ตอนที่ 883 ทะเลาะ
ตอนที่ 883 ทะเลาะ
ทันทีที่ยืนนิ่งได้ น้ำเสียงโกรธเกรี้ยวก็ดังมาจากทางด้านนั้น “สรุปว่าในใจเจ้ามีนางบ้างหรือไม่ นี่น่ะหรือคือท่าทีของเจ้า?”
อวี้ชิงลั่วอึ้งงัน เสียงนี้เหมือนจะเป็นเผิงอิง
นางมองลอดเข้าไป ก็เห็นเงาแดดของคนสองคนกำลังต่อสู้กันอยู่บนพื้นหินชนวน
คนที่อยู่ตรงหน้าเผิงอิงดูเหมือนจะหยุดครู่หนึ่ง จากนั้นก็กล่าวเบาๆ “ข้าย่อมมีนางอยู่ในใจ เพียงแต่…”
“เพียงแต่ เพียงแต่อันใด?” เผิงอิงส่งเสียงฮึดฮัด “ตอนนี้นางบาดเจ็บ นอนซมอยู่ทั้งวัน มีอันตรายได้ทุกเมื่อ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เจ้าควรอยู่ข้างนาง ปลอบใจนาง และดูแลนาง เจ้ารู้หรือไม่ว่าท่าทางตอนที่นางบาดเจ็บใกล้ตายนั้น ช่างน่า…ช่างน่า…”
เผิงอิงหยุดไปในทันใด จากนั้นก็เบนศีรษะหนี “อย่างไรเสียข้าก็คิดว่าเจ้าควรอยู่ หากนางเห็นเจ้าอยู่ข้างกายคงจะดีใจมาก”
อวี้ชิงลั่วหรี่ตา จากนั้นก็ตระหนักได้ในทันที คนที่เผิงอิงและเหวินเทียนกล่าวถึงคงจะเป็นหงเย่
อะไรกัน นี่คือจังหวะที่ต้องให้เหวินเทียนมาดูแลหงเย่หรือ?
เหวินเทียนตัวแข็งทื่อและเงียบไปครู่ใหญ่ จากนั้นก็กล่าวเสียงเบา “แต่ข้าเป็นผู้อารักขาของท่านอ๋อง ข้ามีหน้าที่คอยอยู่ข้างกายนายท่าน ปกป้องนายท่าน”
“ข้า…”
เผิงอิงได้ยินคำค้านก็พูดไม่ออก
พวกเขาเป็นผู้อารักขา หน้าที่แรกก็ย่อมเป็นการปกป้องนายท่าน
แต่ในใจกลับกังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บสาหัสของหงเย่เช่นกัน อย่างไรก็ไม่สบายใจหากต้องทิ้งนางไว้เช่นนี้
“การอารักขานายท่านย่อมเป็นความรับผิดชอบที่เราเลี่ยงไม่ได้ แต่…เฮ้อ เรื่องนี้ข้าจะไปคุยกับท่านอ๋อง ข้างกายท่านอ๋องมีแต่ยอดฝีมือ ไม่แน่ว่าอาจจะขาดเจ้าไปได้สักคน อีกอย่าง เจ้าก็กลับมาช้าไม่กี่วัน คงไม่ต่างอันใดกัน”
“เผิงอิง!!” เหวินเทียนขึ้นเสียงเล็กน้อยอย่างขัดเคือง “ตอนนี้เมืองหลวงเข้มงวดกวดขันมาก ใช่ว่าเจ้าไม่รู้ หากไปช้าเพียงสองสามวันอาจจะแตกต่างกันราวฟ้ากับดินเลยก็ได้”
“เช่นนั้นเจ้าไม่ห่วงหงเย่หรือ? เจ้าไม่ได้เห็นนางปลอดภัย ยืนได้ วิ่งได้ กระโดดได้ เจ้าไม่ห่วงหรือ? เจ้าเป็นห่วงอยู่ทั้งวันเช่นนี้ ต่อให้คอยอยู่ข้างกายนายท่าน เจ้าก็อาจจะไขว้เขว ไม่แน่ว่าอาจยิ่งเป็นภาระกับนายท่านก็เป็นได้”
“ข้า…” เหวินเทียนกัดริมฝีปาก มุมปากเม้มแน่น ผ่านไปนานก่อนจะกล่าว “ข้าทำไม่ได้”
“เฮอะ เจ้าพูดเองยังไม่มั่นใจเลย”
เหวินเทียนก็หงุดหงิดเช่นกัน “อย่างไรเสียข้าก็จะกลับไปเก็บของ พรุ่งนี้จะออกเดินทางไปพร้อมท่านอ๋อง”
“เจ้ามันช่างไร้เหตุผลจริงๆ” เผิงอิงโกรธมากจริงๆ เดินหน้าไปตบไหล่เขาแล้วเดินจากไปในทันที
อวี้ชิงลั่วคิดจะซ่อนตัวแต่ก็ไม่ทันแล้ว เพิ่งถอยหลังได้หนึ่งก้าว เผิงอิงก็เลี้ยวมาตรงมุมจนเกือบจะชนกับนาง
เมื่อเห็นนาง เผิงอิงก็มีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย ต่อจากนั้นสีหน้าก็แดงขึ้นเล็กน้อย ถอยหลังไปก้าวหนึ่งอย่างอายๆ “แม่ แม่นางอวี้ เหตุใดจึงมาที่นี่ได้ขอรับ”
เหวินเทียนได้ยินเสียงก็รีบวิ่งมา สีหน้าของเขาฉายความลำบากใจเล็กน้อย กระแอมเบาๆ “แม่นางอวี้”
“คือ… คือว่าข้าแค่ผ่านมา อ๋า ไม่สิ ข้ามาติดตามอาการหงเย่น่ะ ข้าไม่ได้ยินอะไรเลย…” อวี้ชิงลั่วหุบปากในทันที เอาเถิด ดูเหมือนว่าอยากปกปิด แต่กลายเป็นเปิดเผยความจริงเสียอย่างนั้น
แล้วสีหน้าของเหวินเทียนและเผิงอิงสองคนก็เปลี่ยนเป็นมืดมน แต่ก็ยังหลีกทางให้นาง เชิญนางเข้าไป
เพียงแต่เหมือนกับว่าพวกเขาดูอับอายเป็นอย่างมาก แม้นางจะเข้าห้องไปแล้ว พวกเขาก็ยังหันหน้าหนีไปทางอื่น ไม่กล้าเลื่อนสายตาไปมองนาง
อวี้ชิงลั่วลอบหัวเราะ จากนั้นก็มองไปยังหงเย่ที่นอนอยู่บนเตียง
สีหน้าของนางซีดยิ่ง วันนั้นนางเสียเลือดมาก รักษาเอาชีวิตกลับมาได้ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว ตอนนี้ลมหายใจก็ถือว่าคงที่ ทำให้สบายใจขึ้นมาก
อวี้ชิงลั่วจับข้อมือของนางเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง ผ่านไปพักหนึ่งก็พยักหน้าเบาๆ
เมื่อหันกลับมาก็เห็นชายสองคนมองตนเองอยู่ ราวกับว่าต้องการอ่านบางอย่างจากสีหน้าของนาง
อวี้ชิงลั่วลอบถอนหายใจ รักสามเส้าเช่นนี้ นางไม่รู้จริงๆ ว่าต้องจัดการอย่างไร
นางเมินสายตาของทั้งสองคน กระแอมเบาๆ แล้วกล่าว “ดูแลดีๆ ก็ใช้ได้แล้ว ก่อนหน้านี้นางดื่มยาที่หมอเฒ่าฉยงซานสั่งให้แล้วใช่หรือไม่?”
“ขอรับ” เหวินเทียนรีบตอบ
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า “ยาของท่านหมอเฒ่ามีประสิทธิภาพมาก ทางข้านี้ยังมียารักษาดีๆ อยู่สองขวด คิดจะเอาไว้ให้นาง”
นางกล่าวพลางหยิบขวดกระเบื้องเคลือบสองขวดออกมาจากแขนเสื้อแล้ววางไว้บนโต๊ะ
หันไปเห็นหงเย่ที่ยังไม่ฟื้น ก็เม้มปากแล้วกล่าว “หากนางฟื้นก็มาบอกข้าทีนะ”
“ขอรับ” เหวินเทียนมองหงเย่แวบหนึ่งแล้วพยักหน้า
อวี้ชิงลั่วลอบถอนหายใจ โดยเฉพาะตอนที่หางตาเห็นสีหน้าของเผิงอิงก็ยิ่งคิดหนัก
แต่เมื่อคิดว่านี่คือผู้อารักขาของเย่ซิวตู๋ เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ปล่อยให้เย่ซิวตู๋เป็นคนจัดการเถิด
อย่างไรรักสามเส้านี้ก็ค่อนข้างซับซ้อน พวกเขาล้วนเป็นผู้อารักขาของเย่ซิวตู๋ทั้งคู่ หากไม่สามารถจัดการได้คงจะไม่ส่งผลดีต่อเย่ซิวตู๋เป็นแน่
อวี้ชิงลั่วคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็สั่งไว้สองสามประโยคแล้วลุกขึ้นเดินจากไป
เหวินเทียนส่งนางถึงหน้าประตู เมื่อเห็นเผิงอิงยังไม่เดินตามมาก็ดูลังเลที่จะกล่าวบางอย่าง
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้วรอเขาอย่างตั้งใจอยู่ชั่วครู่ เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูดเสียทีก็กระตุกมุมปากแล้วกลอกตา
ช่างเถิดๆ ในเมื่อเขาไม่กล่าว เช่นนั้นนางก็จะไปแล้ว
“เอ่อ แม่นางอวี้…” แต่เมื่อนางหมุนตัว เหวินเทียนก็ร้อนรนขึ้นมา รีบก้าวรุดมาสองก้าวขวางนางไว้
“เจ้ามีเรื่องอะไรจะคุยกับข้า?” อวี้ชิงลั่วกอดอก
ในที่สุดเหวินเทียนก็ถอนหายใจยาว เกาศีรษะแล้วพูดเสียงเบา “ข้ารู้ เมื่อครู่แม่นางอวี้ได้ยินที่ข้าและเผิงอิงคุยกันทั้งหมด เรื่องของหงเย่ รบกวนแม่นางอวี้ช่วยบอกท่านหมอเหมิงเสียหน่อยเถิด ว่าให้ส่งคนที่ตั้งใจทำงานและระมัดระวังมาดูแล ถึงแม้หงเย่จะเป็นสาวใช้ แต่นางได้รับบาดเจ็บสาหัส หากไม่ดูแลให้ดี ข้ากลัวว่าอาการบาดเจ็บจะยิ่งหนัก ข้ากลัวว่าคนรับใช้ธรรมดาจะดูถูกสถานะของนาง และละเลยนางขอรับ”
อวี้ชิงลั่วหัวเราะออกมา จริงๆ แล้วเผิงอิงกล่าวไม่ผิดเลย ด้วยอาการของหงเย่ในตอนนี้ เหวินเทียนจะต้องไม่วางใจเป็นแน่
“ได้สิ ข้าเข้าใจแล้ว”
เหวินเทียนถอนหายใจโล่งอกเบาๆ แล้วยิ้มออกมา “เช่นนั้นขอขอบคุณแม่นางอวี้มากขอรับ”
“เจ้าจะขอบคุณข้าทำไมกัน?” อวี้ชิงลั่วกล่าวอย่างขบขัน “เดิมทีหงเย่ก็เป็นสาวใช้ของข้า อีกทั้งนางยังบาดเจ็บเพราะข้า อีกอย่าง ตอนนี้นางก็ยังเป็นคนของข้าอยู่ เจ้าต้องการ… คบหากับนาง ถึงตอนนั้นก็ต้องมาขอนางจากข้าอยู่แล้ว ใช่หรือไม่เล่า?”
เหวินเทียนกระตุกมุมปาก ลอบแตะหน้าผาก เขาลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท
“เจ้ากลับไปดูแลนางเถิด จำไว้ว่าถ้าหากนางฟื้นแล้วก็มาบอกข้าด้วย”
“ขอรับ”
เหวินเทียนพยักหน้า จากนั้นก็หมุนตัวกลับเข้าห้อง เพียงแต่รอจนเขาเข้าไปแล้ว ก็ไม่เห็นเงาของเผิงอิงแล้ว
อวี้ชิงลั่วเพียงแต่เดินไปไม่กี่ก้าว ก็พบว่าด้านหลังมีคนตามมา
นางหมดแรง หมุนตัวไปแล้วกล่าว “เจ้าเองก็มีเรื่องจะพูดกับข้าหรือ”
“ขอรับ…”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
นอกจากเป็นหมอปีศาจแล้ว ยังต้องเป็นที่ปรึกษาหัวใจให้คนของท่านอ๋องอีกต่างหาก งานโหลดแล้วชิงลั่ว
ไหหม่า(海馬)