ตอนที่ 876 จดหมาย
ตอนที่ 876 จดหมาย
มีสตรีคนหนึ่งมาตามหานางงั้นหรือ? อวี้ชิงลั่วชะงักไปครู่หนึ่ง รู้สึกงุนงงเล็กน้อย
นางมองย้อนกลับไปยังเรือนที่แม่นมเก๋ออาศัยอยู่ จากนั้นอวี้ชิงลั่วก็พยักหน้าให้ผู้บัญชาการเฮ่อ แล้วพูดว่า “ข้าเข้าใจแล้ว นำทางไป”
ผู้บัญชาการเฮ่อปาดเหงื่อ หันหลังเดินกลับไปยังประตูคฤหาสน์
ทันทีที่ทั้งสองมาถึงประตู ก็เห็นหญิงคนหนึ่งยืนหันหลังให้พวกเขา นางก้มหน้าลงเล็กน้อย และดูเหมือนจะกำลังถืออะไรบางอย่างอยู่ในมือ
อวี้ชิงลั่วเพียงแค่มองจากด้านหลังก็รู้สึกว่าคุ้นเคย
จนกระทั่งหญิงคนนั้นได้ยินการเคลื่อนไหว นางจึงหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มที่คุ้นเคยบนใบหน้า อวี้ชิงลั่วพูดด้วยความประหลาดใจ “แม่นางซวงซวงหรือ?”
“ข้าน้อยทำความเคารพแม่นางอวี้เจ้าค่ะ” ซวงซวงทักทายนาง แล้วเดินมาข้างหน้าด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
อวี้ชิงลั่วคาดไม่ถึงว่านางจะมาหาอีกครั้ง จึงอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความแปลกใจว่า “คือว่า… เกิดอะไรขึ้นกับซ่างกวนจิ่นอีกหรือไม่?”
ซวงซวงพยักหน้า พลิกซองจดหมายเล็กน้อยและยื่นให้ด้วยมือทั้งสองข้าง “นี่คือจดหมายที่นายท่านสั่งให้ข้าน้อยมาส่งให้กับแม่นางอวี้เจ้าค่ะ นายท่านตรัสว่าเกรงว่าท่านอ๋องซิวจะหึงหวง จนทำลายจดหมายทิ้งระหว่างทาง ท่านจึงสั่งให้ข้าน้อยนำมาส่งให้แม่นางด้วยตัวเองเจ้าค่ะ”
มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุก ก่อนกระแอมออกมาเบา ๆ แล้วพูดปกป้องเย่ซิวตู๋ ”เขาไม่ได้ขี้หึงถึงเพียงนั้น ท่านอุปราชคิดมากไปเอง”
ซวงซวงยิ้มและไม่ได้เอ่ยคำใดอีก แต่รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความหมาย ตามที่นางพูด มันเป็นเรื่องปกติที่ท่านอ๋องซิวจะหึง อย่างไรเสีย เจ้านายของนางก็มีความรู้สึกไม่ธรรมดากับแม่นางอวี้ และเขาทั้งสองเป็นคู่ต่อสู้ที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากัน การที่ท่านอ๋องซิวรู้สึกกังวลก็เป็นเรื่องปกติ
นางเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวเสริมว่า “นายท่านตรัสว่า หากแม่นางอวี้ต้องทนทุกข์ทรมานกับเรื่องทุกข์ร้อนใด ๆ ในอนาคต โปรดอย่าลังเลที่จะไปอาณาจักรจิงเหลย เพื่อตามหานายท่านได้ทุกเมื่อ นี่คือสัญลักษณ์ของนายท่านเจ้าค่ะ”
ซวงซวงหยิบเหรียญตราเหรียญหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ แล้วส่งไปยังมือของอวี้ชิงลั่ว
เมื่อมองสิ่งที่อยู่ในฝ่ามือของตน อวี้ชิงลั่วก็พูดไม่ออกเล็กน้อย
เรื่องนี้ค่อนข้างรับมือยาก นางไม่ค่อยอยากรับไว้ แต่ไม่รับไว้ก็ไม่ได้
“ข้าน้อยเสร็จหน้าที่แล้ว ข้าน้อยต้องขอตัวก่อนนะเจ้าคะ” ซวงซวงเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนใจของนางแล้ว ก็เกรงว่านางจะโยนเหรียญตราคืนให้ตนทันที จึงรีบกล่าวลาและรีบหันหลังเดินจากไป
อวี้ชิงลั่วเงยหน้าขึ้น อ้าปากค้างหมายจะเรียกนางไว้ แต่นางก็จากไปแล้ว
นางมองของสองสิ่งในมืออยู่นาน ก่อนจะถอนหายใจหันหลังกลับเข้าประตูไป
นึกไม่ถึงเลยว่าทันทีที่นางกำลังจะก้าวขึ้นบันได ก็ต้องตกใจกับคนที่ยืนอยู่ข้างประตู
ชายคนนั้นพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา เมื่อเห็นว่านางตกใจจนเกือบจะล้มลง เขาก็รีบเอื้อมมือไปจับหลังนางไว้
“เจ้ากลายเป็นคนขวัญอ่อนตั้งแต่เมื่อใด?” เรื่องนี้ทำให้นางตกใจมาก
อวี้ชิงลั่วจ้องมองเขาด้วยความโกรธ เขายังจะกล้าถามอีก มายืนอยู่ตรงนี้โดยไม่พูดอะไรสักคำ ไม่ว่าใครก็คงเกือบหัวใจหยุดเต้นไม่ใช่หรือ?
คิดได้ดังนั้น นางก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองเขาอีกครั้ง
คาดไม่ถึงว่าเมื่อนางเงยหน้าขึ้น นางก็พบว่าสายตาของเขากำลังจ้องเขม็งไปที่มือทั้งสองข้างของนาง
นางตกใจจนเผลอกำมือแน่น กระแอมเบา ๆ แล้วอธิบายว่า “นี่คือ… แล้วอย่างไรเล่า ซ่างกวนจิ่นสั่งให้สาวใช้ของเขานำมันมามอบให้ข้า ท่านอย่าคิดมากเลย ท่านก็รู้จักซ่างกวนจิ่นดี ข้าเกรงว่าจะมีข่าวสำคัญบางอย่างในจดหมายฉบับนี้ และข้าก็ไม่ต้องการพลาดมัน”
เย่ซิวตู๋เงยหน้าขึ้นมองนาง อวี้ชิงลั่วกลั้นใจอธิบายต่อไปว่า “ส่วนเหรียญตรานี้มีไว้สำหรับอนาคต ดังนั้นก็ใช้มันยามจำเป็นเท่านั้น อย่างน้อยสิ่งนี้ก็มอบอำนาจแก่เรา ใช่แล้ว หากท่านกังวล ข้าจะมอบเหรียญตรานี้ให้ท่านเก็บไว้เอง”
เย่ซิวตู๋พ่นลมหายใจเบา ๆ แล้วหันหลังเดินกลับเข้าไปข้างใน
อวี้ชิงลั่วรีบก้าวเท้าตามไป “ท่านจะไม่ยอมเก็บมันไว้หรือ?” หากไม่ยอมเก็บแล้วนางเก็บไว้เอง ก็อย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน
เย่ซิวตู๋หยุดชะงัก เมื่อเขาเห็นว่าอยู่ห่างจากประตูแล้ว ทำให้ผู้บัญชาการเฮ่อและคนอื่น ๆ มองไม่เห็นเขาอีกต่อไป เขาจึงถอนหายใจอย่างเย็นชา แล้วพูดว่า “ข้าดูเป็นคนขี้หึงถึงเพียงนั้นเลยหรือ? เจ้าเก็บเหรียญตรานั้นไว้เถิด หากข้าเก็บไว้ก็เปล่าประโยชน์ เขาหวังให้เจ้าถูกรังแกและไปหาเขา ช่างเพ้อเจ้อยิ่งนัก ข้าดูเหมือนคนที่จะรังแกเจ้าหรือ?”
อวี้ชิงลั่วแสดงสีหน้าจริงจัง ส่ายหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า “ไม่เหมือนแน่นอน”
น้ำเสียงและการแสดงออกที่หนักแน่นเช่นนี้ ทำให้เย่ซิวตู๋รู้สึกพึงพอใจมาก
สีหน้าแข็งทื่อของเขาค่อย ๆ อ่อนโยนลง จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปจับมือนาง กุมมือเล็ก ๆ ของนางไว้ในฝ่ามือของเขาแน่น
“เจ้าเก็บเหรียญตรานั่นไว้ที่ก้นกล่องเถิด อย่างไรเสียมันก็ต้องถูกวางไว้จนขึ้นสนิมอยู่แล้ว” เย่ซิวตู๋กล่าวอย่างหนักแน่น
อวี้ชิงลั่วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ทันใดนั้นก็ยกจดหมายในมืออีกข้างหนึ่งขึ้นมา แล้วหยอกล้อว่า “แล้วสิ่งนี้เล่า ท่านอยากอ่านดูหรือไม่?”
สีหน้าของเย่ซิวตู๋แข็งทื่ออีกครั้ง จากนั้นเขาก็พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้า เจ้าอ่านเองเถิด” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เขาก็เงียบไปอีกครั้ง แล้วพูดเสริมว่า “แน่นอน หากเจ้าคิดว่าเป็นเรื่องที่ใครก็อ่านได้ และมีบางอย่างที่เจ้าอ่านไม่เข้าใจ ข้าก็สามารถช่วยเจ้าได้”
“พรืด…” อวี้ชิงลั่วหัวเราะเพราะคำพูดของเขา และในพริบตาเดียวก็เห็นสีหน้าของเขามืดมนลงอย่างรวดเร็ว นางจึงรีบกลั้นหัวเราะ
“เจ้ามัวชักช้า ข้ายังมีสิ่งที่ต้องทำ” เย่ซิวตู๋เริ่มโกรธเพราะความอับอาย เขาจ้องมองจดหมายอยู่นานด้วยสายตาลุกโชน จากนั้นก็หันหลังเดินจากไปทันที
อวี้ชิงลั่วดึงตัวเขากลับมา “ท่านเป็นอะไรไป เพิ่งกลับมาไม่ใช่หรือ? ท่านสามารถอ่านจดหมายกับข้าได้… ข้าขอแล้ว ตกลงหรือไม่?”
เย่ซิวตู๋เลิกคิ้วขึ้น แล้วตอบอย่างจริงจังว่า ‘อืม’ ราวกับจะบอกว่าเป็นเพราะเจ้าขอร้องข้า ข้าจึงต้องยอมตกลงจะอ่านด้วยอย่างไม่เต็มใจ
อวี้ชิงลั่วอดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มเขา เคยคิดว่าหนานหนานไม่ได้ดูเหมือนพ่อ แต่เมื่อเห็นท่าทางเสแสร้งเช่นนี้ ก็รู้ว่าพวกเขาเหมือนกันทุกประการ
เย่ซิวตู๋พานางกลับไปที่ห้อง ขณะที่นางกำลังจะเปิดจดหมาย เขาก็โอบกอดนางไว้
เสียงแผ่วเบาของเขาดังข้างหูนาง “วันนี้ข้าทำร้ายเจ้าหรือไม่?”
ใบหน้าของอวี้ชิงลั่วแดงก่ำ นางเงยหน้าขึ้นจากอ้อมแขนของเขา แล้วมองเขาด้วยสายตาแข็งกร้าว “ดูจดหมายสิ จะถามมากไปใย?”
เย่ซิวตู๋เห็นเพียงดวงตาของนางก็รู้ว่านางเขินอายมาก เขายกยิ้มมุมปาก ดูเหมือนว่าเขาจะทำให้นางพึงพอใจ
อวี้ชิงลั่วลุกออกจากอ้อมแขนเขา ก่อนเดินไปที่โต๊ะและรินน้ำใส่แก้วดื่ม หลังจากระงับความร้อนผ่าวที่ใบหน้าแล้ว นางก็นั่งลงบนเก้าอี้ พร้อมกับเม้มริมฝีปากขณะเปิดจดหมาย
ข้างในมีกระดาษหนาสองหน้า อวี้ชิงลั่วเพียงแค่เหลือบมองก็พบว่ามันเต็มไปด้วยตัวอักษรมากมาย
ซ่างกวนจิ่นพร่ำพรรณนามากถึงเพียงนี้เลยหรือ? เขาไม่ได้เป็นคนพูดน้อยหรอกหรือ? เขากลายเป็นคนพูดพล่ามยืดยาวไปตั้งแต่เมื่อใด
นางส่ายหน้า แล้วคลี่กระดาษจดหมายออก ขณะที่กำลังจะอ่าน นางก็พบว่าเย่ซิวตู๋ยืนอยู่ห่างไปเล็กน้อย และสายตาของเขาก็มองไปที่อื่นด้วย
“ไม่มาอ่านหรือ?”
“หากมีตรงไหนที่เจ้าไม่เข้าใจก็ถามมา” เย่ซิวตู๋ตอบกลับ
อวี้ชิงลั่วหัวเราะเบา ๆ และยักไหล่ ในเมื่อเขาไม่ต้องการ นางก็จะไม่บังคับเขา
สายตาของนางจับจ้องไปที่กระดาษจดหมาย ลายมือของซ่างกวนจิ่นดูแข็งแกร่งและทรงพลัง อย่างไรเสีย เขาก็เป็นอุปราชแห่งอาณาจักรจิงเหลย ลายเส้นของพู่กันของเขาจึงดูโอ่อ่าน่าเกรงขามยิ่ง
อวี้ชิงลั่วครุ่นคิดเช่นนั้นอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเริ่มอ่านเนื้อหาในจดหมาย
ทว่าเมื่ออ่านเนื้อหาในจดหมายต่อไปสักพัก คิ้วของนางก็ขมวดแน่นขึ้นเรื่อย ๆ
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
จดหมายสารภาพรักหรือเปล่า?
ท่านอ๋องดูโบ้ขึ้นนะเจ้าคะ หลังรู้ความจริงก็หูงอกหางงอกเลยเหรอ
ไหหม่า(海馬)