ตอนที่ 1050 ยืนยันบางเรื่อง
ตอนที่ 1050 ยืนยันบางเรื่อง
ขณะกำลังพูดคุย รถม้าก็หยุดลงแล้ว
คำถามของอวี้ชิงลั่วเองก็หยุดลง เย่ซิวตู๋กลับหัวเราะออกมา “เหตุใดเหมิงซินจึงกลายเป็นผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาของอวี้เฟิงถังได้ เข้าไปถามดูก็จะรู้เอง”
ม่านรถถูกเปิดขึ้น หนานหนานลุกขึ้นจากอ้อมแขนของเย่ซิวตู๋ก่อน จากนั้นก็กระโดดลงไป
เมื่อเข้าไปก็เห็นเป็นลานบ้านธรรมดา ที่ประตูมีคนสองคนเฝ้าประตูอยู่ ดวงตาราวเปลวเพลิง เมื่อเห็นเย่ซิวตู๋ ทั้งสองคนก็สบตากันแล้วเดินตรงมาทันที ท่าทางเคารพนบนอบอย่างมาก “ท่านอ๋อง มาแล้วหรือขอรับ? ท่านผู้นำและท่านผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายรออยู่ด้านในนานแล้วขอรับ”
เย่ซิวตู๋พยักหน้า พาอวี้ชิงลั่วและหนานหนานเดินเข้าไปข้างใน
ทว่าเพิ่งจะเข้าประตู ก็เห็นผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายผู้ไว้เครายาวสีขาวเดินเข้ามาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม
“ท่านอ๋องซิวรักษาสัญญาเสียจริง เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าจะมารวดเร็วเพียงนี้ กลับทำให้ข้าแปลกใจยิ่งนัก”
“ไม่เร็วหรอกขอรับๆ พวกเราล้วนกินข้าวเย็นกันก่อนค่อยมาขอรับ” หนานหนานตอบอย่างรวดเร็ว
“…” ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายมุมปากกระตุก มองท่าทางของหนานหนานที่เอียงคอทำหน้าไร้เดียงสา ก็ทำได้เพียงเงยหน้ามองฟ้า
เย่ซิวตู๋และอวี้ชิงลั่วกลั้นขำ กระแอมสองครั้งแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายพาพวกเราไปพบท่านผู้นำก่อนเถิด”
ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายมองหนานหนานแวบหนึ่ง จากนั้นก็นำทั้งสองคนเข้าไปในห้องทางด้านใน
หนานหนานถูกเขามองด้วยสายตาที่ไม่สามารถอธิบายได้ จึงเกาศีรษะของตน ร่างเล็กๆ อดสั่นขึ้นมาไม่ได้
แววตาของผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายเมื่อครู่นี้… น่ากลัวเล็กน้อย
กลุ่มคนพากันเข้าห้องไป ก็เห็นผู้นำหนิงกำลังนั่งพิงหัวเตียง หลับตาพักผ่อน ดูท่าทางเหน็ดเหนื่อยอย่างมาก
อวี้ชิงลั่วมองแวบหนึ่งก็รู้ว่าถึงแม้จะกินยาช่วยชีวิตของเย่ซิวตู๋ไป แต่อย่างไรเสียก็เจ็บลึก ผู้นำหนิงผู้นี้คงไม่อาจฟื้นฟูร่างกายได้ในเวลาอันสั้น
ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายเดินไปข้างหน้า กระซิบที่หูของผู้นำหนิง
จากนั้นผู้นำหนิงจึงลืมตาขึ้น เลื่อนสายตาเล็กน้อย มองไปทางเย่ซิวตู๋ “ท่านอ๋องซิว ท่านมาแล้วหรือ”
“ผู้นำหนิง หวังว่าที่ผ่านมาจะปลอดภัยดี” เย่ซิวตู๋พาอวี้ชิงลั่วเดินไปข้างหน้าแล้วเอ่ยแนะนำ “นี่คือชิงเอ๋อร์ และเป็นแม่นางชิง หมอปีศาจที่คนเขาลือกัน”
จากนั้นผู้นำหนิงจึงเลื่อนสายตาไปมองอวี้ชิงลั่ว จดจ้องนางอย่างพิจารณา
แววตาของอวี้ชิงลั่วสุกสว่าง พยักหน้าให้เขาด้วยรอยยิ้ม
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าแม่นางชิง หมอปีศาจนี้เป็นหญิงสาวรูปงาม แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะยังอายุน้อยเพียงนี้ ประสบความสำเร็จในวัยเพียงเท่านี้ ท่านอ๋องซิว… ช่างโชคดีนัก”
อวี้ชิงลั่วประหลาดใจเล็กน้อย กับคนที่ได้พบกันเป็นครั้งแรก ทั้งยังเป็นชายคนหนึ่งที่มีสถานะสูงส่งและมีอำนาจในยุคนี้ กล่าวคำที่เห็นได้ชัดว่าชื่นชมสถานะของสตรีเช่นนี้ ช่างทำให้นาง… ชื่นชอบยิ่งนัก
นางเลิกคิ้วเล็กน้อย มองไปยังเย่ซิวตู๋อย่างมีชัย แววตาดูเหมือนกำลังกล่าวว่า ได้ยินหรือไม่ ข้าบอกว่าข้าคือโชคดีของท่าน
เย่ซิวตู๋มองนางอย่างจนปัญญา บางครั้งท่าทางของชิงเอ๋อร์ก็เหมือนกับหนานหนานอย่างมาก เช่นเดียวกับตอนนี้ที่มีท่าทางยกหางตนเอง เหมือนกันอย่างกับแกะ
อวี้ชิงลั่วโอ้อวดเสร็จแล้วก็นั่งลงข้างเตียงอย่างพึงพอใจ เอ่ยออกมาก่อน “สีหน้าของท่านผู้นำหนิงไม่สู้ดีนัก เดี๋ยวข้าขอดูอาการให้ท่านผู้นำหนิงก่อน”
“ต้องลำบากแล้ว”
เย่ซิวตู๋ยิ้มพลางส่ายหน้า ผู้นำหนิงช่างเป็นคนเจ้าเล่ห์นัก รู้ว่าตอนนี้อำนาจตัดสินใจทั้งหมดอยู่ในมือของชิงเอ๋อร์ ก็ยกยอนางอย่างแนบเนียน
ชิงเอ๋อร์ยินดีตรวจอาการให้คนแปลกหน้าเช่นนี้ ทั้งยังดูมีความสุขและตื่นเต้นอีกด้วย ช่างหาดูได้ยากนัก
เย่ซิวตู๋นั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ จากนั้นผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายก็ยกน้ำชาให้เขา จิบมันช้าๆ
ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็กล่าวเสียงต่ำ “ท่านผู้นำหนิง คาดว่าท่านผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายคงบอกท่านถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้แล้ว ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากจะยืนยันกับท่านผู้นำหนิงเสียหน่อย”
ไม่ได้อยากถาม แต่ต้องการยืนยัน ยืนยันเรื่องที่เขาคิดอยู่ในใจ
“ยืนยันหรือ?” ผู้นำหนิงหัวเราะออกมา “เชิญท่านอ๋องซิวกล่าวมาเถิด”
“เหมิงซินน่าจะเข้ามาอยู่ในอวี้เฟิงถังเมื่อสามสิบห้าปีก่อนใช่หรือไม่”
“ใช่แล้ว” อวี้ชิงลั่วกำลังฝังเข็มให้กับผู้นำหนิง เดิมทีหัวใจเขาตึงเครียด แต่เมื่ออยู่ใต้การกระทำของนาง จู่ๆ ทั้งร่างก็เบาสบายขึ้นมา การพูดการจาก็คล่องแคล่วขึ้นมา “ชื่อที่เขาใช้ตอนอยู่ในอวี้ฟิงถังนั้นไม่ใช่เหมิงซิน ตอนนั้นก็เป็นอดีตผู้นำที่รับเขาเข้ามา เหมิงซินฝีมือไม่เลว อดีตผู้นำบังเอิญไปพบเข้าตอนออกไปข้างนอก เขาบอกว่าตนเป็นเด็กกำพร้า ท่านอดีตผู้นำจึงพาเขาและพี่น้องเขากลับมา”
กล่าวจบ ผู้นำหนิงก็หัวเราะออกมา “ความจริงแล้ว ด้วยนิสัยระมัดระวังของท่านอดีตผู้นำ เกรงว่าจะตรวจสอบรู้แต่แรกแล้วว่าเหมิงซินเป็นชาวเหมิง เพียงแต่ไม่สามารถปล่อยไปได้ก็เท่านั้น จึงได้ทำเป็นไม่รู้มาโดยตลอด อีกอย่างในช่วงหลายปีนั้นเหมิงซินก็เชื่อฟังอย่างมาก เขาไม่เคยกลับดินแดนเหมิงเลย ทั้งยังกตัญญูต่ออดีตท่านผู้นำยิ่ง ท่านผู้นำก็รักและเอ็นดูเขาอย่างมาก ดังนั้น ให้ตายอย่างไรก็ไม่เคยบอกใครเกี่ยวกับสถานะและที่มาที่ไปของเขา ทั้งยังให้อำนาจกับเขาไม่น้อย ให้เขาตัดสินใจเรื่องพื้นฐานเพื่อที่ในอนาคตจะได้เป็นผู้พิทักษ์ฝ่ายขวา”
“เพียงแต่ที่ข้าคิดไม่ถึงก็คือ เหมิงซินไม่พอใจกับตำแหน่งผู้ทักษ์ฝ่ายขวานี้”
อวี้ชิงลั่วดึงเข็มกลับ กล่าวเสียงเรียบ “คนเราแก่ตัวลง ทำสิ่งใดก็สับสน บางครั้งก็ตัดสินใจหลายเรื่องจากอคติของตนเอง”
ผู้นำหนิงหัวเราะขื่นออกมาครั้งหนึ่ง “ใช่แล้ว ได้ยินว่าสมัยอดีตท่านผู้นำอายุยังน้อยนั้นตัดสินใจรวดเร็วเฉียบขาด จะทำสิ่งใดก็เด็ดขาด กล้าหาญเด็ดเดี่ยวอย่างมาก”
อวี้ชิงลั่วยักไหล่ ในประวัติศาสตร์นั้นมีตั้งกี่คนที่เป็นเช่นนี้ อย่างเช่นฮ่องเต้ผู้นั้นก็เป็นคนเฉียบขาดเช่นกันไม่ใช่หรือ เมื่อแก่ตัวไปกลับเพลิดเพลินกับการมั่วโลกีย์ ถูกคนด่าลับหลังจนเหมือนสุนัขเช่นกันไม่ใช่หรือ?
“เรื่องของเขาและเหมิงกุ้ยเฟย ข้าเองก็สืบรู้ก่อนที่จะถูกลอบสังหาร” ผู้นำหนิงมองเข็มที่อยู่ตรงหลังมือ รู้สึกได้ว่าเมื่อแทงเข็มเข้าไป ก็เหมือนว่าจะสบายตัวขึ้นมาหน่อย กล่าวต่อ “เหมิงกุ้ยเฟยออกจากดินแดนเหมิงมาตั้งแต่หลายปีก่อน ได้พบปะกับสองพี่น้องเหมิงซิน รู้จักกันมาเสียก่อนอดีตท่านผู้นำเสียอีก ตอนนั้นพวกเขาสามคนยังเล็ก ต่างก็หัวเดียวกระเทียมลีบ จึงพึ่งพากันขึ้นมา”
ในตอนนั้นเหมิงซินและเหมิงพั่วทั้งสองคนไม่ได้ปกปิดอดีตท่านผู้นำว่าตนเป็นชาวเหมิง แต่กลับปกปิดที่อยู่ของเหมิงกุ้ยเฟยอย่างแน่นหนา ไม่ให้ใครพบนางได้ทั้งนั้น เพียงแต่เมื่อผ่านไประยะหนึ่งก็ให้คนลอบเอาเงินไปไว้ให้นางใช้กินอยู่
ตอนนั้นเหมิงซินทั้งสองคนต่างก็ศึกษาวิชาต่อสู้อยู่ในอวี้เฟิงถัง อยู่ในอวี้เฟิงถังแทบจะทุกวัน ดังนั้นจึงไม่มีเวลาไปพบเหมิงกุ้ยเฟยมากนัก อีกทั้งทั้งสามคนนั้นยังอายุน้อย ปีหนึ่งก็จะเจอกันหนึ่งครั้ง อีกทั้งยังต้องรีบร้อนเพื่อไม่ให้ใครพบเข้า แม้แต่จะคุยกันก็ยังคุยไม่กี่ประโยค ดังนั้นความรู้สึกจึงยังคงบริสุทธิ์อยู่
ช่วงหลายปีนั้น คนของผู้อาวุโสสกุลเหมิงเองก็คอยตามหาเหมิงกุ้ยเฟย
หลังจากนั้นเมื่อพบตัวก็ให้คนพากลับดินแดนเหมิง
ผู้อาวุโสสกุลหมิงในตอนนั้นก็มีความคิดอยากจะชดเชยให้นาง แต่คิดไม่ถึงว่าเพียงเหมิงกุ้ยเฟยกลับดินแดนเหมิง เขาก็ทราบข่าวมาว่าฮ่องเต้ของอาณาจักรเฟิงชางกำลังต้องการเลือกสนมนางหนึ่งจากดินแดนเหมิง
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อ่อ เพราะงี้เหมิงซินเลยได้เข้ามาอยู่อวี้เฟิงถังง่ายๆ เลย คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ
ไหหม่า(海馬)