ตอนที่ 431 สิบราชาสวรรค์
“ใครที่กล้าบุกมหาวิทยาลัยสุดยอดกําแพง จะต้องถูกทําลายไม่ว่าพวกมันจะอยู่ไกลแค่ไหน!”
เสียงน่าเกรงขามของนายพลสงครามดังก้องไปทั่วอากาศ เต็มไปด้วยความหนักหน่วงและน่าหวาดหวั่นอย่างสุดขีด รวมถึงจิตสังหารที่ไร้ขอบเขต
“ ถ้าเรายังกําจัดพวกมันไม่หมด เราจะไม่มีวันหยุดพัก!”
เสียงบนกําแพงดังคําราม
“ ชัยชนะที่แท้จริง!”
“ ชัยชนะที่แท้จริง!”
“ ชัยชนะที่แท้จริง!”
อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องง่ายที่จะตะโกนเพื่อสร้างขวัญกําลังใจ แต่ไม่ใช่กับชัยชนะจริงๆ
ดวงตาของเฟิงหลินฉายแววเย็นชา เมื่อทุกคนต่อสู้กันอย่างวุ่นวายรอบตัวเขา เขาก็จ้องมองไปที่วัตถุสีขาวบนท้องฟ้า
มันเป็นดวงดาวที่มีวงโคจร จุดศูนย์กลางคือวัตถุท้องฟ้าพร่ามัว แต่มีแสงสีขาวไร้ขอบเขตแผ่ออกมา การแผ่รังสีความเข้มสูง ดูเหมือนจะสามารถทําลายวัตถุทั้งหมดในอวกาศได้อย่างสมบูรณ์ และทุกที่ที่คลื่นรังสีผ่านแสงสีขาวจะทอดยาว
ในสภาพแวดล้อมของวัตถุสีขาว หลุมดําทั้งสี่หลุมหมุนรอบตัวมันอย่างไม่หยุดยั้งทําให้สิ่งทั้งหมดรวมตัวกันเป็นจัตุรมุข แต่ละด้านเป็นรูปสามเหลี่ยมสร้างโครงสร้างที่มั่นคงมาก ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทําลายมันไม่ว่าจากมุมไหน เราสามารถบอกได้เลยว่า มันมีความพิเศษอย่างเห็นได้ชัด
หลุมดําทั้งสี่หลุมเป็นสิ่งที่เฟิงหลินคุ้นเคย นี่คือหลุมดําวิญญาณที่เขาเคยพบมาก่อน พวกมันมีความสามารถพิเศษที่น่ากลัวในการกลืนกินพลังงาน
อย่างไรก็ตาม หลุมดําวิญญาณทั้งสี่กําลังปกป้องอะไรอยู่?
เฟิงหลินเหลือบมองไปที่วัตถุขนาดมหึมาสีขาว และรําพึงอย่างเงียบ ๆ
หลุมขาววิญญาณ?
ในขณะนี้นายพลต่อสู้พูดต่อว่า“ นี่คือรังของเผ่าพันธุ์วิญญาณ เป็นวัตถุน่ากลัวซึ่งมีชื่อว่า “หลุมขาว มันเป็นอีกด้านหนึ่งของหลุมดําและจะคายพลังงานกับสสารออกมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่พลังชีวิตก่อตัวขึ้น เผ่าพันธุ์วิญญาณนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดที่เกิดจากหลุมขาว มันจะสร้างสมาชิกเผ่าพันธุ์วิญญาณเรื่อยๆ หากเราต้องการทําลายเผ่าพันธุ์วิญญาณให้หมดไป เราต้องทําลายหลุมขาวนี้ให้หมด นั่นคือภารกิจต่อไปของเรา ภารกิจนี้อันตรายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ พวกคุณกลัวหรือไม่?”
เขาตะโกนประโยคว่า “พวกคุณกลัวหรือไม่?” ซึ่งตั้งคําถามกับหัวใจของผู้คน
“กลัว?!”
“ ถ้าฉันกลัวฉันก็ไม่ใช่ผู้บ่มเพาะ!”
“ เราต้องให้เผ่าพันธุ์วิญญาณรู้ว่ามนุษย์เราไม่ใช่เผ่าพันธุ์ที่จะถูกรังแกง่ายๆ!”
“ กล้ามาที่มหาวิทยาลัยสุดยอดกําแพงของเรา? เราจะทําให้พวกมันมาได้ แต่กลับไปไม่ได้”
หลุมขาว?
เฟิงหลินครุ่นคิดถึงเรื่องนี้
ในจักรวาล หลุมขาวเป็นสิ่งอัศจรรย์ที่เหมือนกันกับหลุมดํา
ขนาดของหลุมดํานั้นกว้างใหญ่มาก สามารถกลืนกินสสารได้ทั้งหมดและแรงดูดของมันก็เพียงพอที่จะจับแสงที่เร็วที่สุดในจักรวาลไม่ให้สามารถหลบหนีได้ ดังนั้นมันจึงเป็นเหมือนถ้ําอวกาศแห่งความมืดชั่วนิรันดร์ ดังนั้นวัตถุนี้จึงได้รับการขนานนามว่าเป็นหลุมดํา
สําหรับหลุมขาว คุณสมบัตินั้นต่างกัน แม้ว่ามวลของพวกมันจะกว้างใหญ่มาก แต่พวกมันมักจะอยู่ในสภาพของการปะทุ พ่นรังสีแสงและสสารออกมา
เนื่องจาก หลุมขาววิญญาณนั้นมีชื่อเหมือนกับหลุมขาวของจักรวาล ลักษณะมันจึงอาจจะเหมือนกัน
แต่หลุมขาววิญญาณนี้แตกต่างจากหลุมขาวอื่น ๆ ที่พ่นอนุภาคพื้นฐานและรังสีออกมาหลุมขาววิญญาณนี้กลับพ่นวิญญาณจํานวนนับไม่ถ้วน!
ในกรณีนั้น มันก็มีอีกปัญหา
วิญญาณที่พ่นออกมาจากหลุมขาวนั้นมาจากไหน?
เมื่อมองไปที่หลุมดําที่หมุนรอบ เฟิงหลินก็มีความคิดบางอย่างอยู่ในใจ
ตามทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ เขาคาดเดาว่าทั้งหลุมดําและหลุมขาวเป็นสองด้านของวัตถุ ภายในของพวกมันเชื่อมต่อกัน
มวลของจักรวาลหลัก!
หลุมดําจะกลืนกินสสารและหลุมสีขาวก็พ่นออกมาทําให้เกิดความสมดุลระหว่างสสารและพลังงาน
ถ้าไม่อย่างนั้น ไม่ว่าหลุมขาวจะมีมากแค่ไหน สสารในนั้นก้ต้องมีวันหมด
“ ต่อไปเราจะใช้กลยุทธ์การทําลายล้างดาวเคราะห์ ในครั้งนี้การมีส่วนร่วมของคุณจะได้ รับการประเมินจากผลงาน ความสําเร็จในการต่อสู้ของคุณ เราจะใช้สิ่งนี้เพื่อเลือกสิบราชาสวรรค์ของมหาวิทยาลัยสุดยอดกําแพงเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันชิงอํานาจของมหาวิทยาลัยเอกภพสิบราชาสวรรค์จะเป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยเรา!”
ประโยคเหล่านี้ทําให้เกิดความวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง
ดวงตาของผู้บ่มเพาะทุกคนเปล่งประกายแวววาว เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
แม้แต่จ้าวเยวี่ยเอ๋อร์ผู้ซึ่งรักษาความสงบของเธอมาตลอดก็ยังเผยให้เห็นท่าทางที่แตกต่างออกไป
เห็นได้ชัดว่าชื่อของสิบราชาสวรรค์นั้นน่าสนใจมาก
สิบราชาสวรรค์?
เฟิงหลินรําพึงอย่างเงียบ ๆ แม้แต่ราชินีแห่งการต่อสู้จ้าวเยวี่ยเอ๋อร์ก็รู้สึกหวั่นไหวกับสิ่งนี้ แค่ฟังจากชื่อก็รับรู้ได้ถึงความไม่ธรรมดา มันไม่ได้เป็นเพียงแค่ชื่อเท่านั้น จะต้องมีผลประโยชน์มากมายภายในด้วย ถ้าไม่อย่างนั้นมันจะทําให้คนเสียอาการได้ยังไง?
เมื่อจ้าวเยวี่ยเอ้อร์เห็นเพิงหลินขมวดคิ้ว เธอก็เข้าใจความสงสัยของเขา จากนั้นเธอก็อธิบายว่า “สิบราชาสวรรค์เป็นนักเรียนที่ได้รับการยอมรับจากนักเรียนและกองทัพสุดยอดกําแพง พวdเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของรุ่น แค่เพียงอย่างเดียวก็จะทําให้พวกเขาได้รับทรัพยากรมากมหาศาล!”
เฟิงหลินยังคงงงงวยและเขาก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ ทําไมผมไม่เคยได้ยินเรื่องการคัดเลือกสิบราชาสวรรค์มาก่อนเลย”
จ้าวเยวี่ยเอ๋อร์ยิ้ม “ เนื่องจากมีสิทธิพิเศษมากมายสําหรับสิบราชาสวรรค์และการเลือกไม่ได้ขึ้นอยู่กับการบ่มเพาะหรือความแข็งแกร่งเท่านั้น มันครอบคลุมทุกแง่มุมรวมถึงวิธีการใช้กลยุทธ์ ระดับสติปัญญาและความสําเร็จในการต่อสู้ ในช่วงเวลาแห่งความสงบ ไม่มีเกณฑ์ตายตัวสําหรับการคัดเลือก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากมากที่จะคัดเลือกคน ท้ายที่สุดแล้วสิ่งล่อใจสําหรับชื่อเสียงนั้นมากมหาศาลเกินไป เพื่อป้องกันความวุ่นวาย การคัดเลือกจะไม่เกิดขึ้นในช่วงเวลาแห่งความสงบ เฉพาะในช่วงสงครามที่มีเหล่าวีรบุรุษปรากฏตัว ศักยภาพของทุกคนจึงถูกกระตุ้น ความสําเร็จในการต่อสู้เป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถโน้มน้าวใจคนอื่น ๆได้ สิบราชาสวรรค์ต้องเข่นฆ่าด้วยความสามารถที่แท้จริงในสนามรบ ไม่ต้องสงสัยในความแข็งแกร่งของพวกเขา หลังจากกลายเป็นหนึ่งในสิบราชาสวรรค์ ไม่เพียงแต่จะได้รับทรัพยากรจํานวนมากจากมหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่ตําแหน่งทางทหารของนายจะเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติหนึ่งขั้นและนายจะสามารถเข้าถึงเอกสารลับทั้งหมดกว่า90%”
จ้าวเยวี่ยเอ๋อร์เปิดเผยความลับมากมายเกี่ยวกับสิบราชาสวรรค์ แต่ละอย่างล่อตาล่อใจอย่างยิ่ง
ดวงตาของเฟิงหลินทอประกาย
ถ้าใครสามารถกลายเป็นหนึ่งในสิบราชาสวรรค์ได้ พวกเขาจะสามารถได้รับประโยชน์มากมาย ไม่น่าแปลกใจที่หลายคนตื่นเต้นมาก
นายพลสงครามหันไปจ้อง เมื่อเขาเห็นผู้คนมากมายแสดงเจตจํานงในการต่อสู้ออกมา เขาก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้า
สงครามคือการระดมพล ด้วยขวัญกําลังใจที่สูงส่งขนาดนี้เขายังต้องกังวลว่าเป้าหมายของพวกเขาจะไม่สําเร็จอีกหรือ?
จากนั้นเขาก็พูดต่อด้วยน้ําเสียงหนักแน่น การลงทะเบียนเริ่มต้นขึ้นแล้ว สําหรับผู้ที่กําลังเต รียมเข้าร่วมในศึกสุดท้าย เราจะมอบชุดเกราะเมชารุ่นล่าสุด เกราะเมชาเทพแสงให้ผลิตภัณฑ์นี้ สร้างขึ้นโดยการวิจัยใหม่ที่ใช้เพื่อจัดการกับวิญญาณโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม เฉพาะผู้ที่เข้าร่วมเท่านั้นถึงจะได้รับ หากมีใครกล้าลงทะเบียนและไม่เข้าร่วมในสนามรบ คุณจะถูกตั้งข้อหากบฏต่อมนุษยชาติและถูกสังหารอย่างไร้ความปรานี”
ในขณะที่เขาพูดน้ําเสียงของเขาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าที่ไร้ขอบเขต ไม่มีความเมตตาใด ๆ เลย
การแสดงออกของทุกคนเปลี่ยนไป ไม่กล้าที่จะประมาทอีกต่อไป
ตอนนี้นายพลเตือนพวกเขาเป็นการส่วนตัวแล้ว ถ้าพวกเขายังกล้าที่จะทํา พวกเขาจะต้องตายจริงๆ!
“ สมาชิกของชมรมการต่อสู้มาลงทะเบียน!” จ้าวเยวี่ยเอ๋อร์นําสมาชิกของเธอและเดินไปด้านหน้า เริ่มลงทะเบียน
“มันเป็นพวกเธอเองสินะ” เจ้าหน้าที่ลงทะเบียนรู้ชื่อของจ้าวเยวี่ยเอ๋อร์ดี เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจเมื่อสังเกตเห็นชื่อของเฟิงหลิน
เฟิงหลินเข้าร่วมชมรมการต่อสู้ตอนไหน?
ชมรมการต่อสู้กลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งสุดทันที ดูเหมือนว่าพวกเขาตั้งใจจะยึดตําแหน่งอันดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังต้องแข่งขันกับทีมแกร่งอื่นๆ
จ้าวเยวี่ยเอ๋อร์เป็นผู้นํา มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่ทีมของเธอจะกระจอก
แต่เฟิงหลินไม่ได้ใส่ใจ เขาหยิบชุดเกราะเมชาของเทพแสงที่เขาเพิ่งได้รับมาและเริ่มทดลองมัน
ชุดรบสีเงินปกคลุมทั้งตัวของเขาและไม่มีช่องว่าง มันเปล่งแสง ให้ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
“เกราะเมชาเทพแสง- หมายเลข 109 พร้อมให้บริการแล้ว สิ่งนี้ถูกสร้างขึ้นจากเทคโนโลยีเมชาที่แข็งแกร่งที่สุดในอวกาศระหว่างดวงดาว ดาบแห่งการสูญพันธุ์ของอนุภาคเป็นสารพิษของเผ่าพันธุ์วิญญาณ ในนามเทพแห่งแสง
จงฆ่าสมาชิกทั้งหมดของเผ่าพันธุ์วิญญาณไขอให้เผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นฝ่ายได้ชัย!”
ปัญญาประดิษฐ์ของชุดเกราะเมชาดังขึ้น เฟิงหลินทําตามคําแนะนําและกดปุ่มบนข้อมือของเขา
ในเวลาต่อมาดาบสีเขียวและดาบสีแดงที่สร้างขึ้นจากแสงก็ปรากฏขึ้นในมือทั้งสองข้างของเขามีการแผ่รังสีแม่เหล็กไฟฟ้าสูง ทําให้มันเป็นรูปร่าง
บูซ บูซ บูช
เมื่อสะบัดดาบ มันจะทิ้งแสงสีไว้ในอากาศ มันน่าตื่นตามาก ความร้อนที่เกิดขึ้นเพียงพอที่จะกําจัดชีวิตทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์
ด้วยอาวุธอันทรงพลังในมือของเขาตอนนี้ ทุกอย่างก็เตรียมพร้อมแล้ว
เฟิงหลินหันไปมองที่สนามรบ ดวงตาเขาสะท้อนให้เห็นถึงแสงวูบวาบ