ตอนที่ 862 ร้องไห้ทำไม? ห้ามร้อง
ตอนที่ 862 ร้องไห้ทำไม? ห้ามร้อง
สีหน้าผู้อาวุโสสกุลลี่สิ้นหวังมาก เขาต้องประสบความสิ้นหวังแบบนี้มาถึงสามครั้งแล้ว
ครั้งแรกก็เป็นตอนที่ถูกเปิดเผยต่อหน้าท่านประมุขว่าต้องการฆ่าเหมิงหลัวอวี้ อีกครั้งหนึ่งก็เป็นก่อนหน้านี้ไม่นานที่เกือบถูกเย่ซิวตู๋ฆ่าตายที่คฤหาสน์ประจำเผ่า นี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว…
แต่กลับทำให้คนต้องหวาดกลัวยิ่งกว่าที่ผ่านมา
เย่ซิวตู๋มองต่ำลงไปที่เขา หัวเราะเย้ยหยัน “หากท่านฉลาด ก็ควรไปซ่อนตัวที่มุมหนึ่งเสียก่อน รอจนกว่าสถานการณ์สงบลงแล้วค่อยหนีออกไปจากดินแดนเหมิง ไม่ใช่มาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ทั้งยังวางแผนประทุษร้ายท่านตาของข้าด้วย”
ฝ่ามือผู้อาวุโสสกุลลี่เต็มไปด้วยเหงื่อ ได้ยินคำนี้ก็อดไม่ได้ที่จะกัดฟันแล้วกล่าว “สถานการณ์สงบหรือ? มีเจ้าอยู่ มีเหมิงลู่อยู่ หากยังจับข้าไม่ได้ ยังไม่จัดการให้สิ้นซาก สถานการณ์ก็จะไม่มีวันสงบลงได้เป็นแน่”
ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงยอมเสี่ยง แต่ก็ยังแพ้
เย่ซิวตู๋พยักหน้า “นี่ก็ถูกเช่นกัน”
หมอเฒ่าฉยงซานที่กำลังจดจ่อกับการใช้ยาเพื่อห้ามเลือดให้ฟ่านเฉิงได้ยินเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปาก
นี่เขายังคิดจะเล่นกับอีกฝ่ายหรือ อย่างไรผู้อาวุโสสกุลลี่ก็ไม่ฉลาดอยู่ดีใช่หรือไม่?
เย่ซิวตู๋กำนิ้วแน่นขึ้นเล็กน้อย จ้องมองสีหน้าหวาดกลัวเล็กน้อยของผู้อาวุโสสกุลลี่แล้วก็ยิ้มออกมา “ครั้งนี้หากปล่อยให้ท่านหนีไปอีก ข้าก็คงขายหน้าแย่”
ซึ่งหมายความว่าต้องการสังหารเขาในทันที
ผู้อาวุโสสกุลลี่สูดหายใจลึก แม้ร่างกายถูกมัดไว้อย่างแน่นหนา แต่ก็ยังกระถดถอยหลังอย่างอดไม่ได้
เพียงแต่เมื่อถอยไปได้สองก้าว ก็ถูกเหมิงจื่อเชียนขวางไว้
ต่อจากนั้นผู้อาวุโสสกุลลี่ก็รู้สึกเจ็บที่ลำคอ ยังไม่ทันจะได้รู้สึกอันใดต่อ รูม่านตาก็ขยายออก คนทั้งคนแข็งทื่อไป แล้วก็ล้มตึงลงกับพื้น
เย่ซิวตู๋ชักมือกลับ สีหน้านิ่งเรียบไร้ความรู้สึก
ในห้องเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ได้ยินเขากล่าวเสียงทุ้มต่ำ “ลากตัวออกไปเสีย”
“ขอรับ” มีทหารเดินมาข้างหน้า ไม่กล่าวอันใด เพียงลากตัวคนออกไป
ดวงตาของผู้อาวุโสสกุลลี่เบิกกว้าง เกรงว่าจนถึงตอนตายก็ยังไม่เคยคิดว่าตนจะจบชีวิตลงอย่างง่ายดายถึงเพียงนี้
เย่ซิวตู๋เช็ดมือ ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ละสายตากลับมา
หมอเฒ่าฉยงซานพันผ้าพันแผลให้กับฟ่านเฉิงและเหมิงจื่อฉีเรียบร้อยแล้ว และเพื่อความปลอดภัย ก็ได้จับชีพจรของผู้อาวุโสสกุลหมิงด้วย โชคดีที่ทุกอย่างปกติ ทำให้เขาเองก็ถอนหายใจโล่งอก
หลังจากนั้นก็เลื่อนสายตาไปมองเหมิงจื่อเชียน เห็นว่านอกจากใบหน้าที่ซีดเล็กน้อยแล้วก็ไม่มีสิ่งใดผิดปกติ เห็นได้ชัดว่ายังไหวอยู่
หมอเฒ่าฉยงซานไม่ได้สนใจ แต่เมื่อมองไปทางด้านหรูซือที่ถูกจับกดไว้บนพื้นพร้อมสีหน้าหวาดกลัว ก็ยิ้มแล้วมองไปยังเย่ซิวตู๋ ถามอย่างแปลกใจ “แล้วนางเล่า ต้องจัดการอย่างไร?”
นางเป็นภรรยาที่เหมิงจื้อเฉิงโปรดปราน ว่ากันตามตรงแล้ว ตั้งแต่ผู้อาวุโสสกุลหมิงหมดสติ เวลาส่วนใหญ่ของเขาก็มักจะใช้อยู่ในจวนนี้ ย่อมได้เห็นเหมิงจื้อเฉิงที่รักเมียใหม่ทำร้ายเมียเก่า และท่าทางของเขาที่ปฏิบัติต่อสองพี่น้องเหมิงจื่อเชียนอยู่เนืองๆ
ดังนั้นกับหรูซือแล้ว หมอเฒ่าฉยงซานนั้นทั้งดูถูกและเกลียดชังนางอย่างมากๆๆๆ จริงๆ
ตอนนี้เห็นท่าทางนางเป็นเช่นนี้ เขาก็… รู้สึกมีความสุขอย่างอธิบายไม่ถูก
หรูซือที่พยายามอย่างมากเพื่อไม่มีตัวตนมาโดยตลอดได้ยินคำพูดเช่นนั้น ทั้งยังเห็นหมอเฒ่าฉยงซานชี้นิ้วมาที่ตน สีหน้าก็ซีดเผือดไป จากนั้นก็ถอยไปด้านหลัง “ไม่ ไม่ได้นะ อย่างไรข้าก็เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ข้าไม่ได้ทำเรื่องผิดกฎสวรรค์อันใด เจ้าจะมาจัดการข้าได้อย่างไร?”
ผู้หลักผู้ใหญ่หรือ?
เหมิงจื่อฉีกลับแค่นหัวเราะออกมาอย่างโมโห “ท่านเป็นเพียงนางบำเรอ ยังจะกล้าพูดคำว่าผู้หลักผู้ใหญ่ต่อหน้าเราอีกหรือ? เมื่อครู่ตอนที่ท่านให้คนมาจับท่านปู่ เหตุใดจึงไม่คิดเสียบ้างว่าท่านปู่ก็เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ คนอย่างท่านยังคู่ควรจะมาขอความเห็นใจจากเราอีกหรือ”
เหมิงจื่อฉียิ่งเกลียดหรูซือมากยิ่งขึ้น ตอนที่นางอยู่ในเงื้อมมือของพวกเขา ไม่ว่านางจะเป็นคนจิตใจดีเพียงไหน ก็ไม่ยอมปล่อยอีกฝ่ายไปง่ายๆ เป็นแน่
หรูซือตะลึง เห็นว่าเหมิงจื่อฉีที่อ่อนแอที่สุดกล่าวเช่นนี้ ในใจก็ยิ่งตระหนก บิดตัวแล้วซ่อนอยู่ด้านหลัง
เย่ซิวตู๋ยิ้มหยัน เหลือบมองนาง “หากชิงเอ๋อร์อยู่ จะต้องฆ่าท่านโดยไม่ลังเลเป็นแน่ ข้าคิดว่าต้องทำตามความปรารถนาของนางเสียหน่อย”
หรูซือร้องลั่น “เจ้าเป็นอะไรกัน ข้า ข้ากับเจ้าไม่มีเรื่องข้องใจต่อกัน ทั้งยังไม่เคยทำร้ายเจ้ามาก่อน เหตุใดเจ้าต้องมาฆ่าข้าด้วย ข้า ข้า…”
นางกล่าว แต่เมื่อได้สบสายตาเย็นชาของเย่ซิวตู๋ก็หวาดกลัวขึ้นมา ถอยไปหลบอยู่ด้านหลังอีก
“ท่านยังคิดจะหนีไปไหนอีก จะยังหนีไปที่ใดได้อีก?” เหมิงจื่อเชียนจ้องมองนางด้วยสายตาเย็นเยือก
หรูซือหันขวับทันที เมื่อเห็นเขา ในหัวก็ขาวโพลนไปครู่หนึ่ง ต่อจากนั้นจู่ๆ ก็เหมือนคิดสิ่งใดออก รีบพูดกับเขา “เจ้ายังจะช่วยเขาทำไมอีก เขาเป็นฆาตกรที่ฆ่าพ่อของเจ้า ต่อให้เย่ซิวตู๋เป็นลูกพี่ลูกน้องเจ้า แต่นั่นก็เป็นพ่อที่ใกล้ชิดเจ้าที่สุดนะ เขาเป็นคนที่ฆ่าพ่อของเจ้า หากเจ้ายังมีจิตสำนึกและความกตัญญูสักนิด ก็ควรแก้แค้นให้ท่านพ่อ นั่นเป็นสิ่งที่ลูกๆ ควรทำ”
นางกล่าวอย่างกระตือรือร้น นี่เป็นฟางเส้นสุดท้ายที่นางจะสามารถคว้าไว้ได้เมื่อไร้ทางออก ในใจยังหวังว่าเหมิงจื่อเชียนจะถูกตนยุยง และร้าวฉานกับเย่ซิวตู๋สักนิดก็ยังดี
เหมิงจื่อเชียนเองก็ตกตะลึงจริงๆ ตั้งแต่เห็นเย่ซิวตู๋ปรากฏตัว เขาก็รู้แล้วว่าท่านพ่อของตนแพ้แล้ว
แต่ถึงจะแพ้ ที่เขาคิดไว้อย่างมากก็แค่ถูกจับ แต่ไม่เคยคิด…ว่าจะถึงตาย
เขามองไปทางเย่ซิวตู๋อย่างประหลาดใจ อีกฝ่ายแค่นหัวเราะออกมา ใบหน้าดูไม่มีความต้องการจะอธิบายเลยแม้แต่น้อย
เหมิงจื่อเชียนมองไปทางเหมิงจื่อฉีอีกครั้ง อีกฝ่ายก็มีสีหน้าตกตะลึง ราวกับว่ายากที่จะยอมรับว่าเหมิงจื้อเฉิง…จะตายไปแล้วเช่นนั้น
อย่างไรเสีย ต่อให้ไม่ได้รักไม่สนิทสนม แต่ก็ยังมีความสัมพันธ์ทางสายเลือด เหมิงจื้อเฉิงเองก็ไม่เคยทำร้ายพวกเขา ตอนนี้คนผู้นั้นตายไปแล้ว ในใจของพวกเขาจึงรู้สึกสับสนอย่างมาก
หรูซือเห็นพวกเขาตะลึงไป ในใจก็เริ่มมีหวัง จึงกล่าวเสริม “ข้าไม่เคยโกหกพวกเจ้า ผู้อาวุโสสกุลลี่บอกไว้ เขาติดตามนายท่านมาตลอด เห็นกับตาว่านายท่านตายอย่างน่าอนาถ ได้ยินว่าถูกคนผู้นี้ผ่าอกผ่าท้องเขา ไม่ว่าจะขอความเมตตาอย่างไรก็ไม่สนใจเขา อย่างไรเย่ซิวตู๋ก็เรียกพ่อของพวกเจ้าว่าท่านลุง เขาปฏิบัติต่อลุงแท้ๆ ของตนอย่างโหดร้ายอำมหิตเช่นนี้ ต่อไปก็คงไม่ปฏิบัติต่อพวกเจ้าอย่างดีนักหรอก ทั่วทั้งจวนผู้อาวุโสนี้ ต่อไปก็คงจะเป็นของเขา จะยังมีที่ให้พวกเจ้าสองพี่น้องอีกหรือ?”
ยิ่งพูดนางก็ยิ่งคล่องปาก ทว่าเหมิงจื่อฉีกลับไม่มีจิตใจจะฟังนางกล่าว
เพียงแค่คิดว่าเหมิงจื้อเฉิงตายแล้ว ในใจนางก็ยิ่งรู้สึกผสมปนเปกันไปหมด ปลายจมูกของนางแสบร้อนเล็กน้อย เม้มปาก และก้มหน้าหลั่งน้ำตา
ฟ่านเฉิงลอบถอนหายใจ ลูบหลังของนางแล้วกล่าวปลอบเบาๆ
เขาเป็นคนเดียวที่ยังสงบอยู่ได้ หันหน้าไปมองเย่ซิวตู๋แล้วกล่าว “ศพของท่านพ่อตา… ตอนนี้อยู่ที่ใดหรือ”
“คฤหาสน์ประจำเผ่า” เย่ซิวตู๋แทบจะไม่สนใจหรูซือที่พูดมาก ตอบกลับไปอย่างเย็นชา
เหมิงจื่อเชียนสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วหลับตา จากนั้นก็ค่อยๆ สงบสติอารมณ์แล้วกล่าวเสียงเบา “ข้าจะไปขอท่านประมุข ไม่ว่าจะว่าอย่างไร…ก็ต้องพากลับมา แล้วฝังอย่างถูกต้อง”
โทษของเหมิงจื้อเฉิงร้ายแรงมาก หากบอกว่าจะเปิดเผยต่อสาธารณะเพื่อเป็นตัวอย่างก็ไม่ถือว่าเกินไป
แต่ตนนั้นเป็นบุตร คงไม่สามารถทนดูได้
ส่วนสิ่งที่หรูซือกล่าวหลังจากนั้น เขาเองก็ไม่ได้ฟังเช่นกัน
แต่เมื่อเขาเพิ่งกล่าวจบ จู่ๆ ก็มีเสียงหญิงสาวดังมาจากด้านนอก ฟังดูเย็นชาอย่างมาก “คนเช่นเขา ยังต้องกตัญญูต่อเขาอีกหรือ จะร้องไห้ทำไมกัน? ห้ามร้อง”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ใครมาช็อตฟิลกันน่ะ แต่ที่แน่ ๆ นังหรูซือไม่รอดแน่นอนนน
ไหหม่า(海馬)