ตอนที่ 1068 ลงมือก่อน รายงานทีหลัง
ตอนที่ 1068 ลงมือก่อน รายงานทีหลัง
ถึงแม้จะสอดคล้องกับความคิดของเย่ซิวตู๋และฮ่องเต้ ทว่า…
“ทางด้านไทเฮาและฮองเฮานั้น เกรงว่าจะไม่สามารถโน้มน้าวได้ง่ายนักพ่ะย่ะค่ะ” เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว “ยิ่งไปกว่านั้น อย่างไรเสียเขาก็เป็นบิดาของหลานเฉิง ต่อให้ตอนนี้จะกลายเป็นเหมือนน้ำกับไฟ แต่หลานเฉิงก็ไม่ใช่คนจิตใจโหดเหี้ยมเพียงนั้น”
อดีตองค์รัชทายาทเป็นโอรสแท้ๆ ของฮองเฮา ต่อให้ฮองเฮาจะผิดหวังที่โอรสผู้นี้ไม่มีความพยายาม แต่ให้เขาตายไปเช่นนั้น ฮองเฮาจะต้องไม่ทนเป็นแน่
ไทเฮาและฮองเฮายังเป็นอาหลานกัน ดังนั้นจึงดีกับอดีตองค์รัชทายาทมากกว่าองค์ชายคนอื่นๆ หน่อย
อย่างไรหลายปีมานี้เขาก็ไม่ได้กระทำการใด แต่อย่างไรก็ยังมีความรู้สึกอยู่ในนั้น
ส่วนเย่หลานเฉิง เขาเกลียดทุกสิ่งที่อดีตองค์รัชทายาทกระทำ แต่หากจะให้ดูเขาตายไปต่อหน้าต่อตา จะทนอยู่ได้อย่างไร
ฮ่องเต้เองก็ถอนหายใจ เมื่อคิดถึงเรื่องเหล่านี้ เขาก็ยิ่งเกลียดอดีตองค์รัชทายาทเข้าไปอีก
พระองค์เม้มพระโอษฐ์เล็กน้อย ผินพระพักตร์ไปตรัสกับเย่ซิวตู๋ “ทางด้านไทเฮาและฮองเฮานั้น ข้าจัดการเอง ส่วนหลานเฉิง เขาเป็นเด็กฉลาด ครั้งนี้ท่านแม่ของเขาก็ถูกทำร้ายจนเป็นเช่นนั้น ในใจเขาจะต้องมีความโกรธแค้นอยู่เป็นแน่ ความรู้สึกที่มีต่ออดีตองค์รัชทายาทก็เกรงว่าจะจางหายไปแล้ว ก็รู้แน่ชัดว่าอดีตองค์รัชทายาทคงไม่มีจุดจบที่ดีนัก เจ้าให้หนานหนานคอยอยู่กับเขา ให้เขาสงบใจดูแลตนเองให้ดีเป็นใช้ได้ เด็กคนนั้นมีสวีโหรวคอยดูแล ทั้งยังมีพวกเจ้าคอยดูแลอีกด้วย ข้าเองก็วางใจ ส่วนโลกภายนอกนั้น… เจ้าก็บอกว่าองค์ชายเจ็ดจับอดีตองค์รัชทายาทและพระชายาไว้ อดีตองค์รัชทายาทถูกทรมานจนบาดเจ็บสาหัส ไม่อาจช่วยชีวิตไว้ได้”
เช่นนั้นก็คือ… ต้องทำให้ตายอย่างลับๆ เช่นนั้นก็ดี
“พ่ะย่ะค่ะ ลูกทราบแล้ว”
เย่ซิวตู๋กล่าวจบก็ชะงักไป เงยหน้ามองฮ่องเต้แวบหนึ่ง กล่าวออกมาอย่างลังเล “เสด็จพ่อ เรื่องหมู่… เหมิงกุ้ยเฟย ไม่ได้ถูกลูกฆ่าพ่ะย่ะค่ะ”
ถึงแม้ฮ่องเต้จะรู้ว่าเหมิงกุ้ยเฟยไม่ใช่หมู่เฟยของเขา ต่อให้เขาจะลงมือด้วยตนเอง ก็ไม่ถือว่าเป็นการฆ่ามารดา
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร นั่นก็เป็นนางสนมของฮ่องเต้ เป็นท่านแม่ในนามของเขา เขาไม่อยากให้ฮ่องเต้คิดว่าตนเป็นคนเย็นชาไร้ความรู้สึก ทำทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุผล ต่อหน้าท่านพ่อแล้ว เขามีเพียงใบหน้าเดียว นั่นก็คือ… ลูกกตัญญู
ฮ่องเต้ตะลึงไป “เช่นนั้นใครเป็นคนฆ่ากัน?”
เย่ซิวตู๋คิดพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ก็คิดว่าเล่าเรื่องอวี้เฟิงถังให้เขาฟัง เพียงแต่ปิดบังสถานะของเหมิงซินเอาไว้ บอกเพียงว่าเหมิงกุ้ยเฟยบังเอิญได้รู้จักผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาของอวี้เฟิงถัง ร่วมมือกับเขาจึงได้กล้ากระทำการเช่นนี้ ทั้งสองคนล้วนถูกผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายของอวี้เฟิงถังฆ่า ถือว่าเป็นการเก็บกวาดสำนัก
ตัวตนของเหมิงซินละเอียดอ่อน ด้วยเป็นคนรักของเหมิงกุ้ยเฟย ความสัมพันธ์เช่นนี้จะทำให้ฮ่องเต้เสื่อมเกียรติ ย่อมไม่สามารถเอ่ยออกมาได้
ฮ่องเต้สดับฟังจบ สีพระพักตร์ก็แข็งทื่อไปทันใด “ข้าแปลกใจมาโดยตลอด เจ้าเจ็ดเป็นกบฏ สร้างสงคราม เหตุใดอวี้เฟิงถังจึงไม่มีการเคลื่อนไหวใด ที่แท้ก็ร่วมมือกับเจ้าเจ็ดอย่างลับๆ นี่เอง”
“ตอนนี้สถานการณ์โดยรวมคงที่แล้ว พวกคนชั่วที่ยังเหลือตกค้างอยู่ ทั้งหมดให้ลูกจัดการเป็นใช้ได้พ่ะย่ะค่ะ” โนเวล-พีดีเอฟ
ฮ่องเต้พยักพระพักตร์ เขาเองก็ไม่อยากเข้าไปจัดการมากนัก
ในช่วงเวลานี้ ถึงแม้เขาจะไปยุ่งกับเรื่องภายนอกไม่มากนัก แต่อย่างไรก็ยังมีความรู้สึกอยู่ ทำให้ไม่สามารถพักผ่อนอย่างสงบได้ แต่ตอนนี้คงสามารถตายตาหลับได้แล้ว
เขาถอนหายใจ ลูบพระขนงอีกครั้ง ทันใดนั้นก็เหมือนว่าคิดสิ่งใดออก สีพระพักตร์ปรากฏรอยแย้มสรวล มองเย่ซิวตู๋ลุกขึ้นกำลังจะบอกลาจากไปแล้วรีบยื่นพระหัตถ์ออกไป ดึงเขามานั่งลงข้างๆ ตรัสด้วยรอยยิ้ม “ข้าได้ยินว่าแม่นางอวี้ตั้งครรภ์หรือ”
แม้ในช่วงนี้ฮ่องเต้จะไม่ยุ่งเรื่องการเมือง แต่ก็ยังติดตามข่าวอยู่
เย่ซิวตู๋กระตุกมุมปาก สีหน้าเขินอายเล็กน้อย
วันนั้นเขาทำการเอิกเกริกเกินไปหน่อยจริงๆ ช่างน่าอายนัก
“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ เฮ้อ… เสด็จพ่อ เกี่ยวกับเรื่องนี้นั้น ลูกเองก็จะได้ใช้โอกาสนี้หารือกับเสด็จพ่อเสียหน่อย”
ฮ่องเต้เห็นท่าทางเช่นนี้ของเขาไม่บ่อยนัก โอรสของเขาผู้นี้ เมื่อก่อนมีท่าทางเย็นชาหยิ่งยโสนักเมื่ออยู่ต่อหน้าตน ตอนนี้กลับหน้าแดงเสียแล้ว
เขาหัวเราะฮ่าๆ ขึ้นมาเสียงดังทันที เหมียวเชียนชิวที่อยู่นอกประตูได้ยินเสียงก็โค้งมุมปากขึ้นแล้วยิ้ม นานแล้วที่ฝ่าบาทไม่ได้มีความสุขเพียงนี้ แน่นอนว่ามีท่านอ๋องซิวอยู่ ท้องฟ้าจะไม่ถล่มลงมาเป็นแน่
“ข้ารู้อยู่แล้ว พวกเจ้าสองคนอยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืน เจ้าเองก็มีกำลังวังชา ทั้งในตำหนักก็ไม่มีนางบำเรอ ย่อมอดไม่ไหว ข้า…”
“เสด็จพ่อ” เย่ซิวตู๋สีหน้าจริงจัง “เสด็จพ่อ พระองค์ทรงเป็นฮ่องเต้นะพ่ะย่ะค่ะ!!”
ฮ่องเต้ส่งเสียงฮึดฮัด เหลือบมองเย่ซิวตู๋ ทำเป็นจริงจัง เขากล้าพนันเลยว่าเจ้าเด็กนี่เมื่ออยู่ต่อหน้าแม่นางอวี้ จะต้องดูเหมือนวายร้ายเป็นแน่
“เอาล่ะๆ ข้าไม่พูดแล้ว เจ้าลองบอกมาสิ พวกเจ้าสองคนยังไม่ได้แต่งงานกัน โลกภายนอกมีข่าวลือออกไป พวกเจ้าจะสยบข่าวลืออย่างไร”
จากนั้นเย่ซิวตู๋จึงถอนหายใจเบาๆ นำวิธีที่หารือกับอวี้ชิงลั่วก่อนหน้าบอกกล่าวออกไป
ฮ่องเต้ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้า “เช่นนั้นก็ดี แต่เจ้าต้องเขียนจดหมายส่งไปที่ดินแดนเหมิงจึงจะใช้ได้”
“เขียนแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“…” ในเมื่อเขียนแล้ว ยังต้องหารืออันใดกันอีก ฮ่องเต้จ้องมองเขาอย่างดุร้าย “เจ้านี่ลงมือก่อนรายงานทีหลังก็เป็นรึ ทำไมกัน เจ้ามั่นใจว่าข้าจะต้องตอบตกลงใช่หรือไม่?”
เย่ซิวตู๋เองก็ยิ้มออกมา “กระหม่อมมั่นใจว่าเสด็จพ่อจะทรงต้องการอุ้มหลานสาวต่างหากพ่ะย่ะค่ะ”
ดวงตาของฮ่องเต้เป็นประหาย “เจ้ามั่นใจแล้วหรือว่าเด็กคนนั้นเป็นหญิง ก็จริง แม่นางอวี้เป็นหมอปีศาจ ไม่แน่ว่าอาจจะรู้จริงว่าเด็กคนนั้นเป็นชายหรือหญิง หลานสาวก็ดี หลานสาวเชื่อฟังยิ่งนัก”
องค์ชายคนอื่นๆ ก็ใช่ว่าจะไม่มีหลานสาว แต่เขามักจะรู้สึกว่าเหล่าเด็กหญิงพวกนั้นมีนิสัยเหมือนกันหมด ต่อหน้าเขามักจะกระทำตัวอยู่ในกรอบ ช่างน่าเบื่อนัก ทั้งยังไม่ได้ดังใจเขา
บุตรสาวของซิวเอ๋อร์ นิสัยจะต้องไม่เหมือนเด็กธรรมดาเป็นแน่ อืม ไม่แน่ว่าอาจจะมีชีวิตชีวาและน่ารักเหมือนหนานหนานก็เป็นได้
สิ่งที่ฮ่องเต้คิดในใจนั้นสวยงามอย่างมาก แต่เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าเด็กในท้องที่ยังไม่คลอดจะมีนิสัย… แตกต่างจากคำว่ามีชีวิตชีวาและน่ารักราวกับฟ้ากับเหว แต่ฮ่องเต้ก็ชอบนิสัยสุดโต่ง รักใคร่อย่างมากทีเดียว
เย่ซิวตู๋เห็นสีหน้าอ่อนโยนและแววตาคาดหวังของฮ่องเต้ มุมปากก็อดที่จะกระตุกไม่ได้
เขากล่าวตามจริง “ยังไม่ทราบว่าเป็นชายหรือหญิงพ่ะย่ะค่ะ แต่หนานหนานเอาแต่พูดทั้งวันว่าอยากได้น้องสาว บอกว่าหากเป็นน้องชาย เขาก็คิดจะยัดน้องกลับเข้าไป ให้ชิงเอ๋อร์คลอดออกมาใหม่พ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้อึ้งงัน ทันใดนั้นก็เบ้พระโอษฐ์ หัวเราะหนักขึ้นกว่าเดิม “ฮ่าๆๆๆ เจ้าเด็กนั่น เจ้าเด็กบ้านั่นกล้าพูดทุกอย่างเสียจริงๆ ฮ่าๆๆ เอาล่ะๆๆ อย่างไรพวกเจ้าสองคนก็พยายามอีกหน่อย ไม่ว่าจะเป็นน้องสาวหรือไม่ อย่างไรก็คลอดน้องสาวมาให้เขาสักคนเป็นใช้ได้แล้ว”
เย่ซิวตู๋คิดว่าการสื่อสารกับฮ่องเต้มีปัญหาเล็กน้อยแล้ว ตอนนี้ฮ่องเต้นั้นช่างเหมือนหนานหนานนัก พูดจาไม่เข้าใจเสียเลย
เขาว่า…
“เสด็จพ่อ ลูกยังมีธุระต้องจัดการ ต้องขอตัวกลับตำหนักก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ตรัสล้อเขา “ต้องกลับไปดูลูกกระมัง ไปเถิดๆ บางเรื่องก็ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน”
เย่ซิวตู๋บอกลาจากไปทันที เหมียวเชียนชิวรีบเดินเข้ามา
ฮ่องเต้สรวลอยู่อีกสักพัก เพียงแต่สุดท้ายหลังจากที่ร่างของเย่ซิวตู๋ลับตาไป รอยยิ้มก็ค่อยๆ หุบลง “เชียนชิว ไปกับข้า ไปหาไทเฮาที่ตำหนักเสียงเหอ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
จะจัดการอดีตรัชทายาทด้วยวิธีไหนนะ ถึงจะทำให้คนรอบข้างเดือดร้อนน้อยที่สุด
ไหหม่า(海馬)
————————————————————-