นั้นเป็นหมอปีศาจ และพ่อของลูกนางคือเย่ซิวตู๋ ซึ่งเป็นหลานคนโปรดของผู้อาวุโสสกุลหมิง พูดอีกอย่างได้ว่าหากพลาดโอกาสนี้ไป การฆ่าเหมิงหลัวอวี้จะไม่มีทางเป็นไปได้ในอนาคต
เด็กคนนี้จะต้องไม่รอด ตอนเด็กนางรู้วิธีแสร้งทำเป็นบ้า และเหมิงเคอก็เกลียดชังนางเข้ากระดูก หากพ่อสามีของนางพบว่านางมีปานรูปดอกไม้ ก็จะต้องปกป้องและฝึกฝนนางเป็นอย่างดีแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้น นางก็จะหันกลับมาแก้แค้นตน
ตอนนี้นางไม่มีทางออกแล้ว
ผู้อาวุโสสกุลลี่ถอนหายใจ พยักหน้าแล้วพูดว่า “เอาล่ะ นั่นเป็นทางเดียวที่จะต้องทำ พ่อจะจัดการเอง ส่งมีดมาเถิด เป็นการดีที่สุดที่จะไม่ได้กลิ่นเลือดที่นี่”
เหมิงเคอถอนหายใจ แล้วพยักหน้า “เจ้าค่ะ”
นางเก็บมีดสั้นและถอยหลังไปหนึ่งก้าว
สีหน้าของผู้อาวุโสสกุลลี่เริ่มมืดมน ขณะเดินเข้าไปหาเหมิงหลัวอวี้ช้า ๆ
เหมิงหลัวอวี้จ้องเขม็ง มือและเท้าของนางถูกมัด พยายามกระถดกายหนีขณะนั่งอยู่บนพื้น
เมื่อเห็นผู้อาวุโสสกุลลี่เดินเข้ามาช้า ๆ รูม่านตาของนางก็หดตัวลงอย่างควบคุมไม่ได้ ฝ่ามือและแผ่นหลังของนางเต็มไปด้วยเหงื่อ ริมฝีปากเม้มแน่น และหายใจถี่รัว
แต่ท่านน้าชิงบอกว่านางต้องใจเย็น ๆ อย่าสติแตก เนื่องจากนางเลือกวิธีนี้ด้วยตัวเอง นางจึงต้องเตรียมจิตใจให้พร้อม
อย่าไปกลัว อย่าไปกลัว อย่าไปกลัว
เหมิงหลัวอวี้คอยให้กำลังใจตัวเองอยู่ในใจ จากนั้นครู่หนึ่งนางก็หายใจเข้าลึก ๆ แล้วถามด้วยเนื้อตัวสั่นเทาว่า “เพราะเหตุใด? เหตุใดจึงต้องการฆ่าข้า? ข้าเป็นแค่เด็กและไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อท่าน แล้วเหตุใดท่านถึงต้องการฆ่าข้า? ข้าไม่ได้เป็นที่โปรดปรานในบ้าน และข้าไม่มีแม่ที่คอยปกป้อง ท่านเป็นฮูหยินน้อย สุดท้ายท่านก็เป็นคนสุดท้ายที่มีสิทธิ์ตัดสินทุกอย่างในบ้าน เหตุใดท่านจึงอยากมีปัญหากับลูกคนใช้ที่ถูกลืมเช่นข้า?”
เหมิงเคอชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าเหมิงหลัวอวี้กำลังหวาดกลัวเพียงใด นางก็รู้สึกพึงพอใจอย่างอธิบายไม่ได้
“เหตุใดเจ้ายังกล้ามาถามเหตุผลอีก? เจ้าไม่ใช่ลูกคนใช้ที่ถูกลืม พ่อของเจ้าแอบดูแลเจ้าอยู่ตลอด ตอนที่แม่ของเจ้ามีชีวิตอยู่ นางแย่งพ่อของเจ้าไปจากข้า หลังจากตายไปแล้วก็ยังทิ้งเจ้าไว้เป็นภัยให้ข้า เพื่อดึงดูดความสนใจของเหมิงหรง เจ้าคิดว่าเจ้าสมควรตายแล้วหรือยัง?”
“เจ้าบอกว่าถ้าเจ้าอยู่ในคฤหาสน์ แสร้งเป็นบ้าแล้วเจ้าจะรักษาชีวิตนี้ไว้ได้งั้นหรือ? เจ้าจะทรมานมากกว่านี้ต่างหาก คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะรนหาที่ตายเอง และยืนกรานที่จะออกจากคฤหาสน์เพื่อไปตามหาท่านประมุขในอาณาจักรเฟิงชาง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าคงโทษข้าที่โหดร้ายไม่ได้จริง ๆ”
เมื่อเหมิงหลัวอวี้เห็นผู้อาวุโสสกุลลี่เข้ามาใกล้ นางก็ถีบเท้าของตนเพื่อถอยไปหนึ่งก้าว พลางรู้สึกประหลาดใจ พ่อของนางแอบให้ความสนใจกับนางงั้นหรือ?
เป็นไปได้อย่างไร? ถ้าท่านพ่อเป็นห่วงนางมากถึงเพียงนี้ เขาจะไม่สนใจชีวิตของนางได้อย่างไร ถึงนางจะแกล้งบ้า นางก็ไม่เห็นว่าพ่อจะหาหมอมารักษานาง
เหมิงหลัวอวี้ส่ายหน้า ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้ นางเม้มปากแล้วถอยหลังไปอีกก้าว “ท่าน ท่าน หากท่านฆ่าข้า ท่านก็จะจบไม่สวยแน่ ข้ามีปานดอกไม้บนร่างกาย หากท่านประมุขรู้เรื่องนี้ ท่านย่อมหนีไปไหนไม่พ้น”
“ฮ่า แม้ว่าเจ้ามีปานดอกไม้บนร่างกาย แต่ก็น้อยคนมากที่รู้เรื่องนี้ แม้แต่พ่อของเจ้าก็ไม่รู้เรื่องนี้ แล้วเจ้ายังจะคาดหวังให้ท่านประมุขรู้อีกหรือ?” เหมิงเคอเย้ยหยัน คิดว่าเด็กน้อยยังไร้เดียงสาเกินไป สุดท้ายนางก็เป็นเพียงเด็กอายุห้าขวบ ความคิดเช่นนี้…
“แน่นอนว่าสตรีแซ่ถังอาจจะรู้ แต่นางก็เป็นเพียงคนนอก และนางไม่สามารถพบศพของเจ้าที่จะเป็นหลักฐาน ดังนั้นนางจึงไม่มีอะไรให้พิสูจน์ และท่านประมุขย่อมต้องไว้วางใจพ่อของข้ามาก ไม่ต้องกังวล เมื่อเจ้าตายไป ข้าจะเอาศพของเจ้าไปเผาให้มอดไหม้ ความลับนี้จะได้ไม่ถูกเปิดเผย”
เหมิงเคอกล่าวพลางหัวเราะเบา ๆ
อวี้ชิงลั่วที่อยู่ใต้หน้าต่างเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและลอบยกนิ้วให้เหมิงหลัวอวี้ ดีมาก นางได้ยินทุกอย่างที่นางต้องการจะได้ยินแล้ว เมื่อมองไปยังท่าทางของผู้อาวุโสของทุกสกุล ก็เห็นว่าทุกคนต่างโกรธเกรี้ยวเกินจะบรรยายได้ ต่างพากันมองไปที่เหมิงลู่ ราวกับว่าพวกเขากำลังรอคำสั่งของเขา
เหมิงลู่หรี่ตาลง ดูเหมือนกำลังโกรธจัด แต่ไม่ได้ขยับกายสักนิด
เสียงกัดฟันพูดของเหมิงหลัวอวี้ดังขึ้นอีกครั้งจากภายใน “ท่านช่างใจร้ายเสียจริง”
“หากข้าไม่ใจร้าย ข้าจะทำการใหญ่ได้หรือไม่?” เหมิงเคอหรี่ตาลง แล้วหันไปพูดกับผู้อาวุโสสกุลลี่ที่อยู่ด้านข้างว่า “ท่านพ่อ ลงมือเลยเจ้าค่ะ”
ผู้อาวุโสสกุลลี่ที่อยู่ห่างจากเหมิงหลัวอวี้เพียงห้าก้าว กำมีดสั้นในมือแน่นขณะจ่อไปที่คอของเหมิงหลัวอวี้ ก่อนจะเล็งอย่างตั้งใจ
เหมิงหลัวอวี้ตกใจสุดขีด นางหายใจเข้าแล้วร้องลั่น “อา…”
“โครม”
“โครม”
เสียงสองเสียงดังขึ้นพร้อมกัน เสียงหนึ่งดังขึ้นจากบนหลังคา และอีกเสียงหนึ่ง… ดังมาจากหน้าต่าง
คนในห้องตกตะลึง เมื่อพวกเขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นหนานหนานกระโดดลงมาจากหลังคา และยืนอยู่ตรงหน้าเหมิงหลัวอวี้
ส่วนอีกด้านหนึ่ง ร่างเพรียวบางแผ่รังสีเย็นยะเยือกพุ่งเข้ามา ขณะเล็งไปยังหน้าอกของผู้อาวุโสสกุลลี่ แล้วโจมตีอย่างไร้ความปรานี
สิ้นเสียง “โครม” ร่างของผู้อาวุโสสกุลลี่ก็ปลิวไปกระแทกมุมกำแพง แล้วล้มลงกับพื้น เลือดสีแดงฉานพุ่งทะลักจากลำคอ นัยน์ตาของเขาพลันโหดเหี้ยม ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้น และวินาทีต่อมา เขาก็ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความตกตะลึง
“ท่าน ท่านประมุข…”
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ทีนี้จะแก้ตัวยังไงนังเหมิงเคอ ผู้อาวุโสทุกคนรู้เรื่องหมดแล้ว
ไหหม่า(海馬)