ตอนที่ 447 ถ่ายทอดความลับ
“ทําลายด้วยหัวใจ?”
เมื่อเฟิงหลินได้ยินคําตอบของพระสุภูติ เขาก็อดคิดลึกไม่ได้
มันรู้สึกราวกับเขาเข้าใจบางอย่าง แต่เหมือนกับว่าเขาไม่เข้าใจอะไรเลย
อุดมคตินิยมและวัตถุนิยมเป็นสองลัทธิสุดขั้วในปรัชญา
แต่ทว่า เทียบกับมุมมองอุดมคตินิยมของลัทธิธรรมชาตินิยม หลักปรัชญาเชื่อว่าองค์ประกอบธรรมชาติได้สร้างทุกสิ่งในจักรวาล แม้แต่จิตสํานึก วัตถุนิยมก็เป็นจริงขึ้นมาอย่างปฏิเสธไม่
ดังนั้น เมื่อจักรวาลเกิดการเปลี่ยนแปลง พลังแห่งอุดมคติที่คลุมเรือนและไร้เหตุผลสา มารถพลิกผันทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงจักรวาลได้
แม้ว่าเฟิงหลินจะปลุกยืนวิญญาณขึ้นมา เสริมมันจนถึงระดับสูงสุด เขาก็ไม่กล้ามั่นใจในเรื่อง
เขาอดโค้งคํานับไม่ได้และถามอีกครั้ง” ข้าอยากขอให้ท่านปรมาจารย์อธิบายให้ชัดเจนกว่านี้เมื่อสวรรค์สิ้นอายุ ผู้บ่มเพาะควรปฏิบัติอย่างไร?”
พระสุภูติยิ้มขณะนั่งบนแท่น เขาอยู่ในสภาพสงบและผ่อนคลาย ราวกับทุกอย่างอยู่ภายในการควบคุมของเขา
“ศิษย์โง่!”เขาพูดขึ้น เสียงเขาเหมือนระฆัง ชะล้างจิตใจของผู้คน”เจ้ารู้หรือไม่ว่าโลกมี ทั้งเล็กและใหญ่2ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์วนอยู่นอกโลกดวงดาวเปลี่ยนตําแหน่ง มีความบริสุทธิ์และสิ่งสกปรกในโลก…ทั้งหมดนี้คือโลกที่หล่เลี้ยงชีวิตมากมายและล้วนเป็นส่วนหนึ่งของวัตถุนิยม เมื่อสวรรค์สิ้นอายุโลกเสื่อมถอยมันยากที่สิ่งมีชีวิตจะอยู่รอด แต่ทว่า สวรรค์จะมักเปิดประตูทิ้งไว้เสมอ ทุกชีวิตล้วนเป็นวิญญาณของโลก กําเนิดมาพร้อมสติปัญญาและมีโลกภายในตัวนี่คือพลังของอุดมคติเส้นทางของผู้บ่มเพาะคือดูดซับหลังวัตถุนิยมของโลกเพื่อเสริมพลังจักรวาลเล็กๆภายในตัวเอง สุดท้าย วิญญาณก็จะบริสุทธิ์ สร้างจักรวาลอันเป็นอิสระ สวรรค์และโลกอาจ สิ้นอายุ แต่ข้าไม่จักรวาลเสื่อมถอย แต่ข้าไม่ นี่คือเต๋แห่งการหลุดพ้น!”
ปรมาจารย์อธิบายถึงความลึกซึ้งของสามมุมมอง สวรรค์และโลก ผู้บ่มเพาะ และวิญญาณโดยไม่รู้ตัว ผู้บ่มเพาะรอบๆจมอยู่กับคําสอนและไม่สามารถดึงตัวเองออกมาได้
เฟิงหลินเองก็เช่นกัน
สิ่งที่พระสุภูติกล่าวคือเยิ่งใหญ่ไร้ผู้เทียบเคียง แต่ มันควรจะปฏิบัติใช้ยังไง?
พระสุภูตินั่งสูงบนแท่นบูชาที่มีเมฆลอยอยู่ด้านหลัง นําเสนอาพยอดเยี่ยมที่ครอบครองความเป็นเซียน
ในโลกที่เขายืนเหมือนโลกของตัวมันเอง ราวกับมันอยู่ตรงหน้าพวกเขา แต่ก็อยู่ห่างไกลมาก!
ยอดเยี่ยมไมันยอดเยี่ยมเกินคําบรรยาย!
นี่คือความลึกซึ้งที่พระสุภูติเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้?
การได้เห็นวิธีการนี้กับตาทําให้เฟิงหลินรู้สึกว่าเขาได้รับโชคลาภ และก้มหัว “ข้าขอร้องให้ท่านช่วยบอกความลับ!”
“ช่างกล้าเจ้ากล้าดียังไง!”
“นี่คือบาปครั้งใหญ่ไล่เขาออกไปจากภูเขาซะ!”
“ลงไป!”
ผู้บ่มเพาะคนอื่นทั้งตกใจและโกรธ ไม่มีวี่แววของความสงบอีก
พวกเขาไม่กล้าร้องขอต่อปรมาจารย์ แต่ลอบเก็บงําความเกลียดชังและอิจฉา ที่ลิงหินกล้าร้องขอ!
เฟิงหลินไม่สนปฏิกิริยาของคนเหล่านี้แต่ยังจับจ้องพระสุภูติ สายตาเขาแน่วแน่ไม่สั่นคลอน
นี่คือทางเดียวที่จะแก้ไขหายนะของจักรวาล!
ต่อให้เขาต้องถูกขังในโลกมายานี้นับพันปี เขาก็ต้องหาคําตอบให้ได้
คําพูดของคนเหล่านี้ไม่น่ากังวลอะไรต่อขา
คําตําหนิมาจากรอบตัว แต่พระสุภูติยังสงบ ไม่แปลกใจหรือโกรธ เขาไม่เห็นด้วยหรือปฏิเสธแค่ยิ้มและถาม
“หงอคง เจ้ารู้ว่าความลับไม่ควรส่งต่อไปยังหูทั้งหก และความลึกซึ้งของเต๋ก็ต้องไม่ถูกส่งผ่านไปง่ายๆ เจ้ารู้ดีใช่หรือไม่ว่าเจ้ากําลังขอให้ข้าถ่ายทอดความลับ?”
ปรมาจารย์ย้ํากับคําว่า “หูทั้งหก และคําพูดที่ดูสงบเขาก็ดังเหมือนเสียงระฆังข้างหู ดวงตาที่ชัดเจนคู่หนึ่งทะลุผ่านทุกสิ่ง ราวกับเห็นผ่านภาพลวงตาทั้งหมด
ร่างของเฟิงหลินแข็งค้างและเขาก็รู้สึกว่าภายใต้การจับจ้องนี้ ทั้งร่างเขาถูกมองและไม่หลงเหลือความลับใด
เขารู้สึกว่าพระสุภูติไม่ได้กําลังมองร่างกายของลิงหิน แต่กําลังมองวิญญาณเขา
(คนมีสองหู หูที่หกนั้นหมายถึงฉัน?)
(หรือพระสุภูติจะเห็นฉน)
(เป็นไปได้ยังไง?)
เฟิงหลินเต็มไปด้วยความประหลาดใจแต่ไม่รู้ว่าจะพูดยังไง
มันยากจะพูดและเดา
ด้วยการบ่มเพาะปัจจุบันเขา ไม่สามารถจินตนาการได้ว่าอาณาจักรนักบุญเป็นยังไง
ต่อให้เขาซ่อนลึกภายในตัวลิงหิน เขาก็ไม่สามารถหยุดพระสุภูติจากการสํารวจเขาได้
มันราวกับพระสุภูติเห็นทุกอย่างนานแล้วและเฟิงหลินก็สูญเสียวิธีที่เขาควรจะตอบกลับเขาทําได้แค่ก้มหัว” ศิษย์ขอวิงวอนให้ปรมาจารย์นําทางข้าไปบนเส้นทางที่ถูกต้อง!”
พระสุภูติส่ายหัวและถอนหายใจ”โง่ โง่เขลาเจ้าไม่รู้ได้ยังไงว่าการฝืนแสวงหาความลับก็เหมือนดอกไม้ในกระจก ดวงจันทรีสนน้ํา มันคงอยู่ได้ไม่นาน!”
เฟิงหลินไม่ลังเลใจ ก้มหัวอีกครั้ง” ปรมาจารย์ ความคิดนี้เติมเต็มความคิดข้า ข้าจะ ได้รับคําตอบโดยตรงและไม่แสวงหามันเพื่อเปลี่ยนผัน!”
คําพูดเขาแสดงถึงความมุ่งมั่น
“เจ้ายังไม่ยอมแพ้อีก!”
“กล้าดียังไง!ปรมาจารย์ปฏิเสธเจ้าแล้ว เจ้ายังกล้าร้องขออีก?”
“ท่านปรมาจารย์ ไล่เขาออกไป!”
มนุษย์และปีศาจไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้
ลิงหินคือลิงปีศาจและต้องเผชิญกับการปฏิเสธท่ามกลางผู้บ่มเพาะมนุษย์ ตอนนี้ เมื่อเห็นว่าเขาเสียมารยาท ทุกคนจึงก่นด่าเขา
เฟิงหลินไม่หวั่นไหวและทําเหมือนคนเหล่านี้ไม่มีตัวตน
ตอนนี้ แม้แต่พระสุภูติก็ดูเหมือนจะโกรธเล็กน้อยกับความดื้อด้าน ส่วนลึกในดวงตาเขาเปล่งประกายลึกซึ้ง” หงอคง เจ้าไม่แสดงความเคารพต่ออาจารย์เจ้าโก้าวออกมา!”
“มันกําลังจะลําบากแล้ว!”
“มันอาจถูกไล่ออกจากภูเขา!”
“ภูเขาแห่งนี้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์สําหรับผู้บ่มเพาะ ตั้งแต่เมื่อไรที่ลิงปาสามารถเข้ามาได้?”
เสียงากมายฟังดูเหมือนกําลังดีใจในความทุกข์ของคนอื่น
เฟิงหลินสูดหายใจลึก ควบคุมร่างลิงหินให้ก้าวไปข้างหน้า โค้งคํานับ
“ลิงโง่ นี้เพื่อแสดงความไม่เคารพต่ออาจารย์เจ้า!” พระสุภูติถือไม้กระดาน เคาะหัวลิงหิน
เสียงเคาพเบาๆนี้ทําให้เกิดเสียงดังสนั่น ทําลายความสับสนในหัวใจเฟิงหลิน
ดวงตาเฟิงหลินเป็นประกายขณะที่เสียงอันยิ่งใหญ่ดังก้องในใจเขา นําเสนอคําว่า “คัมภีร์หัวใจไร้ขอบเขตของสุภูติ”
มีแม้แต่เหล่านักบุญที่พูดความลับเหนือสวรรค์ ช่างงดงามและกว้างใหญ่
ในช่วงเวลานั้น ความลึกล้ําไร้ขอบเขตของจักรวาลได้เข้าสู่สมองเขา
มันคือการเผยคําสอน ให้เกิดการตรัสรู้
เฟิงหลินจมอยู่กับความลี้ลับไร้ขอบเขต เขาพลันได้รับความลึกซึ้งไร้สิ้นสุด
มันสามารถเข้าใจได้ และไม่สามารถแสดงออกเป็นคําพูดได้!
“พระคัมภีร์นี้จะช่วยเจ้าให้หลุดพ้นหายนะ ไปซะ!”
เสียงร้องเบาๆดังขึ้น
วินาทีต่อมา มันรู้สึกราวกับมีสายลมอ่อนๆ ผลักดันเขา วิญญาณเขากลายเป็นเลือนรางและเบามากหลุดออกจากร่างลิงหิน ขี่ลมเพื่อบินไปในจักรวาล
ภาพลวงตาเริ่มถูกทําลาย เขาก้มมองลงไป
เงาร่างนั้นยังนั่งบนเมฆ ยิ้มให้เขาและพยักหน้าเล็กน้อย
ก่อนเฟิงหลินจะได้คิดอะไรมาก เขาก็ได้กลับมาร่างเขาแล้ว เขากลับมาอยู่ใน ชุดจักรกลและลอยอยู่ในอวกาศ
หายนะของจักรวาลขยายออกไปเหมือนเงา ครอลคลุมมนุษย์ทุกคน ไม่มีใครรอดพ้น
เฟิงหลินโชคดีและนั่งลงในความว่างเปล่า ท่องพระคัมภีร์ลึกล้ํา เสียงเขาไม่ดัง แต่มันกลับส่งเสียงออกไปในอวกาศได้ยังไงก็ไม่รู้ ห่อหุ้มความชั่วร้ายทั้งหมดทั้งมวล
“สสารไม่ใช่ความจริง ความคิดคือพลังความว่างเปล่าคือสถานะแท้จริงของทุกสิ่งในโลกไม่ว่าจะเกิดหรือดับ ไม่ว่าจะแปดเปื้อนหรือสะอาด ไม่ว่าจะเพิ่มหรือลด..”