ตอนที่ 908 ท่านแม่บอกว่าคนกันเอง
ตอนที่ 908 ท่านแม่บอกว่าคนกันเอง
น้ำเสียงกังวานของชายคนนั้นขัดจังหวะบรรยากาศภายในห้องในทันที
ฟ่านซิวอวิ๋นยังไม่ทันได้ถามกลับ ก็มีอีกคนที่วิ่งเหงื่อตกเข้ามาจากด้านนอก เป็นคนร่างเล็กและหน้าแดง เป็นหนานหนานที่ถือมีดสั้นเข้ามาอย่างเร่งรีบนั่นเอง
เขามองในห้องโถง จากนั้นก็เก็บมีดสั้นเข้าไปในฝักอย่างวางมาด แล้วก็โผตัวเข้าหาอวี้ชิงลั่ว “ท่านแม่…”
หนานหนานร้องโอดครวญ เช็ดเหงื่อทั่วศีรษะและใบหน้าเข้ากับร่างของนาง
อวี้ชิงลั่วรู้สึกเหยียดหยามในทันที อุ้มเขาไปไว้ในอ้อมกอดของเย่ซิวตู๋ “ท่านเช็ดให้เขาที”
ฟ่านซิวอวิ๋นมองเด็กน้อยท่าทางว่องไวมองเขาด้วยแววตาฉายแววใคร่รู้ จากนั้นก็ขมวดคิ้ว เขาเรียกหญิงผู้นั้นว่าแม่หรือ นางแต่งงานแล้วหรือ แล้วเกี่ยวอันใดกับเย่ซิวตู๋กัน?
ฟ่านซิวอวิ๋นรู้สึกสับสน เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเย่ซิวตู๋แต่งงานแล้ว
เมื่อมองไปทางเย่ซิวตู๋อีกครั้ง เขาก็ย่อตัวลงเพื่อเช็ดเหงื่อออกจากใบหน้าของหนานหนานจริงๆ แววตาที่อ่อนโยนเช่นนั้น หากตนไม่รู้จักเย่ซิวตู๋ อีกฝ่ายก็ดูเหมือน… พ่อที่ใจดีจริงๆ
ฟ่านซิวอวิ๋นตกตะลึงกับความคิดตัวเอง ทันใดนั้นก็ตัวสั่น
หนานหนานส่งเสียงฮึดฮัด หันหน้าไปมองสาวใช้ที่อยู่ตรงข้ามถือพัดอยู่ในมือ ก็รีบสะบัดมือของเย่ซิวตู๋แล้ววิ่งไปตรงหน้าสาวใช้ผู้นั้น กล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “พี่สาวคนงาม ข้าขอยืมพัดหน่อยได้หรือไม่ หนานหนานร้อนเหลือเกิน”
เขายังไม่ทันกล่าวจบ ชายหนุ่มที่บุกเข้ามาก่อนหน้าก็มาแย่งเอาพัดสองอันไปเสียก่อน ไม่เหลือให้หนานหนานแม้แต่อันเดียว จากนั้นก็จ้องมองหนานหนานอย่างพึงพอใจ โบกพัดอย่างแรง
หนานหนานหันมาจ้องมองเขาอย่างโกรธเกรี้ยว “ท่านยั่วยุข้าหรือ?”
“นี่ เป็นเด็กเป็นเล็ก รู้จักด้วยหรือว่าอะไรคือยั่วยุ”
หนานหนานชักมีดสั้นออกจากฝักอีกครั้ง ชายคนนั้นใบหน้าแข็งทื่อ รีบถอยเท้าทันที
ในช่วงเวลานี้เอง ผู้ใหญ่หนึ่งคนกับเด็กหนึ่งคนก็เริ่มต่อสู้กันในห้องโถง
พัดสองอันนั้นตกลงกับพื้น เย่ซิวตู๋ค่อยๆ เก็บขึ้นมาแล้วส่งให้อวี้ชิงลั่ว
ฟ่านซิวอวิ๋นที่นั่งตรงจุดสูงสุดเริ่มขมวดคิ้ว แต่จากนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างดุเดือดว่องไวมากขึ้น แววตาของเขาก็เป็นประกาย ลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วกล่าวเสียงดังในทันใด “ดี วรยุทธ์ดีงามมาก เยี่ยม”
อวี้ชิงลั่วพัดอยู่สองสามครั้ง ถามเย่ซิวตู๋ “ทั้งสองคนใครมีวรยุทธ์สูงกว่ากัน?”
เย่ซิวตู๋ยิ้มออกมา “ยังไม่ได้ใช้แรงทั้งหมดเลยทั้งคู่ แต่เมื่อเปรียบเทียบแล้ว หนานหนานคล่องแคล่ว แต่อายุยังน้อย ประสบการณ์การต่อสู้กับศัตรูมีไม่พอ ฟ่านฉี่อวิ๋นมีประสบการณ์มากกว่า แต่พลังกายยังไม่พอ เมื่อครู่ต่อสู้กับหนานหนานมาก็เริ่มจะเหนื่อยแล้ว”
หนานหนานกลับดูไม่เหนื่อย… อืม การกินเยอะก็พอมีประโยชน์อยู่บ้าง อย่างน้อยที่สุดก็มีกำลังวังชาเต็มเปี่ยม ยังเป็นฝ่ายเหนือกว่าเมื่อต้องต่อสู้แบบยืดเยื้อ
อวี้ชิงลั่วลูบคาง กล่าวเบาๆ “ดังนั้น ฟ่านฉี่อวิ๋นผู้นี้ก็คือหัวหน้าของชายชุดดำที่ขวางอยู่ตรงถนนและโห่ร้องว่าต้องการปล้นสะดมเอาเงินทองและสตรีเมื่อก่อนหน้านี้อย่างนั้นหรือ?”
“จำได้แล้วหรือ?”
อวี้ชิงลั่วเหลือบมองเขา แน่นอนสิว่านางจำเขาได้
ต่อให้ไม่เห็นหน้า แต่ก็จำเสียงได้อยู่
อีกอย่าง คนที่ต่อสู้กับหนานหนาน ก็มีเพียงชายชุดดำที่เป็นหัวหน้าเท่านั้น ที่เขาถามมันเรื่องไร้สาระไม่ใช่หรือ?
อวี้ชิงลั่วลูบหว่างคิ้ว เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นฟ่านซิวอวิ๋นมองการต่อสู้อย่างมีชีวิตชีวา ใบหน้าขึ้นสีแดงจนน่ากลัว ราวกับว่าอยากจะลงไปต่อสู้ด้วยอย่างไรอย่างนั้น
มุมปากของนางกระตุก อายุก็มากเพียงนี้แล้ว จะไม่เข้าไปยุ่งบ้างไม่ได้หรือ ตนเป็นเจ้านายของที่นี่ไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงไม่รู้จักทำตนเป็นแบบอย่างเอาเสียเลย
อวี้ชิงลั่วเม้มปาก ยกมือขึ้นดึงแขนเสื้อของเย่ซิวตู๋แล้วกล่าวเบาๆ “ท่านไปแยกพวกเขาเสีย”
“ได้” เย่ซิวตู๋รวมพลังทันที เข้าร่วมการต่อสู้ของทั้งสองคน ใช้มือสองข้างแยกสองคนออกจากกัน จากนั้นก็อุ้มหนานหนานมาวางไว้ข้างๆ อวี้ชิงลั่ว นำพัดในมือวางไว้กลางอกเขา “เอาไปพัด”
แววตาหนานหนานเป็นประกาย จากนั้นก็โบกพัดในมือ กล่าวกับฟ่านฉี่อวิ๋น “ดูสิว่าข้ามีแล้ว แต่ท่านไม่มี” กล่าวจบ ก็ทำท่าของเขาเมื่อครู่ พัดขึ้นมาอย่างแรงจนผมด้านข้างใบหน้าปลิวไสว
ฟ่านฉี่อวิ๋นมองเขาแวบหนึ่ง จากนั้นก็มองอวี้ชิงลั่ว ส่งเสียงฮึดฮัดไม่พอใจแล้วนั่งลงตรงเก้าอี้ด้านข้าง ตะคอกกับสาวใช้ที่อยู่ด้านหลัง “ยังไม่รีบไปเอาพัดมาให้ข้าอีกหรือ?”
“เจ้าค่ะๆ คุณชายสาม” สาวน้อยรีบวิ่งไปทางด้านหลัง
จากนั้นฟ่านฉี่อวิ๋นก็นั่งไขว่ห้างจิบชา กล่าวกับฟ่านซิวอวิ๋น “พี่ใหญ่ ภารกิจลุล่วงแล้ว ข้าพาท่านอ๋องซิวมาแล้ว พวกเขาไม่บาดเจ็บแม้แต่ปลายผม คนของเราก็ไม่ได้เสียหายอันใด ทุกคนกลับมาอย่างปลอดภัยขอรับ”
“นั่นก็เป็นเพราะข้าออมมือให้หรอก” หนานหนานจิบน้ำจากอวี้ชิงลั่ว จากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงชัดเจน “ไม่อย่างนั้นข้าคงตัดหัวท่านแล้ว ท่านคงไม่ปลอดภัยแน่”
“นี่ เจ้าเด็กน้อย อย่าพูดไร้สาระน่า ถึงวรยุทธ์ของเจ้าจะไม่เลว ข้าเองก็ชื่นชม แต่หากเจ้าอยากจะตัดหัวข้า ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนักหรอกนะ” ฟ่านฉี่อวิ๋นวางขาลงทันที จากนั้นก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
อวี้ชิงลั่วลูบหน้าผากอีกครั้ง ถึงแม้คนผู้นี้จะอายุสิบเจ็ดสิบแปดแล้ว แต่เหตุใดนิสัยจึงเหมือนหนานหนานที่อายุห้าขวบนักนะ?
หนานหนานเอียงคอแล้วส่งเสียงเยียบเย็น “ง่ายจะตายไป หากท่านเป็นโจรจริงๆ และคิดจะปล้นเงินของข้าจริงๆ ข้าก็จัดการท่านได้ภายในหนึ่งเค่อแล้ว เฮอะ วิชาการต่อสู้ของข้าเก่งกาจไร้ที่สิ้นสุด แถมความสามารถอื่นๆ ก็เก่งกาจเช่นกันนะ” อย่างเช่นอาวุธลับ ยาพิษ ในตัวเขายังมีอีกตั้งมากมาย
หากคนคนนี้ต้องการจะนำเงินที่เขารักมากไป เขาก็จะวางยาพิษก่อน จากนั้นก็ใช้อาวุธลับ หลังจากนั้นก็ทำนู่นทำนี่ ใช้วิธีนั้นวิธีนี้เพื่อจัดการเขา
เขากล่าวแล้วจิบน้ำอีกครั้ง จากนั้นก็มองอวี้ชิงลั่ว กล่าวช้าๆ “แต่ท่านแม่บอกว่าเป็นคนกันเอง ให้ข้าเล่นกับท่านก็พอ อย่าทำร้ายท่านจริงๆ ไม่อย่างนั้นท่านจะเสียหน้าแย่ ข้าฟังดูแล้วก็ผิดหวังตั้งเท่าไร”
เย่ซิวตู๋อึ้งงัน มองอวี้ชิงลั่วด้วยความสงสัย “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าฟ่านฉี่อวิ๋นเป็นคนกันเอง”
เพียงกล่าวออกไปเช่นนั้น ฟ่านซิวอวิ๋นและฟ่านฉี่อวิ๋นก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง
ฟ่านซิวอวิ๋นขมวดคิ้ว “อะไรกัน เจ้าไม่ได้บอกนางว่าคนชุดดำเป็นพวกเราเองหรือ?”
“เปล่า” เย่ซิวตู๋หัวเราะออกมา “มีเพียงนางและหนานหนานที่ไม่รู้ ตลอดทางที่มานี่นางก็ไม่ได้ถาม ข้าก็นึกว่าเสิ่นอิงบอกนางตอนที่พานางเข้าไปในป่า คิดไม่ถึงว่านางจะรู้มาตั้งแต่ต้น ชิงเอ๋อร์ เจ้าเดาได้เองหรือ?”
สองพี่น้องฟ่านซิวอวิ๋นยิ่งแปลกใจ เย่ซิวตู๋ไม่ได้กล่าวอันใด แล้วหญิงผู้นี้ไปรู้มาจากไหน
หรือว่าจะเป็นคนอื่นที่พูด ไม่ๆๆ เย่ซิวตู๋ผู้นี้ พวกเขาพอรู้จักอยู่ ลูกน้องของเขาไม่มีทางพูดจาไร้สาระ
อวี้ชิงลั่วดื่มชาจิบหนึ่ง จากนั้นก็เหลือบมองสีหน้าของทั้งสามคน ยักไหล่แล้วกล่าว “ง่ายจะตายไป”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ชิงลั่วรู้ตอนไหนนี่ว่าชายชุดดำพวกนั้นเป็นพวกเดียวกับท่านอ๋อง?
ไหหม่า(海馬)