ตอนที่ 994 บาดเจ็บสาหัส
ตอนที่ 994 บาดเจ็บสาหัส
เสิ่นอิงและฟ่านฉี่อวิ๋นรีบวิ่งมาหา
“หนานหนาน ท่านเป็นอะไรหรือไม่”
หนานหนานส่ายหน้า เมื่อเห็นว่าบนร่างของเสิ่นอิงและฟ่านฉี่อวิ๋นเต็มไปด้วยคราบเลือด ก็รู้ว่าการต่อสู้เมื่อครู่นี้คงดุเดือดมาก
เสิ่นอิงเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นคนสองคนกำลังต่อสู้กับชายชุดดำ ก็ถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ “องค์ชายแปด? แม่นางจิน? พวกเขามาที่นี่ได้อย่างไร?”
เมื่อพูดจบ สายตาของเขาก็เปลี่ยนไปมองเผิงอิงอีกครั้ง แล้วพูดขณะขมวดคิ้ว “เผิงอิงได้รับบาดเจ็บหรือ? บัดซบ ข้าจะรีบไปช่วย”
“เดี๋ยวก่อน!!” หนานหนานรีบคว้าตัวเสิ่นอิงที่กำลังจะวิ่งไปข้างหน้า ก่อนจ้องมองเผิงอิงที่อยู่ไม่ไกลด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ท่านลุงเสิ่น เผิงอิงเป็นไส้ศึกขอรับ”
ฝีเท้าของเสิ่นอิงหยุดลงทันที เขาก้มหน้ามองหนานหนานด้วยความประหลาดใจ “เจ้า เจ้าว่าอย่างไรนะ?”
“เขาเป็นไส้ศึก เป็นไส้ศึกที่เหมิงกุ้ยเฟยวางไว้ข้างพ่อของข้า บาดแผลที่แขนของเขานั้น ข้าเป็นคนฟันเขาเองขอรับ”
เสิ่นอิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดด้วยความไม่เชื่อว่า “หนานหนาน เจ้า เจ้าเข้าใจผิดหรือไม่? เผิงอิงจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร? เขา เขาเคย เขาเคยเกือบตายเพื่อช่วยท่านอ๋องเชียวนะ มันจะเป็นไปได้อย่างไร?”
“มันเป็นความจริง ท่านลุงเสิ่น ข้ารู้ว่ามันยากสำหรับท่านที่จะยอมรับ แต่ตอนนี้เขายอมรับด้วยตัวเองแล้ว วันนี้เขาสมรู้ร่วมคิดกับขันทีคนนั้น เพราะจงใจพาข้าออกมา แล้วล่อให้ท่านไปสู้กับผู้ติดตามของเขา เพื่อจะจับตัวข้าไปให้เหมิงกุ้ยเฟย”
ใบหน้าของเสิ่นอิงเปลี่ยนไปในทันที ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังเผิงอิง
ฝ่ายหลังเบะปากเยาะเย้ย สายตาเย็นชายิ่งนัก ทั้งฟ่านฉี่อวิ๋นและเสิ่นอิงมาแล้ว ดูเหมือนว่าวันนี้จะไม่ง่ายเสียแล้ว
“ข้าจะฆ่าเขา!!” มุมปากของเสิ่นอิงเม้มแน่น ก่อนจะยกดาบขึ้น แล้วพุ่งไปหาเผิงอิงทันที
หนานหนานตกใจ “ท่านลุงเสิ่น ฝีมือเขาล้ำลึกมาก อย่าหุนหันพลันแล่นนะขอรับ”
ความสัมพันธ์มากกว่าสิบปี ความเป็นพี่น้องที่มากกว่าสิบปี คาดไม่ถึงเลยว่าทั้งหมดนั้นจะเป็นของปลอม ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยต่อสู้เคียงข้างกัน ขับไล่ศัตรูด้วยกัน และช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างรู้ใจ
พวกเขาสามารถสละชีวิตให้กันได้ แต่… แต่วันนี้เขาได้รู้แล้วว่าคนที่เป็นดั่งพี่น้อง แท้จริงแล้วคือไส้ศึก และเป็นไส้ศึกที่ถูกส่งมาอยู่เคียงข้างเจ้านายของเขา
เมื่อนึกว่าหลายครั้งที่เจ้านายต้องเผชิญอันตรายล้วนเป็นฝีมือของเผิงอิง เมื่อนึกว่าพี่น้องต้องยอมเสียสละชีวิตเพื่อปกป้องเจ้านายก็เพราะฝีมือของเผิงอิง เสิ่นอิงก็รู้สึกว่าเลือดในร่างกายของเขากำลังเดือดพล่าน เส้นเลือดสีน้ำเงินบนหน้าผากเขาถึงกับปูดโปนขึ้นมาหลายเส้น
เมื่อเผชิญหน้ากับเผิงอิงเช่นนี้ เขาจะยังใจเย็นได้อย่างไร เขาจะไม่หุนหันพลันแล่นได้อย่างไร?
หนานหนานกระทืบเท้า แล้วพูดกับฟ่านฉี่อวิ๋นที่ยืนอยู่ข้างเขาว่า “ท่านอาฟ่าน รีบไปช่วยเร็วเข้า ท่านอาแปดและท่านน้าจินกำลังจะทนไม่ไหวแล้วขอรับ”
。
“ได้เลย” ฟ่านฉี่อวิ๋นรู้ว่าหนานหนานแข็งแกร่งเพียงไหน เพราะเคยต่อสู้กับเขามาก่อน ไม่เหมือนกับจินหลิวหลีและเย่ฮ่าวหราน ที่กระตือรือร้นที่จะปกป้องหนานหนานจากอันตรายอย่างเดียว เขาจึงเต็มใจต่อสู้เคียงข้างกับหนานหนาน
ร่างสองร่าง ร่างหนึ่งใหญ่และร่างหนึ่งเล็ก พุ่งเข้าหากลุ่มคนเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าชายชุดดำเหล่านั้นจะทรงพลัง แต่พวกเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่ฮ่าวหรานและจินหลิวหลี พวกเขาจึงถูกกำราบไปครึ่งหนึ่งแล้ว
แต่พวกเย่ฮ่าวหรานก็กำลังมีปัญหาเช่นกัน สิ่งสำคัญที่สุดคือพวกเขาเริ่มหมดแรง
เมื่อมีหนานหนานและฟ่านฉี่อวิ๋นเพิ่มเข้ามา ภาระของทั้งสองก็ลดลงมากทันที
เผิงอิงเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าเป็นไปไม่ได้จริง ๆ ที่จะพาหนานหนานออกไป ตอนนี้หนทางที่ดีที่สุดคือรีบหนี
เขาหันหลังกลับเตรียมจะหนีไป แต่มีร่างหนึ่งยืนขวางหน้าเขาอยู่
เผิงอิงขมวดคิ้วมองเสิ่นอิงผู้มีใบหน้าซีดเซียว และมีแววตาที่บ่งบอกว่าต้องการฆ่าเขา จึงเอ่ยเย้ยหยัน “อะไรกัน? เจ้าอยากจะต่อสู้กับข้าหรือ?”
“เหตุใดเจ้าถึงต้องทรยศต่อท่านอ๋องด้วย?”
“ทรยศหรือ?” เผิงอิงส่ายหน้าด้วยท่าทางภาคภูมิใจ
เสิ่นอิงไม่เคยเห็นท่าทางเช่นนี้ของเผิงอิงมาก่อน เผิงอิงในความทรงจำของเขามีแต่ความน่าเคารพ สุภาพ ใจดีและร่าเริงอยู่เสมอ
“เสิ่นอิง เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่เคยทรยศต่อท่านอ๋อง เพราะข้าไม่เคยเป็นคนของท่านอ๋อง แล้วข้าจะทรยศได้อย่างไร?” เผิงอิงหัวเราะ “ข้าเคยภักดีต่อหว่านเฟย แต่น่าเสียดายที่หว่านเฟยมีอารมณ์รุนแรงและไม่มีทางออกอื่น หลังจากนางตาย ข้าก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสวามิภักดิ์ต่อเหมิงกุ้ยเฟย เหมิงกุ้ยเฟยเป็นคนทะเยอทะยานที่แท้จริง เพื่อช่วยให้โอรสได้ขึ้นครองบัลลังก์ นางไม่เคยสนใจว่าองค์ชายเจ็ดจะขึ้นครองราชย์อย่างสมศักดิ์ศรีหรือไม่”
เสิ่นอิงตัวสั่นด้วยความโกรธ เมื่อสักครู่นี้เขายังมีความหวังริบหรี่อยู่ โดยหวังว่าหนานหนานจะเข้าใจผิด หวังว่าเขาจะได้ยินผิดไป
แต่หลังจากได้ยินคำพูดของเผิงอิง เขาก็สิ้นหวังอย่างแท้จริง
เป็นเพราะเขาไม่แข็งแกร่งพอ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาจึงไม่รู้จักโฉมหน้าที่แท้จริงของเผิงอิง
“ในเมื่อหว่านเฟยตายแล้ว เหตุใดเจ้าไม่รับใช้ท่านอ๋องเล่า? ท่านอ๋องปฏิบัติต่อเจ้าด้วยความเมตตามาโดยตลอด ครั้งสุดท้ายที่เจียงเฉิง เจ้าได้รับบาดเจ็บและต้องการยาแก้พิษ แม่นางอวี้ขอให้ท่านอ๋องซื้อยาให้ในราคาสิบห้าล้านตำลึง แล้วท่านอ๋องก็ตกลงโดยไม่แม้แต่จะคิดด้วยซ้ำ เป็นเช่นนี้แล้วเหตุใดเจ้าจึงไม่ภักดีต่อเจ้านาย?”
เผิงอิงหรี่ตาเย้ยหยัน “ที่ข้าได้รับบาดเจ็บก็เพราะท่านอ๋อง จึงไม่แปลกหรอกที่ท่านอ๋องจะใช้เงินสิบห้าล้านตำลึงเพื่อช่วยข้า ฮึ่ม ท่านอ๋องเป็นเจ้านายที่ดีก็จริง แต่น่าเสียดายที่เขาไม่โหดเหี้ยมและไม่ทะเยอทะยานพอ เขาไม่อยากเป็นฮ่องเต้ หากข้ายังติดตามเขาอยู่ ข้าจะมีอนาคตหรือ? สุดท้ายก็จะยังเป็นแค่องครักษ์ต่ำต้อย เป็นคนรับใช้ที่คนอื่นสามารถเหยียบย่ำได้ตามใจ “
เสิ่นอิงอ้าปากค้าง เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเผิงอิงจะมีความคิดเช่นนี้ “เป็นไปได้หรือว่าเจ้าจะไม่ใช่คนรับใช้ หากเจ้าติดตามเหมิงกุ้ยเฟย?”
“เหมิงกุ้ยเฟยสัญญากับข้าว่าเมื่อองค์ชายเจ็ดขึ้นครองราชย์ ข้าจะได้เป็นข้าหลวงผู้สูงศักดิ์ ดังนั้นข้าจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเสนาบดี” เมื่อเผิงอิงพูดเช่นนี้ ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย
เสิ่นอิงหัวเราะเยาะ “คนโง่นอนฝันกลางวัน วันนี้ข้าจะปลุกเจ้าให้ตื่นเอง”
ขณะที่เขาพูด กระบี่ในมือของเขาก็ฟันไปยังเผิงอิง
เผิงอิงเอียงตัวหลบ แล้วเบะปากเยาะเย้ย กระบี่ในมือของเสิ่นอิงถูกปัดออก
เสิ่นอิงรู้สึกเพียงมึนงง ด้ามกระบี่เกือบจะหลุดออกจากมือของเขา
เขารีบถอยหลังไปสองก้าว กำด้ามกระบี่แน่น แล้วฟันไปที่เผิงอิงอีกครั้ง โดยไม่คำนึงถึงเลือดสีแดงสดบนฝ่ามือ
เผิงอิงยกยิ้ม “ตอนนี้เจ้าน่าจะได้รับบาดเจ็บแล้ว อีกทั้งยังเหนื่อยมากด้วย เจ้าคิดหรือว่าเจ้าจะฆ่าข้าได้?”
“จะรู้ได้อย่างไรหากไม่ลอง?” แม้ว่าเขาจะพูดเช่นนี้ แต่หัวใจของเสิ่นอิงก็เต้นรัว ช่วงเวลาแห่งการต่อสู้นี้ เขาเข้าใจชัดเจนแล้วว่าวรยุทธ์ของเผิงอิงนั้นทรงพลังกว่ามาก มันลึกล้ำเกินกว่าที่เขาจะเข้าใจ
เผิงอิงพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา เมื่อเห็นว่าชายชุดดำเหล่านั้นถูกหนานหนานตัดหัว เขาก็รู้ว่าไม่อาจรอช้าได้อีกต่อไป เขาจึงรีบยกกระบี่ขึ้นต่อสู้ แล้วร่ายเพลงกระบี่อย่างรวดเร็วฉับพลัน
บาดแผลบนร่างกายทำให้เสิ่นอิงเจ็บปวดมาก การเคลื่อนไหวของมือเขาจึงแข็งทื่อ เมื่อเผิงอิงยกกระบี่ขึ้นฟันอีกครั้ง ดวงตาของเขาก็แดงก่ำ และใช้กำลังทั้งหมดที่มีปัดคมกระบี่ออกไป
กระบี่ในมือของพวกเขาร่วงลงพร้อมกัน และถอยหลังไปสองก้าว
ร่องรอยของความเกลียดชังฉายแววในดวงตาของเผิงอิง ก่อนที่เสิ่นอิงจะทันได้ยืนนิ่ง ลมฝ่ามือคำรามก็ซัดเข้าที่หน้าอกเขาทันที
สีหน้าของเสิ่นอิงเปลี่ยนไปมาก เขากระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง ขณะลอยขึ้นไปกลางอากาศ แล้วตกลงมาอย่างแรง…
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
โอ๊ยตายแล้ว ท่านเสิ่นจะรอดไหม
ไหหม่า(海馬)