ตอนที่ 1054 แผนการของเผิงอิง
ตอนที่ 1054 แผนการของเผิงอิง
เผิงอิงเพ่งความสนใจไปที่เขา แล้วหัวเราะเบา ๆ “ข้ารู้ว่าท่านอ๋องคงต้องการทราบว่า ในเมื่อข้าอยู่กับท่านมาสิบห้าปี แล้วข้าไปเข้าร่วมอวี้เฟิงถังตั้งแต่เมื่อใดใช่หรือไม่?”
“ใช่” นี่เป็นจุดที่เย่ซิวตู๋แปลกใจมาก หากพูดกันตามเหตุผลแล้ว เผิงอิงไม่น่าจะมีโอกาสเข้าร่วมอวี้เฟิงถังเลย
เผิงอิงขยับตัวไปด้านข้าง แล้วเอนตัวพิงเสา
ดูเหมือนว่าเขาจะเจ็บปวดเพราะต้องสูญเสียวรยุทธ์ไป ขณะที่พูดก็ยังคงหายใจหอบเล็กน้อย
ทว่าเรื่องก็มาถึงจุดนี้แล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องปิดบังอีกต่อไป
“ท่านอ๋องรู้หรือไม่ว่าชื่อเดิมของข้าชื่ออะไร?” เผิงอิงถาม
เย่ซิวตู๋หรี่ตา เขาย่อมรู้อยู่แล้ว “ฮั่วหมิงเฟย”
“ใช่แล้ว ฮั่วเป็นนามสกุลพ่อของข้า เมื่อก่อนพ่อของข้าเป็นข้าหลวงฝ่ายปกครอง แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงข้าหลวงชั้นผู้น้อยอันดับเจ็ด แต่เขาก็ยังกดขี่ข่มเหง กังฉิน ละทิ้งหน้าที่ และกวาดต้อนลูกสาวของสามัญชนไปเป็นนางบำเรอ จนกระทั่งเขาถูกจอมยุทธ์สองคนลอบสังหาร ผู้คนต่างบอกว่าพวกเขาเป็นวีรบุรุษ ส่วนแม่กับน้องสาวของข้าก็ต้องตายไปด้วย”
เย่ซิวตู๋เม้มปากนิ่งเงียบ อันที่จริงเหตุการณ์นี้ก็เป็นเรื่องน่าตกใจมากในตอนนั้น
เมื่อฮ่องเต้ได้ยินว่ามีคนสังหารข้าหลวงในราชสำนักก็โกรธมาก จึงสั่งให้สอบสวนอย่างละเอียดในเวลานั้น คาดไม่ถึงเลยว่าหลังจากการสืบสวนดังกล่าว ก็พบว่าคนสกุลฮั่วได้ก่ออาชญากรรมร้ายแรง ด้วยความพิโรธ เขาจึงส่งคนสกุลฮั่วทุกคนไปที่ชายแดน ส่วนคนทั้งสองนั้นถูกจับกุมหรือไม่นั้น ไม่มีข้อมูลเพิ่มเติม
ย้อนกลับไปในตอนนั้น เผิงอิงในฐานะทายาทคนเดียวของสกุลฮั่วย่อมอยู่ในรายชื่อการปราบปรามด้วย แต่เขาหนีหายไปได้คนเดียว
ในเวลานั้นเขาเป็นเพียงเด็กอายุหกหรือเจ็ดขวบ
“เมื่อก่อนหลังจากที่ข้าหนีออกมา ข้าหิวและหนาวจนแทบจะอดตายอยู่ข้างถนน ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้พบใครบางคนจากอวี้เฟิงถัง คนผู้นั้นดูเหมือนจะมีตำแหน่งสูงในเวลานั้น เมื่อเขาเห็นว่าข้ามีสภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ดี เหมาะสำหรับการฝึกวิทยายุทธ์ เขาก็คิดว่าในอนาคตข้าน่าจะสามารถช่วยอวี้เฟิงถังได้ เขาจึงพาข้ากลับไป”
“อวี้เฟิงถังไม่สนใจว่าข้าจะเป็นลูกชายของอาชญากรหรือไม่ หรือเป็นผู้ลี้ภัยหรือเปล่า พวกเขาไม่สนใจเรื่องเหล่านี้เลย แล้วตกลงกันว่าจะเลี้ยงข้าไว้และเริ่มฝึกฝนข้า”
แต่อวี้เฟิงถังไม่รู้ว่าเผิงอิงเป็นคนทะเยอทะยานมาก เขากระตือรือร้นที่จะประสบความสำเร็จในการฝึกวิทยายุทธ์ จนกระทั่งเขาไปขโมยตำราฝึกวรยุทธ์ลับของอวี้เฟิงถังมาจากห้องตำรา
คนที่พาเขากลับมาบังเอิญรู้เรื่องนี้รู้เข้า เขาจึงไปหาเผิงอิงทันที แล้วสั่งให้เขาส่งตำราคืนมา ก่อนจะใช้ดาบแทงเขาตรงนั้นเลย
ในตอนนั้นเขาคิดว่าเด็กชายตายเพราะถูกแทง จึงโยนเผิงอิงลงในหลุมฝังศพ
คาดไม่ถึงเลยว่าเผิงอิงยังคงมีลมหายใจอยู่ เพราะได้รับการช่วยเหลือจากใครบางคน และสิ่งที่คนผู้นั้นไม่รู้ก็คือเผิงอิงได้คัดลอกตำราฝึกวรยุทธ์ลับไว้อีกเล่มหนึ่งแล้ว
แต่ถึงจะมีตำราฝึกวรยุทธ์ลับ เขาก็ยังไม่มีที่อยู่
จนกระทั่งวันนั้น เขาบังเอิญเจอเหวินเทียนอยู่ข้างเย่ซิวตู๋บนถนน
แม่ของเหวินเทียนกับแม่ของเผิงอิงเป็นพี่น้องกัน แต่เมื่อพวกนางแต่งงาน คนหนึ่งแต่งงานกับคนทางใต้ อีกคนแต่งงานกับคนทางเหนือ
ตอนนั้นสกุลเหวินได้ตกต่ำลง ตอนที่เหวินเทียนยังเด็กมาก เขาต้องประสบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะทั้งพ่อและแม่ของเขาเสียชีวิตลงด้วยโรคระบาด
ในเวลานั้นเหวินเทียนถูกคนรับใช้ในบ้านพาตัวไปที่บ้านสกุลฮั่ว เพื่อขออาศัยอยู่กับแม่ของเผิงอิง
เหวินเทียนอาศัยอยู่ในบ้านสกุลฮั่วอยู่ระยะหนึ่ง และในช่วงนั้นเขาและเผิงอิงก็ได้สนิทกัน ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองก็ดีมาก
เพียงแต่พ่อของบ้านสกุลฮั่วใจแคบ และไม่เต็มใจสนับสนุนคนไม่ได้ความ ดังนั้นเขาจึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อขับไล่เหวินเทียนออกไป
เหวินเทียนเป็นคนที่มีศักดิ์ศรี แม้ว่าเขาจะยังเด็ก แต่เมื่อเห็นว่าป้าของเขาทะเลาะกับลุงของเขาบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ เพราะตนเอง เขาจึงออกจากบ้านสกุลฮั่วไปเงียบ ๆ กลางดึก
แต่ก็ยังเป็นโชคดีของเขาที่พ่อของบ้านสกุลฮั่ว ถูกฆ่าตายภายในไม่กี่วันหลังจากที่เขาจากไป
ต่อมาเขาย้ายไปเมืองหลวง เมื่อเย่ซิวตู๋ได้มาเจอเข้าก็กลายเป็นองครักษ์ และได้รับการฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก
ดังนั้นเขาจึงมาอยู่ข้างเย่ซิวตู๋เร็วกว่าเผิงอิงหนึ่งปี ซึ่งเย่ซิวตู๋ก็ให้ความสำคัญกับเขามาก
เผิงอิงเห็นว่าเขาดูมีเกียรติมากเมื่อได้ยืนอยู่ข้างเย่ซิวตู๋ เผิงอิงจึงไปขออยู่กับเหวินเทียนด้วย และในเวลานั้นเขาจงใจแสดงทักษะบางอย่างต่อหน้าเย่ซิวตู๋
เหวินเทียนใจดีกับเผิงอิงมาก เขาไม่รู้ว่าเผิงอิงยังมีชีวิตอยู่ จนกระทั่งได้พบกับเผิงอิงวันนั้น
ตอนแรกเขาเข้าใจผิดว่าเผิงอิงถูกวีรบุรุษคู่นั้นสังหารไปแล้ว ถ้าเขารู้ว่าเผิงอิงยังมีชีวิตอยู่ เขาจะขอร้องให้เย่ซิวตู๋ไปช่วยเขาแน่นอน
เมื่อเหวินเทียนและเผิงอิงได้อยู่ด้วยกัน ทั้งคู่ก็กลายเป็นองครักษ์ที่เย่ซิวตู๋ฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก
เมื่อเทียบกับเหวินเทียนที่สามารถออกไปข้างนอกกับเย่ซิวตู๋ได้ เผิงอิงเลือกที่จะอยู่ในวังเป็นส่วนใหญ่ โดยไม่ออกไปไหนเลย สาเหตุหนึ่งคือถ้าเขาออกไป เขาอาจพบคนจากอวี้เฟิงถัง แล้วจะถูกจับได้ อีกสาเหตุคือเขาใช้โอกาสนี้แสดงให้เย่ซิวตู๋เห็นว่าเขาเป็นคนเงียบ ๆ แต่ขยันขันแข็ง และจะไม่ทะเยอทะยานเสียจนพยายามไปออกหน้าแทนเขา
ทว่าเย่ซิวตู๋ในตอนนั้นก็กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่เหมิงกุ้ยเฟยต้องการกำจัดเขา มันจึงไม่ง่ายเลยที่จะปกป้องลูกชายของอาชญากร
ดังนั้นเขาจึงจงใจกีดกันไม่ให้เผิงอิงปรากฏตัว และช่วยปกปิดตัวตนของเผิงอิงมากกว่าเดิม และให้เขาเปลี่ยนชื่อชั่วคราว และจะให้เปลี่ยนกลับเมื่อเขามีอำนาจในการตัดสินใจได้ในวันหนึ่ง
เผิงอิงเองก็ต้องการเปลี่ยนชื่อ เพราะชื่อฮั่วหมิงเฟยนั้นไม่เอื้ออำนวยต่อเขามากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นอวี้เฟิงถังหรือฮ่องเต้ได้ยินชื่อนี้ ชีวิตของเขาก็จะไม่ปลอดภัย เขาคาดไม่ถึงว่าเย่ซิวตู๋จะเสนอประเด็นนี้ขึ้นมา
อีกทั้งเขายังถือโอกาสแสดงความเกลียดชังสกุลฮั่วสุดขีด ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อของเขา ครอบครัวของเขาคงไม่มาถึงจุดนี้ แม่กับน้องสาวของเขาก็คงไม่ตาย เขาจึงไม่ต้องการใช้นามสกุลฮั่ว แต่เปลี่ยนไปใช้นามสกุลของแม่ โดยเปลี่ยนชื่อเป็นเผิงอิง และวางแผนไว้ว่าจะไม่เปลี่ยนนามสกุลกลับไปอีกตลอดชีวิตที่เหลือของเขา
สกุลเผิงเป็นนามสกุลของแม่ของเหวินเทียนด้วย เมื่อเขาได้ยินเช่นนั้นก็ย่อมรู้สึกยินดีและมีความสุขมาก
ส่วนเผิงอิงก็แอบฝึกวิทยายุทธ์ของอวี้เฟิงถัง ทำให้วรยุทธ์ของเขาพัฒนาขึ้นมาก
เมื่อเขาพบกับอวี้ชิงลั่วครั้งแรกในเจียงเฉิง และได้รับบาดเจ็บสาหัสจนถูกหามเข้าไป อันที่จริงเขารู้อยู่แล้วว่ามีดเล่มนั้นแทงไม่โดนจุดสำคัญ ตราบใดที่เขายืนหยัดเพื่อเย่ซิวตู๋ สถานะของเขาก็จะยิ่งน่าไว้วางใจมากขึ้น
แน่นอนว่าเย่ซิวตู๋เต็มใจแลกทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่ง กับชีวิตของเขา
แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดในเวลานั้น ก็คือมีดที่โจมตีเขาเคลือบพิษร้ายแรงเอาไว้ด้วย
โชคดีที่เขาไม่ตาย และได้พบกับอวี้ชิงลั่ว
เมื่ออวี้ชิงลั่วได้ยินเรื่องนี้ นางก็รู้สึกเสียดาย “ฮึ่ม ถ้าข้ารู้เร็วกว่านี้ ตอนนั้นข้าคงไม่ช่วยเจ้า แล้วเสียยาแก้พิษที่ดีไปแล้ว”
“เพ้ย ข้าก็ไม่ได้คาดหวังว่าให้เจ้ามาอยู่ข้างท่านอ๋องเช่นกัน เพราะมีแต่จะทำให้เขามีอำนาจมากขึ้น” เผิงอิงตวาดอย่างเย็นชา
เย่ซิวตู๋เม้มปากแน่น สีหน้าโกรธจัด
เหวินเทียนกัดฟันแน่นกว่าเดิม เขาไม่คาดคิดว่าการพบกันอีกครั้งระหว่างเขากับเผิงอิงหลังจากห่างหายไปนานก็อยู่ในแผนการของเผิงอิงเช่นกัน เขาช่างโง่เขลาจริง ๆ เป็นความผิดของเขาเอง ที่พาหมาป่าตาขาวตัวนี้มาให้เจ้านายเลี้ยง
“แล้วเจ้ากลายเป็นคนของหว่านเฟยได้อย่างไร?” เย่ซิวตู๋ถามด้วยเสียงเย็นชา
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ แผนการล้ำลึกมาก
ไหหม่า(海馬)