คนหนึ่งมีเจตนาที่จะสอน และอีกกลุ่มมีความตั้งใจที่จะเรียนรู้
นักปรุงยาเป็นนักพันธุศาสตร์ซึ่งเดิมเป็นส่วนหนึ่งของชนชั้นสูงในหมู่มนุษย์ระหว่างดวงดาว สติปัญญาของพวกเขาได้รับการพัฒนามากกว่าคนรุ่นเดียวกัน ส่วนใหญ่มีความจำดีและมีความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับความรู้ทางพันธุกรรมและทฤษฎีเกี่ยวกับตำนาน
คนเหล่านี้ที่เฟิงหลินเก็บรักษาไว้ ล้วนเป็นคนที่เชื่อฟังเขา
และด้วยการที่เขาใช้เทคนิคการปรุงแต่งยาตะกั่วแดงกลั่นเข้มเป็นการส่วนตัว พวกเขาจึงเรียนรู้ได้เร็วมาก
เฟิงหลินแสดงให้เห็นเพียงครั้งเดียว และพวกเขาสามารถเรียนรู้ได้ทันที 70% ถึง 80% พวกเขาเพียงแต่ต้องใส่ใจกับรายละเอียดเล็กน้อยและฝึกฝนเพิ่มเติม เพื่อให้ได้มาซึ่งความสมบูรณ์แบบ
พวกเขาฝึกฝนเป็นเวลาสามวัน และล้มเหลวถึงสามวัน
แม้กระทั่งตอนนี้ยังไม่มีการผสมที่ประสบความสำเร็จใด ๆ ที่ออกจากห้องปรุงแต่ง
เฟิงหลินยังไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไร นอกเหนือจากการฝึกฝนอย่างขยันขันแข็ง เขาแค่แนะนำคนเหล่านี้เกี่ยวกับเทคนิคการสร้างการตกผลึกยา
หากไม่มีพื้นฐานในการเล่นแร่แปรธาตุและไม่มีพลังงานทางจิตเพียงพอที่จะสำรวจโลกแบบโมเลกุล มันก็ยากที่จะเชี่ยวชาญเทคนิคการสร้างยาตกผลึก
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้กังวล
แม้ว่าจะช้า แต่พวกเขาก็ได้รับความรู้และประสบการณ์ทีละนิดทีละนิด
ตราบเท่าที่พวกเขาเข้าใจประเด็นหลัก สิ่งอื่น ๆ ทั้งหมดจะเข้ามาหาพวกเขาโดยธรรมชาติ มันไม่สำคัญแม้ว่าพวกเขาจะล้มเหลวในตอนนี้
ทีมที่รับผิดชอบในการปรุงแต่งตะกั่วแดงกลั่นเข้มเริ่มพัฒนาอย่างช้าๆ ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงขั้นตอนสุดท้าย
ขั้นตอนสุดท้ายนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด พวกเขาต้องกลั่นสารละลายของเหลวให้เป็นผลึกแข็ง
มันเกี่ยวข้องกับการแยกอะตอม ควบคุมอุณหภูมิและปริมาณของพลังวิญญาณที่ใส่เข้าไป … ทั้งหมดนี้เป็นรายละเอียดที่ต้องการความแม่นยำสูงมาก!
ต้องเพ่งสมาธิอย่างเต็มที่!
ในความเป็นจริงพวกเขาทุกคนเข้าใจขั้นตอนก่อนหน้านี้ทั้งหมดแล้ว พวกเขาแค่ติดอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายเท่านั้นและไม่มีทางผ่านพ้นอุปสรรคด้านความละเอียดนี้ไปได้
พวกเขาสามารถใช้การฝึกฝนจำนวนมากเพื่อปรับปรุงทีละนิด ค่อยๆค้นหาปมให้เจอ
ในที่สุดก็มีคนทำสำเร็จในวันที่หก!
คนที่ประสบความสำเร็จนี้เป็นชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบปี นอกจากเฟิงหลินแล้วเขาเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดในห้องปรุงแต่ง เขาเป็นนักปรุงยาขั้นสามและเป็นขั้นต่ำที่สุดในบรรดาคนที่เหลือ
ดังนั้นเขาจึงเข้าใจว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนที่ยังได้อยู่ต่อ
จากการพิจารณาของเฟิงหลินเขาไม่กล้าที่จะประมาทเลย เขาฝึกฝนทั้งกลางวันกลางคืน ใช้เวลาทั้งหมดในห้องปรุงแต่ง ในที่สุดเขาก็กลายเป็นคนแรกที่ประสบความสำเร็จในการปรุงตะกั่วแดงกลั่นเข้ม
แม้ว่าอัตราความสำเร็จในปัจจุบันของเขายังคงต่ำมาก ประมาณ 10% แต่ความสำเร็จก็คือความสำเร็จ
หากประสบความสำเร็จครั้งหนึ่ง เขาจะสามารถประสบความสำเร็จเป็นครั้งที่สองได้อย่างแน่นอน
เมื่อฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง อัตราความสำเร็จจะเพิ่มขึ้นเองตามธรรมชาติ
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเข้าถึงความสำเร็จแบบเฟิงหลินและประสบความสำเร็จได้ 100% เนื่องจากความสามารถที่แตกต่างกัน แต่เขาก็ยังคงประสบความสำเร็จอยู่บ้าง
ตราบเท่าที่เขาเต็มใจทุ่มเท มันก็เป็นไปได้ที่เขาจะบรรลุอัตราความสำเร็จประมาณ 50%
แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว!
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หานเจิ้นจะเป็นรองหัวหน้าของพวกนาย ในอนาคตพวกนายสามารถขอคำแนะนำจากเขาเกี่ยวกับการปรุงตะกั่วแดงกลั่นเข้มได้ ฉันบอกเทคนิคทั้งหมดให้พวกนายแล้ว เหลือเพียงความเข้าใจและความรู้สึกของแต่ละคน พวกนายทุกคนต้องหาจังหวะที่เหมาะกับตัวเองเพราะฉันไม่สามารถสอนอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นได้ บางทีหานเจิ้นอาจสร้างแรงบันดาลใจทั้งหมดแก่พวกนายได้” เฟิงหลินกล่าว สำหรับคนที่เรียนรู้อย่างจริงจังเขาจะไม่ขี้เหนียวและจะมอบรางวัลให้เมื่อจำเป็น หานเจิ้งได้เลื่อนตำแหน่งจากนักปรุงยาขั้นต่ำสุดเป็นตำแหน่งรองหัวหน้า
มันเป็นที่เข้าใจได้ว่าคนอื่นจะรู้สึกไม่พอใจ
ในหมู่พวกเขามีนักปรุงยาขั้นสูงมากมาย มันยับว่าน่าอายอยู่แล้วที่ชายหนุ่มอย่างเฟิงหลินกลายเป็นหัวหน้าของพวกเขา แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มอีกคนที่เป็นเพียงนักปรุงแต่งยาขั้น3กลับปีนข้ามหัวพวกเขาไป?
เฟิงหลินใส่ใจความรู้สึกของพวกเขา แม้ว่าคนเหล่านี้จะรู้สึกไม่เต็มใจ แต่พวกเขาก็ต้องยอมรับมัน
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นนักปรุงยาขั้นสูงและหลายคนมีความเชี่ยวชาญในเทคนิคการปรุงแต่งยาที่ลึกซึ้ง แต่ก็ไม่สามารถช่วยทีมของเฟิงหลินได้ในขณะนี้
เนื่องจากนี่เป็นทีมปรุงแต่งตะกั่วแดงกลั่นเข้ม เกณฑ์ที่สำคัญที่สุดคือการผสมตะกั่วแดงกลั่นเข้ม
นักปรุงยาขั้นต่ำสุดคนนี้เป็นคนแรกที่ประสบความสำเร็จ สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าความสำเร็จของเขาในด้านความเข้าใจในการปรุงแต่งตะกั่วแดงกลั่นเข้มนั้นเหนือกว่าคนอื่น ๆ เขาได้รับตำแหน่งรองหัวหน้าทีมนี้ด้วยความสามารถของตัวเอง
เมื่อหานเจิ้นได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้น ใบหน้าของเขาดูตกใจ
“หัวหน้า มันจะดีหรอครับ?” น้ำเสียงของเขาสั่น “นักพันธุศาสตร์เหล่านี้ล้วนเป็นรุ่นพี่ของผมและผมก็ประสบความสำเร็จได้เพราะโชคช่วย ผมจะแนะนำพวกเขาได้ยังไง?”
(ไอ้เด็กนี่นับว่าอยู่เป็น!)
คนอื่น ๆ มองไปที่เด็กหนุ่ม
เฟิงหลินไม่สนใจพวกเขา เขาตบไหล่หานเจิ้น “อย่าประเมินค่าตัวเองต่ำไป ถ้าฉันบอกว่านายทำได้นั่นก็หมายความว่านายทำได้ แม้ว่านายจะทำไม่ได้นายก็ต้องทำให้ได้! ด้วยข้อกำหนดที่เข้มงวดยังไงก็ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าโชคดี เมื่อนายทำได้สำเร็จนั่นก็หมายความว่า ความเข้าใจของนายเหนือกว่าพวกเขา”
หัวใจของหานเจิ้นเต็มไปด้วยความขอบคุณ เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่รู้จะพูดอะไร
เฟิงหลินโบกมือ “การตัดสินใจของฉันถือเป็นที่สิ้นสุด ไม่จำเป็นต้องมาชักชวนให้ฉันเปลี่ยนใจ”
หานเจิ้นอ้าปากและปิดมันอีกครั้งเมื่อได้ยินคำพูดของเฟิงหลิน
เมื่อเห็นใบหน้าบึ้งตึงบนใบหน้าของคนอื่น เฟิงหลินก็ยิ้มอย่างเย็นชา “ในทีมนี้ ความสามารถของพวกนายคือทุกอย่าง ไม่ว่าจะมีภูมิหลัง ระดับขั้นหรือประสบการณ์ก็ไม่สำคัญ หากใครไม่เต็มใจก็สามารถออกไปได้ คนจากกองทัพสุดยอดกำแพงยินดีที่จะมาแทนที่พวกนาย”
เสียงของเขามีน้ำเสียงที่น่าเกรงขาม ทำให้นักพันธุศาสตร์ในทีมตัวสั่นไม่กล้าคิดอะไรโง่ ๆ อีกต่อไป พวกเขาลดหัวลงและยังคงค้นคว้าตะกั่วแดงกลั่นเข้มต่อไป
หานเจิ้นมองด้วยความขอบคุณ เขารู้ว่าหัวหน้าของเขาทำเช่นนี้เพื่อช่วยให้เขามีอำนาจ ในอนาคตคนเหล่านี้จะไม่กล้าเล่นกลเม็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ และมุ่งเป้ามาที่เขาอีกต่อไป
และภายใต้การกระตุ้นจากความสำเร็จของหานเจิ้น คนอื่น ๆ ก็เริ่มใช้ความพยายามมากขึ้นในการฝึกฝน
ด้วยการเริ่มต้นที่ดี ความพยายามในการผสมต่อไปจึงราบรื่นขึ้นเช่นกัน
มีคนจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่ประสบความสำเร็จในการผสมตะกั่วอดงกลั่นเข้ม
ในที่สุดห้องปรุงแต่งก็เริ่มการผลิตอย่างเป็นทางการ!
คำแนะนำของเฟิงหลินเป็นกุญแจสำคัญ เมื่อนักปรุงยารายอื่นพยายามจะปรุงยา เขาจะชี้ให้เห็นข้อบกพร่องและแก้ไขได้ทันที ช่วยให้การปรุงยาราบรื่นขึ้น รวมทั้งช่วยให้นักปรุงยาได้รับประสบการณ์ สิ่งนี้ทำให้อัตราความสำเร็จของพวกเขาสูงขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน
อัตราการผลิตของห้องปรุงยาเพิ่มขึ้นทุกวัน
20 กก. 50 กก. 80 กก. 100 กก. …
พวกเขาไม่มีการผลิตเลยในช่วงสองสามวันแรก แต่เมื่อลูกบอลกลิ้งไปมาภายใต้ความพยายามของหุ่นยนต์และนักพันธุศาสตร์ ห้องปรุงแต่งก็กลายเป็นเครื่องจักรที่รับผิดชอบในการผลิตตะกั่วแดงกลั่นเข้มจำนวนมาก
ปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างเท่าทวีคูณในแต่ละวัน
ในกรณีนี้อัตราการเพิ่มขึ้นนั้นดีมาก เนื่องจากไม่มีปัญหาใดๆ การผลิตตะกั่วแดงกลั่นเข้มจึงเพิ่มเป็น 100 กิโลกรัมต่อวัน!
สำหรับตัวของเฟิงหลินเอง เขาก็ไม่ได้ทำอะไรมากๆเพียงแค่ดูแลการผลิตโดยรวมเท่านั้น
ในช่วงเวลาว่าง เขามุ่งเน้นไปที่การบ่มเพาะของเขาเอง สำหรับตอนนี้ชีวิตของเขาค่อนข้างเงียบและสงบ
การบ่มเพาะของเขายังทำให้ศักยภาพทางพันธุกรรมของเขาพุ่งทะยาน!
หลังจากเจ็ดวัน เขาได้รับจุดพันธุกรรมสวรรค์ฟรีอีกครั้ง จากนั้นเขาก็เพิ่มมันเข้าไปในยีนราชาลิงอย่างเด็ดขาดทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นถึงสี่จุด เขตปกครองราชาลิงของเขาขยายรัศมีเป็น12เมตร
และในวันนี้การผลิตของห้องปรุงแต่งยาก็มีมากถึง 800 กก.
เฟิงหลินเตรียมพร้อมที่จะออกไปรับภารกิจจากมหาวิทยาลัย เมื่อการผลิตมีน้ำหนักถึง 1,000 กิโลกรัม แต่ในขณะนี้เองจู่ๆประตูห้องปรุงแต่งก็เปิดออก ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้พันกับกลุ่มนักรบที่กล้าหาญ ทุกคนมีสีหน้าหนักใจ
“ มีอะไรเหรอครับท่าน?” เฟิงหลินเดินออกไปถามอย่างใจเย็น
“ตอนนี้คุณผลิตตะกั่วแดงกลั่นเข้มได้เท่าไหร่แล้ว คุณช่วยส่งพวกมันมาให้หมดก่อนเลยได้ไหม? เราต้องการมันอย่างเร่งด่วน!” ผู้พันกล่าวอย่างหนัก
“800 กิโลกรัมครับ” แม้ว่าเฟิงหลินจะไม่รู้เหตุผล เขาก็ยังตอบอย่างตรงไปตรงมา
“มากขนาดนั้นเลย?” ผู้พันสะดุ้งก่อนที่ความปิติยินดีจะปรากฏบนใบหน้าของเขา ในอีกครู่ต่อมา “เฟิงหลินการตัดสินของผมเกี่ยวกับคุณนั้นถูกต้องแล้ว จังหวะเวลานั้นสมบูรณ์แบบ ด้วยตะกั่วแดงกลั่นเข้มจำนวนมากเพียงนี้ มันจะมีประสิทธิภาพอย่างมากสำหรับแผนของเรา!”
ก่อนที่เฟิงหลินจะสามารถคิดอะไรได้ ใบหน้าของผู้พันก็เข้มงวดขึ้นขณะที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
“เฟิงหลินเพราะอัตราการผลิตของคุณโดดเด่นมาก ผมเชื่อว่า 1,000 กิโลกรัมจะไม่เป็นปัญหาสำหรับคุณ เนื่องจากเป็นเช่นนี้ มันตจึงไม่จำเป็นต้องรออีกต่อไป ตอนนี้ผมจะเป็นตัวแทนของกองทัพสุดยอดกำแพง เพื่อเลื่อนขั้นให้คุณเป็นผู้หมวด! ผู้หมวดเฟิงหลิน ตอนนี้ผมจะแจ้งให้คุณทราบอย่างเป็นทางการ เผ่าพันธุ์วิญญาณเพิ่งเริ่มการโจมตี สงครามระหว่างเผ่าพันธุ์กำลังจะเริ่มขึ้น! “