บทที่ 241
ตกตะลึง
“ฟู่หยางอยู่ที่นี่หรือไม่?…..ข้าต้องการพบเขา โปรดแจ้งเขา” หลินเว่ยมองไปที่เสิ่นเจีย เขาเอามือไพล่หลัง และพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชามาก
“ ฟู่หยาง?” เสิ่นเจียตกตะลึงในตอนแรก และทันใดนั้น นางก็ขยบคิดในใจ เพราะจู่ ๆนางก็จำได้ว่า ฟู่หยางคือชื่อของ ผู้นำหอคอยว่านเป๋า!
“เขากำลังมองหาท่านผู้นำหรือ” หัวคิ้วของเสิ่นเจียขมวดในทันที เมื่อพิจารณาจากอายุของหลินเว่ย ดูไม่มาก เขาอายุประมาณ 20 ปี ในฐานะ ผู้นำว่านเป๋า ไม่น่าจะมีใครที่จะติดต่อกับ ฟู่หยางโดยตรง
เว้นแต่ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ มีข่าวลือที่เสิ่นเจียยังคงประทับอยู่ในใจ ในช่วงสองปีที่ผ่านมา
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ทันใดนั้นหัวใจของเสิ่นเจียก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ใบหน้าของนาง มีสีประหม่าและถามอย่างระมัดระวัง: “ขอถามชื่อนายน้อย ท่านสกุลหลินหรือไม่?”
“รู้ได้อย่างไรว่า สกุลของข้าคือ หลิน? “หลินเว่ยคิ้วกระตุก และถามอย่างสงสัย
“ เป็นเขาจริงๆ” เมื่อได้ยินหลินเว่ยตอบรับ ใบหน้าของเสิ่นเจียก็แสดงความเคารพมากขึ้น และพูดด้วยเสียงเบาๆ: “ข้ามักได้ยินข่าวลือของท่าน มาจากหัวหน้า โปรดติดตามข้าไป! ข้าจะพาท่านขึ้นไปชั้นบน”
“โอ้! ดี” หลินเว่ยพยักหน้าและติดตามนางไป
หลินเว่ยเดินตามเสิ่นเจียขึ้นบันได ซึ่งไม่ก่อให้เกิดความสนใจของคนอื่น ท้ายที่สุดชั้นสองของหอคอยว่านเป๋า ต้องการเพียงความแข็งแกร่งของราชาแห่งการต่อสู้ แม้ว่าอายุของ หลินเว่ยจะดูเด็ก แต่ก็ยังมีคนหนุ่มสาวจำนวนมากที่ก้าวไปถึงระดับ
ราชาแห่งการต่อสู้ ผู้คนย่อมไม่แปลกใจ
ตลอดเส้นทาง มาจนถึงชั้นสาม เสิ่นเจียหยุดชะงัก แล้วขอให้หลินเว่ยรอสักครู่ นางเดินออกไปพบใครบางคน ตามความเห็นของนาง ด้วยอำนาจของนางชั้นที่สามเป็นขีดจำกัด นางไม่มีคุณสมบัติที่จะพาคนขึ้นไปเหนือชั้นที่สอง
ส่วนการพบผู้นำหอคอยว่านเป๋า นางย่อมไม่มีคุณสมบัติ
หลินเว่ยยืนอยู่ที่เชิงบันได และไม่รอนาน เสิ่นเจียกลับมา ข้างหลังนางเป็นผู้หญิงอีกคน หลินเว่ยรู้สึกคุ้นเคย จนกระทั่งอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ หลินเว่ยก็จำได้ว่า นางเป็นผู้ใด
ปรากฏว่า ลู่หยินที่ได้พบกับหลินเว่ย เดินกลับมาพร้อมกับเสิ่นเจีย ในเวลานั้นหลินเว่ยมาที่หอคอยว่านเป๋าเป็นครั้งแรก นางเป็นคนออกมารับเขา
“ท่านชายหลิน! จำข้าได้หรือไม่?” ลู่หยินทักทายหลินเว่ย แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม ท่าทีของนางเต็มไปด้วยความเคารพ
“อืม! จำได้เล็กน้อย!” หลินเว่ยพยักหน้า และกล่าวว่า ตนเองจำได้เล็กน้อย เพราะเขาลืมชื่อของอีกฝ่าย
“ฮิฮิ! เป็นเกียรติของข้า ที่ได้รับการจดจำจากนายน้อย ข้าได้ยินมาว่านายน้อยกำลังตามหาผู้นำ ข้าจะพาท่านขึ้นไป” เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเว่ย รอยยิ้มบนใบหน้าของลู่หยิน ก็เบิกบานมากขึ้นเรื่อย ๆ สดใส และสีแห่งความสุขในดวงตาของนางปิดไม่มิด
“อืม! รบกวนด้วย” …หลินเว่ยพยักหน้าและกล่าวอย่างสุภาพ
“เจ้าค่ะ! โปรดติดตามข้ามา ลู่หยินหันไปนำทางหลินเว่ย หลังจากติดตามลู่หยินขึ้นไปที่ชั้นห้า อีกฝ่ายไม่ได้พาหลินเว่ยไปหาฟู่หยางโดยตรง แต่ให้เขาพักผ่อนในห้องรับรอง และนางไปแจ้งฟู่หยาง
ไม่นานหลังจากที่หลินเว่ยนั่งลง ก็มีเสียงฝีเท้าดังอยู่นอกประตู จากนั้น หลินเว่ยก็เห็นร่างของฟู่หยาง ปรากฏตัวนอกประตู เขาก้าวเข้ามาตามด้วยลู่หยิน
“ ปล่อยให้ท่าน…..ต้องรอนาน ฟู่หยางกำหมัดแน่นประสานหมัดเอ่ยทักทายหลินเว่ย!” ฟู่หยางเดินไปหาหลินเว่ย อย่างรวดเร็ว
หากบุคคลใดพบเห็น ผู้นำว่านเป๋กล่าวขออภัยชายหนุ่ม คาดว่าสองตาแทบจะถลนออกมา
อย่างไรก็ตาม คนที่รู้เรื่องนี้จะไม่รู้สึกแปลกใจ เมื่อเห็นฉากนี้ นี่คือสิ่งที่ลู่หยินเห็นบ่อยครั้ง เมื่อนางเห็นท่าทีของฟู่หยางที่มีต่อหลินเว่ย นางก็ไม่รู้สึกแปลกใจ เหมือนกับเป็นท่าทีที่ถูกต้องที่อีกฝ่ายพึงมี
“มันเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เรามาพูดคุยเรื่องการค้าเถอะ” หลินเว่ยส่ายหัวและกล่าวด้วยใบหน้าเย็นชา
“ขอรับ โปรดบอกข้า นายน้อย ฟู่หยางยังคงกล่าวด้วยความเคารพ
หลินเว่ยหยิบกระเป๋ามิติมากกว่า 100 ใบออกมาและวางไว้ตรงหน้าฟู่หยาง เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม“ อันที่จริงมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ข้าสังหารสัตว์อสูรได้บางตัวในช่วงสองปีที่ผ่านมา และข้าก็นำแก่นคริสล เหลือเพียงซากศพ อย่างไรก็ตามซากศพเหล่านี้
ไม่มีประโยชน์สำหรับข้า ดังนั้นข้าต้องการขายมันให้กับหอคอยว่านเป๋า และมีสมุนไพรบางชนิด ”
“ไม่มีปัญหา! ข้าจะจัดคนมาประเมินราคา” ฟู่หยางพยักหน้าและพูดอย่างจริงจัง แต่ดวงตาของเขาแปลกไป แม้ว่า หลินเว่ยจะไม่นับกระเป๋ามิติ ที่เขาหยิบออกมา จากการประเมินของเขา มีหนึ่งหรือสองร้อยถุง
หากมีซากศพของสัตว์อสูรทั้งหมด จำนวนมากมาย ก็ไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าใด อีกอย่างไม่รู้ว่าซากศพพวกนี้อยู่ระดับใด
ฟู่หยางหยิบกระเป๋ามิติขึ้นมาอย่างอยากรู้อยากเห็น และพร้อมที่จะตรวจสอบรายละเอียด เขาคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว ไม่ว่า หลินเว่ยให้ซากสัตว์อสูรขั้นใด เขาก็จะซื้อมันในราคา ที่สูงกว่าราคาตลาด นี่คือสิ่งที่ ซางกวนตังสั่งเขาไว้
“สัตว์อสูรหมาป่าเพลิงมรกตขั้นที่เจ็ดและแปด” เมื่อเห็นซากศพในกระเป๋ามิติ ฟู่หยางก็ตกใจและมองไปที่หลินเว่ยด้วยความไม่เชื่อ
เมื่อเห็นการแสดงออกบนใบหน้าของหลินเว่ย ฟู่หยางก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นก็หยิบกระเป๋ามิติใบที่สองขึ้นมา และตรวจสอบอีกครั้ง
“ นี่คือซากศพของสัตว์อสูรขั้นที่ 7 และระดับ 8 ฟู่หยางมือเริ่มสั่นเทา เขาเงยหน้าขึ้นมองหลินเว่ย แล้วตรวจสอบไปที่กระเป๋ามิติมากกว่าสิบใบ
ยิ่งเขาเห็นการแสดงออกบนใบหน้าของฟู่หยาง ก็ยิ่งสงบมากขึ้น แต่ในใจของเขาตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย แต่เขาก็แอบซ่อนมันเอาไว้
แม้ว่า ฟู่หยางจะแอบซ่อนความรู้สึก แต่มือที่สั่นเทา ใบหน้าซีดและหยดเหงื่อ ล้วนแสดงออกถึงความร้อนรนภายในของเขา
หลังจากที่ฟู่หยางได้รับกระเป๋ามิติแล้ว หลินเว่ยก็จากไป เนื่องจากหลินเว่ยเข้าใจว่าต้องใช้เวลาในการประเมินราคา เขาติดตามลู่หยินและเสิ่นเจีย ลงไปและออกจากประตูหอคอยว่านเป๋า
หลังจาก หลินเว่ยจากไป ฟู่หยางได้ตรวจสอบกระเป๋ามิติทั้งหมด อารมณ์ของเขาในขณะนี้มึนงง
ดังที่หลินเว่ยกล่าวว่า กระเป๋ามิติทั้งหมดนี้เป็นซากศพของสัตว์อสูรขั้นสูง จำนวนทั้งหมดมีมากมายมหาศาล แค่ประมาณราคาอย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว ที่เขาจะยุ่งในช่วงเวลาหนึ่ง
สำหรับมูลค่าของซากศพของสัตว์อสูร ตามธรรมชาติต้องรอให้ซากศพทั้งหมดถูกตรวจสอบ จากนั้นจึงส่งมอบให้ หลินเว่ย อย่างไรก็ตามเวลานี้ จะไม่สั้นเกินไป ตามธรรมชาติ หลินเว่ยย่อมไม่รอที่นี่ อย่างไรก็ตาม เขารู้ดีว่าฟู่หยางจะไม่โลภในสิ่งของของเขา