ตอนที่ 985 ความผิดปกติของคังเฟย
ตอนที่ 985 ความผิดปกติของคังเฟย
เมื่อหนานหนานมาถึงห้องบรรทมของฮ่องเต้ ฮ่องเต้กลับพักผ่อนไปแล้ว
เขามีสีหน้าผิดหวัง หันไปมองเหมียวเชียนชิว ราวกับกำลังถามเขาว่าให้มาตั้งไกลเพื่อคุยเป็นเพื่อนเสด็จปู่ แต่เสด็จปู่กลับหลับไปแล้ว เช่นนั้นเขาสามารถปลุกคนเขาได้หรือไม่?
เหมียวเชียนชิวยิ้ม พาหนานหนานออกมาข้างนอก มองซ้ายมองขวา ดูท่าทางระแวดระวังเป็นอย่างมาก
หนานหนานมองเขาอย่างแปลกใจแวบหนึ่ง ก็เห็นเขาโน้มตัวมาใกล้หูตน กระซิบเบาๆ “หนานหนาน จริงๆ แล้วคนที่ต้องการพบท่านคือไทเฮา ไทเฮามีเรื่องด่วนต้องการพบท่าน ดังนั้นอีกเดี๋ยวท่านไปพบไทเฮาตามลำพัง ให้เฉิงซื่อจื่ออยู่ที่นี่ แสร้งทำเหมือนว่าอยู่พูดคุยกับฝ่าบาทเถิด”
“หา?” หนานหนานแปลกใจ “ไทเฮาหาข้าหรือ เย่หลานเวยสร้างปัญหาอันใดแล้วใช่หรือไม่?”
“เอ่อ… ข้าน้อยคิดว่าคงไม่ใช่กระมังขอรับ” เหมียวเชียนชิวหัวเราะแห้งๆ ถึงแม้เวยซื่อจื่อจะนิสัยแย่ไม่มีมารยาท แต่ต่อหน้าไทเฮาแล้วก็ไม่กล้ากำเริบเสิบสานจนเกินไป
อีกอย่าง ไทเฮาแทรกซึมอยู่กับนางในมาหลายปี จะจัดการซื่อจื่อเพียงคนเดียวไม่ได้หรือ ต่อให้เย่หลานเวยก่อเรื่องอันใดขึ้นมาจริงๆ แต่ก็คงไม่เป็นเรื่องด่วนเสียจนต้องให้คนไปตามหนานหนานเข้าวังกระมัง
หนานหนานกลับรู้สึกว่านิสัยของเย่หลานเวยนั้นชั่วร้ายเกินไป จึงดึงดันอย่างมาก “จะต้องเป็นเขาสร้างปัญหาเป็นแน่ เหมียวกงกงท่านวางใจเถิด ข้าจะไปที่ตำหนักบรรทมของไทเฮาทันที ช่วยไทเฮาสั่งสอนเขาสักยก”
คนที่ถูกเขาชี้ตัวว่าเป็นผู้สร้างปัญหา ในตอนนี้กำลังยืนอยู่ข้างกายไทเฮา แต่งตัวราวกับขันทีน้อย ก้มหน้าอย่างสวยงาม ดูเรียบร้อยอย่างมาก
ด้านนอกมีเสียงพูดคุยเบาๆ ดังมา เย่หลานเวยเองก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง
ไทเฮาสังเกตพฤติกรรมของเขาจากหางตา พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ถือว่ายังพอรู้จักกฎเกณฑ์อยู่
ขณะนางกำลังคิด ลวี่ฝูก็พาหนานหนานเข้ามาแล้ว
ไทเฮามองเขาคำนับตนด้วยท่าทางจริงจัง อดไม่ได้ที่จะสรวลแล้วส่ายพระพักตร์“เจ้ามานี่สิ”
“ไทเฮาๆ ว่ากันว่าไม่เจอกันหนึ่งวัน เหมือนห่างกันสามฤดูใบไม้ร่วง กระหม่อมห่างจากพระองค์ไปหลายฤดูเชียวพ่ะย่ะค่ะ” หนานหนานกระโดดขึ้นนั่งข้างนางทันที
“ปากน้อยๆ ของเจ้าช่างหวานนัก ทำให้คนอื่นเขามีความสุขอยู่เสมอ” ไทเฮาจับเขามามองดูพักหนึ่ง ช่วยจัดเสื้อผ้าให้เขา จากนั้นก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เหตุใดใช้เวลานานเชียวกว่าจะมาถึง?”
“กระหม่อมไปตำหนักบรรทมของเสด็จปู่มาพ่ะย่ะค่ะ เหมียวกงกงบอกว่าต้องหารให้กระหม่อมมาหาไทเฮาที่นี่ต้องระวังหน่อยไม่ให้ใครเห็น ดังนั้นกระหม่อมจึงใช้ทางอ้อมเดินมาไกลหน่อยพ่ะย่ะค่ะ” หนานหนานตอบอย่างเชื่อฟัง
กล่าวจบก็เริ่มยืดหัวมองไปรอบๆ ตำหนัก “ไทเฮา เย่หลานเวยเล่าพ่ะย่ะค่ะ เขาไปไหนแล้วหรือ? ไทเฮาเหตุใดจึงทรงเรียกกระหม่อมมาอย่างเร่งรีบเช่นนี้ เย่หลานเวยก่อเรื่องแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ ทรงวางพระทัยเถิด กระหม่อมจะจัดการเขาเอง”
ในที่สุดเย่หลานเวยที่อยู่ข้างๆ ก็เกิดรู้สึกไม่เป็นธรรมขึ้นมา เม้มปากมองหนานหนาน กล่าวเบาๆ “ข้าไม่ได้สร้างปัญหาเสียหน่อย”
“…” หนานหนานเบิกตากว้างมอง… ขันทีน้อยตรงหน้า ชั่วขณะนั้นก็งุนงงไป ไถลตัวลงจากพระที่นั่งของไทเฮา รีบวิ่งไปข้างกายเย่หลานเวย ดึงเขามามองดูรอบๆ แล้วกล่าวอย่างประหลาดใจ “เจ้า เหตุใดเจ้าจึงกลายเป็นขันทีไปได้? เจ้าถูกตอนแล้วหรือ?”
“อุ๊บ…” ไทเฮาดื่มน้ำลงไปอึกหนึ่ง แทบจะสำลักออกมา
ลวี่ฝูที่ยืนอยู่ข้างๆ รีบเดินหน้ามารับถ้วยชาจากพระหัตถ์ของไทเฮา ช่วยให้นางหายใจได้สะดวก
หนานหนานวิ่งไปตรงหน้าไทเฮาอย่างกระวนกระวาย “ไทเฮา พระองค์ พระองค์ ถึงแม้เย่หลานเวยจะสร้างปัญหา แต่พระองค์ก็ไม่ควรให้เขาเป็นขันทีนะพ่ะย่ะค่ะ เขาเป็นบุตรชายของท่านลุงสาม เป็นหลานแท้ๆ ของเสด็จปู่ เช่นนี้ เช่นนี้…”
ไทเฮาเคาะศีรษะเขาครั้งหนึ่งอย่างอารมณ์ไม่ดีนัก “เจ้าคิดอะไรกัน ข้าเพียงแค่ให้หลานเวยแต่งตัวแบบนั้นเพื่อให้ทำอะไรง่ายขึ้นหน่อย นี่อยู่ในวังหลวง จะมีฐานะใดที่ทำเรื่องต่างๆ ได้อย่างสะดวกเท่านางข้าหลวงและขันทีอีกเล่า หัวเล็กๆ ของเจ้านี่ หากไม่ได้ฉลาดเสียจนร้ายกาจ ก็คงเป็นคนโง่คนหนึ่ง”
หนานหนานอ้าปาก หัวเราะฮิๆ ออกมา “ไทเฮา กระหม่อมอยู่ต่อหน้าพระองค์จึงได้โง่เง่าเป็นพิเศษพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าเถียงสู้เจ้าไม่ได้หรอก” ช่างรู้จักทำให้คนเขาชอบใจ ไม่แปลกเลยที่ถึงแม้นางจะไม่ชอบเย่ซิวตู๋ แต่กลับชื่นชอบบุตรชายผู้นี้ของเย่ซิวตู๋อย่างมาก เด็กคนนี้มีความสามารถทำให้คนอื่นเขาเอ็นดู ใครก็สู้เขาไม่ได้
“เอาล่ะ ครั้งนี้ที่ข้าเรียกเจ้ามา ก็เพราะมีเรื่องอยากคุยกับเจ้า”
หนานหนานนั่งตัวตรงขึ้นมาทันที “พ่ะย่ะค่ะ ไทเฮาตรัสได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
ไทเฮากลับไม่ได้เอ่ยปากในทันที เพียงแต่ส่งสายตาให้ลวี่ฝู เดิมทีในโถงมีเพียงขันทีและนางข้าหลวงสองสามคน ตอนนี้เองก็พากันตามลวี่ฝูไปจนหมด แม้แต่เย่หลานเวยเองก็เดินไปแล้วหันกลับมามองเป็นระยะๆ
เพียงแต่ชั่วขณะนั้น ในโถงใหญ่ก็เหลือเพียงหนานหนานและไทเฮาเท่านั้น
ไทเฮาอุ้มเขามานั่งข้างๆ กล่าวเบาๆ “ครั้งก่อนเจ้าให้ลวี่ฝูมาบอกข้า ว่าให้จับตาดูการเคลื่อนไหวของคังเฟยไม่ใช่หรือ?”
หนานหนานกะพริบตา สีหน้าสับสน “คังเฟยคือใครหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
ไทเฮาอดไม่ได้ที่จะเคาะหัวเขาแรงๆ ครั้งหนึ่ง “เจ้าเด็กคนนี้นี่ คังเฟยคือหมู่เฟยขององค์ชายสี่อย่างไรเล่า”
“อ้อ…” หนานหนานเข้าใจในทันใด เกาหัวของตนอย่างเขินอายยิ่ง กล่าวด้วยความคับข้องใจ “ไทเฮา จะโทษกระหม่อมไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ ใครบอกให้เสด็จปู่มีนางสนมมากมายเพียงนี้ กระหม่อมจะจำได้ได้อย่างไร”
ไทเฮาส่งเสียงฮึดฮัด “ต่อไปไม่แน่ว่าเจ้าเองก็คงจะมีหลายคนเช่นกัน ข้าจะดูว่าเจ้าจะจำได้หรือไม่”
“กระหม่อมไม่มีหรอกพ่ะย่ะค่ะ” หนานหนานส่ายหน้า เอ่ยปากอย่างจริงจัง “ต่อไปกระหม่อมจะมีภรรยาเพียงคนเดียวก็พอ ท่านแม่บอกว่า ต่อไปต้องได้พบคนที่กระหม่อมชอบมากๆๆ เท่านั้นจึงจะแต่งงานได้ อีกอย่างหากแต่งงานกับนางแล้วก็จะไม่สามารถทำร้ายนางหรือทำให้นางผิดหวังได้ ไม่อย่างนั้นหากกระหม่อมทำร้ายบุตรสาวของผู้อื่น ต่อไปก็จะทำร้ายบุตรสาวของตนเองเช่นกัน อืม กระหม่อมคิดว่าท่านแม่กล่าวได้มีเหตุผลยิ่งนัก”
“ท่านแม่ของเจ้ากล่าวเช่นนั้นมีเหตุผลตรงไหนกัน เจ้าเป็นพระราชนัดดา ต่อไปเจ้าต้อง…” เสียงของไทเฮาหยุดลงในทันที มองไปยังท่าทางของหนานหนานที่เม้มปากสีหน้าจริงจัง ในใจก็เต้นรัวขึ้นมา
นางเป็นสตรี ถึงแม้จะผ่านวัยที่ใจเต้นรัวมานานแล้ว แต่ตอนนางยังอายุน้อย ก็มีคนมาบอกนางว่าหากแต่งงานกับนางแล้วจะไม่รังแกนาง จะไม่มีหญิงอื่นมาแย่งความโปรดปรานจากนางไป นางคิดว่าต่อให้ไม่ใช่ไทเฮา นางเองก็คงเต็มใจกระมัง
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ แต่อย่างไรสตรีก็ยังหวังจะได้พบสามีที่ดีกับตนเพียงคนเดียวไปตลอดชีวิต นางเองก็เป็นเช่นนั้น
คิดถึงตรงนี้ ในที่สุดไทเฮาก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ พลางส่ายพระพักตร์ ไม่คิดเรื่องเหล่านี้อีก
หนานหนานมีบิดามารดา มีฝ่าบาท อนาคตของเขานั้นนางไปยุ่งด้วยไม่ได้ เกรงว่าคงไม่รอให้นางไปยุ่งเกี่ยวเสียด้วยซ้ำ
ไทเฮาแย้มสรวลออกมา “เหตุใดจึงมาพูดเรื่องนี้เสียแล้ว เรื่องการแต่งงานและมีบุตรของเจ้าเอาไว้ก่อนเถิด ข้าบอกเจ้าเรื่องคังเฟยเสียจะดีกว่า”
หนานหนานตอบสนองในทันใด ราวกับว่าคุยไปคุยมาจู่ๆ ก็เปลี่ยนประเด็น เขารีบนั่งให้ดีอย่างจริงจัง “คังเฟยมีอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“พฤติกรรมของคังเฟยนั้นแปลกมาก ข้าให้คนไปจับตาดูนาง พบว่านางดูมีท่าทางลับๆ ล่อๆ เล็กน้อย ทุกวันจะนำกล่องอาหารเข้าไปในห้องๆ หนึ่ง ข้าอยากจะส่งคนไปสืบให้ลึกซึ้ง แต่เหมือนว่าข้างกายคังเฟยจะมียอดฝีมือคอยคุ้มครองอยู่ คนข้างกายของข้าจึงไม่กล้าลงมือบุ่มบ่าม”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คนที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องนั้นคือใครล่ะเนี่ย
ไหหม่า(海馬)