Legend of the mythological genes – ตอนที่ 335 โลกดึกดำบรรพ์3
เปลวไฟที่เผาไหม้ปกคลุมร่างกายของเขาทั้งหมดและทำให้เขาดูเหมือนมนุษย์ไฟ
ความร้อนแผ่ขยายออกไปในทุกทิศทาง
เฟิงหลินพยายามควบคุมพลังอย่างเต็มที่ มันค่อยๆหยุดลงช้าๆเมื่อเขาควบคุมได้อย่างเชี่ยวชาญและสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างอิสระ
“ถอน!” เขาผสานมือ ไฟที่แท้จริงกลายเป็นดอกบัวไฟและกลับเข้าสู่ร่างกายของเขา
เขามองร่างของเขาเอง นอกจากเสื้อผ้าจะเสียหายเขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ เลยแม้แต่น้อย แม้แต่เส้นผมเส้นเดียวก็เป็นอะไร
แม้แต่เฟิงหลินซึ่งเป็นคนฉลาดหลักแหลมก็อดไม่ได้ที่จะพึงพอใจ
ด้วยไฟแท้จริงอสูรโลกีย์นี้ ไม่เพียงแต่เขาจะสามารถประสบความสำเร็จในการเล่นแร่แปรธาตุเท่านั้น แต่มันจะเป็นวิธีการที่ยอดเยี่ยมและหายากในการโจมตีคู่ต่อสู้ของเขา
ในที่สุดเขาก็ได้รับการพิจารณาว่าได้ค้นคว้าเทคนิคการโจมตีด้วยพลังงาน ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นไพ่ตายของเขาเอง
มันน่าเสียดายที่เขามีเวลาจำกัดในโลกดึกดำบรรพ์นี้ และไม่สามารถลองพลังไฟแท้จริงกับการเล่นแร่แปรธาตุได้
หากปราศจากยาวิญญาณใดๆ ก็ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้เช่นกัน มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมีทักษะการเล่นแร่แปรธาตุแต่ไม่สามารถใช้งานได้
ยาวิญญาณ?
การแสดงออกของเฟิงหลินกลายเป็นความประหลาดใจ เมื่อเขารู้อะไรบางอย่าง
(ฉันลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไง)
(โลกดึกดำบรรพ์มีต้นกำเนิดปราณที่รุนแรงและยังคงรูปลักษณ์ดั้งเดิมของมันไว้ ไม่มีการขาดแคลนของพืชที่แปลกและลึกลับ)
(ใบหญ้าแบบสุ่มใด ๆ จะถือเป็นวัตถุทางจิตวิญญาณที่หายากในโลกภายนอก)
(มันจะเป็นการไม่เสียเปล่าหรือเปล่าจะไม่เอาอะไรไปเลย ทั้งๆที่ฉันมาถึงโลกดึกดำบรรพ์นี่แล้ว?)
ด้วยความคิดของเรื่องนี้เฟิงหลินจึงไม่สามารถรอได้อีกต่อไป
เมื่อมีการเก็บเมล็ดพันธุ์ไฟ การระเบิดของภูเขาไฟก็หยุดลงและภัยพิบัติทางธรรมชาติก็ได้รับการแก้ไข
คลื่นสัตว์ร้ายค่อยๆทยอยสงบลงและเหลือเพียงลาวาทิ้งไว้บนพื้นเท่านั้นที่กลับกลายเป็นหินปล่อยความร้อนและทิ้งร่องรอยไว้
เฟิงหลินออกไปทันทีโดยไม่ลังเล
แม้ว่าเขาเพิ่งจะสยบไฟที่แท้จริงลง แต่เขาก็ไม่มีเวลาให้พักผ่อน เขาปลดปล่อยพลังวิญญาณของเขาทั้งหมดและทำการสแกนทั่วทั้งสถานที่จากที่สูง ในไม่ช้าก็มาถึงที่หน้าหุบเขา
ปราณวิญญาณที่นี่หนาแน่นสุด มันเป็นดินแดนทางจิตวิญญาณที่หายากแม้ในโลกดึกดำบรรพ์
เขามองไปรอบๆ และเห็นภูเขาหกลูกที่เชื่อมต่อกันเหมือนมังกร มันเป็นรูปแบบตามธรรมชาติอย่างไม่ต้องสงสัย
จะมีสิ่งของลึกลับในสถานที่ซึ่งปราณจิตวิญญาณรวมตัวกัน
เฟิงหลินดีใจมาก เขาลดระดับเมฆและเข้าสู่ดินแดนนั้นทันที
ทันทีที่เขาก้าวเข้าไปในหุบเขา เขาก็รู้สึกราวกับว่าเขาก้าวผ่านสิ่งกีดขวางที่มองไม่เห็น ปราณจิตวิญญาณไหลทะลักออกมาจากทุกทิศทุกทางและเขารู้สึกราวกับว่าเขากำลังแช่อยู่ในน้ำพุวิญญาณ รู้สึกเบาสบายมาก
ปราณจิตวิญญาณรวมตัวกันก่อให้เกิดหมอกที่เต็มทั่วหุบเขา ทำให้สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนสวรรค์
เขาเดินเล่นและพบว่าสถานที่นี้เต็มไปด้วยชีวิตและความแข็งแกร่ง มีพืชแปลก ๆ และลึกลับหลายชนิดที่เติบโตอย่างหนาแน่น มันเหมือนกับโลกที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง เหมือนสวรรค์ในโลกมนุษย์ทำให้มันยากที่จะลืม
(มีเรื่องราวของอลิซในแดนมหัศจรรย์ของโลกโบราณ เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะเดินทางกลับมายังดินแดนดั้งเดิมในยุคระหว่างดวงดาว?)
มุมปากของเฟิงหลินขดตัวเป็นรอยยิ้ม ขณะที่เขาสแกนสภาพแวดล้อมด้วยพลังวิญญาณของเขา แม้จะมีหมอกทางวิญญาณกีดขวางเขา แต่เขาก็ยังสามารถมองเห็นสถานที่ได้อย่างชัดเจน
เขาได้รับมรดกที่สมบูรณ์จากนิกายเตาหลอมอมตะและไม่เพียงแค่เทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุเท่านั้น ยังมีการบันทึกจำนวนมากเกี่ยวกับการแพทย์ทางจิตวิญญาณอยู่ในนั้นด้วย
หากปราศจากยาจิตวิญญาณที่ทำหน้าที่เป็นส่วนผสม วิชาการเล่นแร่แปรธาตุที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็ไร้ประโยชน์
ในยุคระหว่างดวงดาว สมุนไพรโบราณส่วนใหญ่สูญพันธุ์ไปหมดแล้ว ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้วิชาการเล่นแร่แปรธาตุส่วนใหญ่ได้อีกต่อไป มันยังยากเกินไปสำหรับเฟิงหลินที่เพิ่งจะเริ่มต้นในการหาของมาทดแทน
เขายังคงกังวลใจที่ไม่สามารถหาส่วนผสมได้ เมื่อเขาได้รับโชคดีในการเข้าสู่โลกดึกดำบรรพ์นี้ เขาไม่มีทางที่เขาจะกลับไปมือเปล่า
ตอนนี้หญ้าสมุนไพรที่สูญพันธุ์ไปนานแล้วปรากฏตรงหน้าเขาแล้ว
บนผนังหินที่แกร่งเหมือนโลหะ ใบของพืชทางจิตวิญญาณที่ถูกปกคลุมด้วยน้ำค้างผุดขึ้นมาจากหินและเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ งมีเพียงเจ็ดใบไม่มากหรือน้อยไป ใบแต่ละใบส่องแสงสีเงิน ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด พวกมันเหมือนดวงดาวที่ส่องแสงเหมือนดาวกระบวยใหญ่
นี่คือหญ้าเซเว่นสตาร์ซึ่งเป็นส่วนผสมหลักในการปรุงยา Astral มันสามารถดูดซับพลังของดวงดาวและเมื่อกลั่นเป็นยาจะมีความสามารถในการควบคุมพลังของดวงดาวและเคลื่อนไปรอบ ๆ ในจักรวาลได้อย่างง่ายดายราวกับเดินทางบนพื้นราบ
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงคำศัพท์เฉพาะทางของการบ่มเพาะในโลกยุคโบราณ ในยุดสมัยดวงดาวบุคคลนั้นจะถูกเรียกว่าเป็นคนปลุกยีนกลุ่มดวงดาวในตำนาน ซึ่งสามารถควบคุมพลังของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดวงดาวได้
คุณค่าของยาเล่นแร่แปรธาตุเม็ดนี้จะเกิดประโยชน์อะไรขึ้นถ้ามันถูกสร้างขึ้นมาอย่างประสบความสำเร็จ?
…
วิชาการเล่นแร่แปรธาตุยังเป็นวิชาเพื่อปกป้องเต๋า
ถ้าเฟิงหลินสามารถพัฒนาวิชาการเล่นแร่แปรธาตุได้จริง ๆ เขาไม่ต้องกังวลกับทรัพยากรไม่ว่าจะเป็นส่วนใดของเอกภพที่เขาจะต้องมุ่งไป
หลังได้รับลำค้นของหญ้าเจ็ดดาว เขาก็ดำเนินการค้นหาต่อ
หยกปราณร้อยดอกไม้ ไผ่สายฟ้าทองคำ ไม้จันทน์วิญญาณ … พืชที่หายากและลึกลับเหล่านี้ล้วนถูกเขาเก็บไปอย่างอิสระ
เขาเก็บทุกสิ่งที่เขาสามารถเก็บได้!
โลกดึกดำบรรพ์นี้ถูกทิ้งไว้ลำพัง ไม่มีใครเคยเข้ามาก่อน
สิ่งต่าง ๆ เช่นโสม300 ปีมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง ราวกับว่าพวกมันเป็นเพียงวัชพืชที่เติบโตตามริมถนน
ในตอนแรกเฟินหลินก็ยังรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ต่อมาเขาก็ไม่สนใจแล้ว
เขาค้นหาและโดยไม่รู้ตัว เขาได้เปิดเตาหลอมแล้วและใช้มันเป็นพื้นที่เก็บของ
ยิ่งเข้าใกล้ส่วนลึกของหุบเขามากเท่าไหร่ สิ่งที่เขาได้รับก็จะยิ่งดีขึ้น
“ช่วยข้าด้วย! ช่วยด้วย! ช่วยด้วย … ” ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องที่แหลมก็ดังเข้ามาในหูของเขา
เฟิงหลินส่งพลังวิญญาณของเขาไปและสังเกตเห็นงูตัวโต มันกำลังส่งเสียงขู่ใส่หลุมลึก
เสียงร้องที่คล้ายกับเสียงทารกดังขึ้นจากข้างใน
เฟิงหลินรู้สึกได้ว่ามีเด็กอ้วนกำลังซ่อนตัวในนั้นและสั่นอย่างหวาดกลัว แต่ทว่า ใบไม้ทั้งสองใบที่งอกขึ้นบนศีรษะแสดงให้เห็นว่าจริงๆแล้วนั่นไม่ใช่มนุษย์
“ทารกโสม?” ดวงตาของเฟิงหลินส่องสว่าง
ฟ่อ ฟ่อ ฟ่อ!
งูตัวนั้นยังคงส่งเสียงขู่ ด้วยกลิ่นอายที่คุกคามและร่างใหญ่ของมันก็พยายามบีบไปในหลุมแคบ
เมื่อเห็นว่ามันกำลังจะเข้าไปในปากงู น้ำตาสองหยดที่ส่องประกายก็หยดลงมาจากดวงตาของทารกโสม
เฟิงหลินไม่มีให้เวลาคิดมาก เขารีบพุ่งไปอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากยุคแห่งการบ่มเพาะเพิ่งจะเริ่มงอกงามอีกครั้ง จนกระทั่งตอนนี้เฟิงหลินยังไม่เห็นวิญญาณปีศาจใดๆ ยิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่ยุคโบราณ มันเป็นความจริงที่ว่าพืชจะบ่มเพาะช้ากว่าสัตว์มาก
แต่โชคของเขายอดเยี่ยมมากที่ได้พบพืชชนิดนี้
เมื่อสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวในบริเวณรอบๆ งูตัวนั้นก็เงยหัวขึ้นและเปล่งเสียงดังก้อง นัยน์ตาของมันดูเยือกเย็นและโหดเหี้ยม
(นี่คือมังกรหรือเปล่า?)
เฟิงหลินประหลาดใจและมองอย่างระมัดระวังก่อนที่จะส่ายหัว
(มีขา แต่ไม่มีเท้านี่ไม่ใช่มังกรหรือบางทีอาจเป็นงูหลามก็ได้)
ถ้าเป็นมังกรเฟินหลินก็จะหนีไปทันทีโดยไม่ลังเล
อย่างไรก็ตามถ้ามันเป็นเพียงแค่งูที่มีลักษณะของมังกรก็ไม่มีอะไรที่เขาจะต้องกลัว
เขาเข้าไปใกล้อย่างรวดเร็ว
งูรู้ว่ามีการคุกคาม มันแยกเขี้ยวและพ่นเปลวไฟปีศาจสีดำออกมาจากปากของมัน
อย่างไรก็ตามการแสดงออกของเฟิงหลินยังคงสงบ และเขาไม่ได้หลบเลย เขาสร้างรอยประทับและทันทีทันใดลูกไฟ แท้จริงก็บินออกไปหางูยักษ์
ไม่เพียงแต่จะกระจายเปลวไฟปีศาจ แต่ยังล้อมรอบงูขนาดใหญ่ทันที เปลี่ยนมันเป็นงูไฟที่ดิ้นพล่านอยู่บนพื้น
ซวบ!
เมื่อทารกโสมเห็นว่ามันเพิ่งรอดแต่กลับพบตัวตนที่น่ากลัวยิ่งกว่า มันก็คว้าหัวมันด้วยสองมือ ต้องการเจาะพื้นเพื่อหลบหนี
(คิดจะหลบหนี?)
เฟิงหลินคาดไว้แล้วและส่งพลังวิญญาณของเขาออกไป
พื้นโลกแตกและเด็กอ้วนตัวใหญ่ก็ถูกดึงออกมาทันที มันถูกมือที่มองไม่เห็นคว้าไม่สามารถหลุดพ้นได้
เฟิงหลินกำลังจะไปดูใกล้ ๆ อย่างไรก็ตาม …
เด็กอ้วนตัวใหญ่ส่งเสียงดังร้องออกมาอย่างเจ็บปวด จน้ำตาไหลพรั่งพรูทำให้มันดูน่าสังเวชอย่างยิ่ง
อุแว้ แว้…
เสียงร่ำไห้ดังก้องอยู่ในหุบเขาและยังคงอ้อยอิ่งอยู่เป็นเวลานานมาก
“… ” เฟิงหลินพูดไม่ออก
(ฉันน่ากลัวเหรอ?)