พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – บทที่ 1512 ภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่ของหนิวโหย่วเต๋อ

บทที่ 1512 ภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่ของหนิวโหย่วเต๋อ

“ปีศาจจิ้งจอกพันหน้า?” ปี้เยว่ฮูหยินตะลึงงัน ทำไมจู่ๆ ถึงโยงมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ อดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัยว่า “เจ้าจะยืมมันไปทำอะไร?”

“มีเรื่องนิดหน่อย สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ ท่านวางใจเถอะ ขอยืมไปไม่นาน เดี๋ยวจะเอามาคืนท่าน” เหมียวอี้ตอบ

ปี้เยว่ฮูหยินแสดงอาการลังเลนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ขี้งก แต่ปีศาจจิ้งจอกพันหน้าตัวนี้เกี่ยวข้องกับความลับใหญ่ของนาง ถ้าปีศาจจิ้งจอกปากไม่มีหูรูดขึ้นมา นางจะไม่อับอายแย่เหรอ นางเคยให้ปีศาจจิ้งจอกพันหน้าแปลงร่างเป็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้ด้วย

ถึงแม้หลังจากออกจากแดนอเวจีแล้ว นางจะให้ปีศาจจิ้งจอกพันหน้าทำเรื่องแบบนั้นน้อยมาก แต่ก็ยังกังวลใจจริงๆ! หลายครั้งที่นางอยากจะฆ่าปิดปากปีศาจจิ้งจอกพันหน้า แต่สุดท้ายก็ยังทำใจไม่ได้

เหมียวอี้เห็นแบบนั้นก็เดาความกังวลของนางออกแล้ว เดิมทีอยากจะเปิดเผยว่าตัวเองรู้เรื่องนี้แล้ว แต่คิดไปคิดมาก็ยังไม่ได้พูด มีใครบางที่ไม่มีเรื่องลับส่วนตัวเลย? และเรื่องลับส่วนตัวของอีกฝ่ายก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน มิหนำซ้ำอีกฝ่ายก็ว่างเปล่าเดียวดาย เรื่องนี้พอจะเข้าใจได้ ไม่จำเป็นต้องให้อีกฝ่ายเปิดเผบเรื่องนี้ เขาจึงรอต่อไปเงียบๆ

หลังจากเงียบไปนาน ปี้เยว่ฮูหยินก็อึกอักบอกว่า “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากจะให้ยืมนะ แต่ปีศาจจิ้งจอกตัวนี้ไม่ซื่อสัตย์จริงๆ ช่างมันดีกว่ามั้ย”

เหมียวอี้ยกจอกสุราขึ้นมาจ่อตรงปากอย่างช้าๆ “หวังว่าฮูหยินจะช่วยให้สมปรารถนา หลังจากจบเรื่องจะส่งกลับมาให้ทันเวลาแน่นอน!”

เขาดึงดันจะเอาไปให้ได้ ปี้เยว่ฮูหยินจึงไม่สะดวกจะปฏิเสธแล้ว สุดท้ายก็พยักหน้าตอบรับ

ดังนั้นตอนที่เหมียวอี้ออกไป ในอ้อมอกจึงอุ้มจิ้งจอกสีชมพูที่ทำท่าทางเหมือนไม่ได้รับความยุติธรรมตัวหนึ่งไปด้วย

ที่อุทานหลวง หยางชิ่งที่ยืนอยู่ในศาลาบนไหล่เขาทอดสายตามองไปยังจวนแม่ทัพภาคที่อยู่บนภูเขาตรงข้าม เขาถอนหายใจในขณะที่ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล “น่าเสียดายที่ไม่ใช่เวยเวย อวิ๋นจือชิวมีคุณธรรมหรือความมสามารถอะไร มีสามีแบบนี้ก็ไม่เสียชาติเกิดแล้ว เฮ้อ!”

เขาเองก็ทำอะไรกับเหมียวอี้ไม่ได้แล้วเช่นกัน

ที่จริงพอเหมียวอี้ออกจากแดนมรณะดึกดำบรรพ์ก็ติดต่อเขาทันที ให้เขาและลูกน้องคนสนิทอย่างพวกหยางเจาชิงปลอมตัวไปสืบยังดาวเคราะห์ที่ครอบครัวพักอาศัยอยู่ ให้นำครอบครัวถอนกำลังออกไป เตรียมทิ้งกิจการที่พิภพใหญ่ ให้ถอนกำลังกลับพิภพเล็กก่อน เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดคิด!

ให้ทำเรื่องใหญ่ขนาดนี้ หยางชิ่งตกใจมาก ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ย่อมต้องสอบถามซ้ำๆ อยู่แล้ว เหมียวอี้เองก็รู้เช่นกันว่าปิดบังเรื่องนี้ต่อไปไม่ได้ ถึงได้บอกความจริงเขา ตอนนี้หยางชิ่งถึงได้รู้ว่ามีคนจ้องอยากได้อวิ๋นจือชิวจนยั่วโมโหเหมียวอี้ และคนบ้าอย่างเหมียวอี้ก็ต้องการจะเคลื่อนพลโจมตีจวนหัวหน้าภาคน่านฟ้าระกาติงโดยตรง สาบานว่าจะล้างเลือดจวนหัวหน้าภาคและสับร่างโจรสุนัขอย่างฉู่จื่อเซียนสักหมื่นดาบพันดาบ!

ขณะที่หยางชิ่งตกตะลึงพรึงเพริด ก็นับว่าเข้าใจแล้วว่าอะไรเรียกว่า ‘เดือดดาลจนหัวตั้งเพราะสาวงาม!’

เขาได้รับรู้ถึงนิสัยของเหมียวอี้ยามทุ่มสุดตัวอีกครั้ง ไม่ได้คำนึงถึงผลที่ตามมาอะไรทั้งนั้น!

เขาย่อมแนะนำให้เหมียวอี้ไตร่ตรองให้ดี บัญชีของฉู่จื่อเซียนเอาไว้ชำระทีหลัง ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้วว่าจะประกาศความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับอวิ๋นจือชิว ก็สามารถชิงลงมือก่อนเพื่อความได้เปรียบได้เลย ชิงอวิ๋นจือชิวมาไว้ในมือแล้วทำให้อยู่ในฐานะที่ถูกต้อง จากนั้นฉู่จื่อเซียนก็จะทำอะไรเจ้าไม่ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องดึงตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

ทว่าเรื่องบางเรื่องเหมียวอี้สามารถทนได้ แต่เรื่องบางเรื่องเหมียวอี้ทนไม่ได้ ไม่ฟังที่เขาเกลี้ยกล่อมเลย แน่นอน การที่หมียวอี้ทำแบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล ในเมื่อเขาออกมาจากแดนมรณะดึกดำบรรพ์แล้ว แต่เกรงว่าฝั่งตระกูลอิ๋งจะไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ ประจวบเหมาะกับเกิดเรื่องของอวิ๋นจือชิวพอดี ก็ไม่สู้ชิงก่อกบฏก่อนให้สิ้นเรื่อง

สุดท้ายก็เป็นหยางชิ่งที่เกลี้ยกล่อมซ้ำอีก บอกว่าตัวเองอยู่ที่นี่มานานขนาดนี้แล้ว พอจะเข้าใจสถานการณ์ทางนี้คร่าวๆ จึงทำงานอย่างระมัดระวัง เรื่องราวไม่ได้แย่เหมือนที่เหมียวอี้คิด จึงเสนอแผนการดีๆ ที่จะทำให้ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย สามารถทำให้เหมียวอี้บรรลุเป้าหมาย ทั้งยังปกป้องกิจการที่อยู่ทางนี้ได้ทั้งหมดด้วย ตอนนี้ถึงได้ทำให้เหมียวอี้สงบลง

ตอนหลังเหมียวอี้ถึงได้ไปพบกับเทพประจำดาวฟ้าเถาะและคนอื่นๆ ตามแผนที่วางไว้

แน่นอน เหมียวอี้เปลี่ยนแปลงแผนการของหยางชิ่งอีกแล้ว อย่างน้อยหยางชิ่งก็ไม่รู้ว่าเหมียวอี้ยืมตัวปีศาจจิ้งจอกพันหน้ามา ที่เหมียวอี้ทำแบบนี้ก็เพื่อเพิ่มอัตราความสำเร็จ

“เขาปฏิเสธเหรอ?” เฒ่าถังแปลกใจ

ดาวหยกงาม จวนอ๋องสวรรค์ โค่วเหวินหลานที่กลับมายังไม่ทันเจอท่านปู่ของตัวเอง โค่วหลิงซวีเองก็ไม่คุยธุระกับคนรุ่นหลานเช่นกัน กลับเป็นบ่าวชราข้างกายโค่วหลิงซวีที่มาถามสถานการณ์ที่จวนคุณชายสามโค่วเหมี่ยนด้วยตัวเอง คุณชายใหญ่โค่วเจิงกับคุณชายรองโค่วฉินก็มาแล้ว โค่วเหมี่ยนก็ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยเช่นกัน

ที่จริงเรื่องบางเรื่องก็บอกผ่านระฆังดาราได้ แต่โค่วเหมี่ยนอยากจะอาศัยโอกาสนี้ให้ลูกชายตัวเองคลุกคลีกับผู้ใหญ่มากๆ หน่อย เพราะการอยู่ห่างไกลกันนานๆ ไม่ใช่เรื่องดีอะไร จึงสั่งให้ลูกชายรีบกลับมารายงานแบบต่อหน้า

ถึงแม้ตัวเองจะเป็นนายน้อย แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อบ้านเก่าแก่ที่ท่านปู่ไว้ใจที่สุด โค่วเหวินหลานก็ไม่กล้าวางมาดใส่ ยังตอบอย่างเคารพว่า “เป็นข้าที่จัดการเรื่องนี้ได้ไม่ราบรื่น ทำให้เขาตอบตกลงไม่ได้ แต่จนใจที่ท่านพ่อสั่งไว้ล่วงหน้าว่าเรื่องแบบนี้บังคับกันไม่ได้”

“คุณชายสามพูดไม่ผิดหรอก ไม่มีเหตุผลที่จะฝืนยัดหลานสาวของตระกูลโค่วให้คนอื่น” เฒ่าถังที่ขมวดคิ้วพยักหน้าเห็นด้วย แล้วก็ถามต่อว่า “คุณชายน้อย ได้ถามให้ชัดเจนหรือไม่ว่าทำไมเขาปฏิเสธ?”

โค่วเหวินหลานตอบอย่างเคารพว่า “เขาบอกว่าเขามีคนที่ถูกใจอยู่แล้ว บอกว่าอีกไม่นานก็จะได้รู้”

“อย่างนี้เหรอ…” เฒ่าถังลูบเครา

โค่วฉินแสยะยิ้ม “ช่างเป็นคนที่ไม่รู้จักอ่านสถานการณ์จริงๆ สำคัญตัวเองจริงๆ”

เฒ่าถังเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง แล้วถามต่อว่า “คุณชายน้อย เขาได้บอกมั้ยว่าคนที่ชอบคือใคร? เล่าถึงสถานการณ์ตอนนั้นมาให้ละเอียดก็ได้”

โค่วเหวินหลานตอบว่า “เขาไม่ยอมบอก…” เล่าสถานการณ์ให้ฟังคร่าวๆ โดยปิดบังเรื่องที่ตัวเองวางแผนกับน้องสาวตัวเอง

เมื่อเห็นเฒ่าถังตกอยู่ในอาการครุ่นคิด โค่วเจิงที่เป็นพี่ใหญ่ก็ถามอีกว่า “ท่านอาถังคิดว่าในนั้นมีเรื่องปิดบังอยู่เหรอ”

เฒ่าถังส่ายหน้าเบาๆ “ถ้าเป็นแค่คนที่ถูกใจทั่วไปก็ว่าไปอย่าง ที่เขาไม่ยอมบอก ก็เพราะกลัวว่าจะมีคนชิงลงมือก่อนเพื่อความได้เปรียบ มาแซงอยู่ตรงหน้าพวกเรา ถึงอย่างไรตระกูลฮ่าวกับตระกูลก่วงก็ไม่ได้อ่อนด้อยเหมือนกัน อาจจะเป็นข้าที่คิดมากไป”

“ท่านอาถังไตร่ตรองรอบด้านไม่ผิดพลาด แต่ถ้าไม่ใช่แบบนี้ ยังจะดึงตัวหนิวโหย่วเต๋อต่อไปเหรอ?” โค่วเจิงถาม

เฒ่าถังบอกว่า “ถ้าข้าคิดมากไป ก็ย่อมต้องดึงตัวเขามาให้ได้ เพียงแต่ถ้าไม่สามารถแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ได้  ถ้าขาดความสัมพันธ์ระดับการแต่งงานไปแล้ว ต่อให้ดึงตัวมาได้ ความใกล้ชิดและห่างเหินก็จะไม่เหมือนกัน…ดูสถานการณ์ก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะ”

โค่วเจิงพยักหน้า “นึกไม่ถึงว่าวรยุทธ์ของหนิวโหย่วเต๋อจะเพิ่มไวขนาดนี้ ใช้เวลาไม่นานก็บรรลุระดับบงกชรุ้งแล้ว ในวันข้างหน้าจะต้องได้เป็นแม่ทัพผู้ห้าวหาญแน่นอน จะว่าไปแล้ว ต้องโทษที่ตอนแรกข้าจิตใจคับแคบเกินไป มีตาหามีแววไม่ ในปีนั้นท่านอาถังอุตส่าห์ตั้งใจเตือนให้ข้าสนใจเขามากๆ เรื่องที่เดิมทีลงทุนนิดหน่อยก็จะทำสำเร็จ แต่ข้ากลับทำให้มันกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว เป็นความผิดพลาดของข้าเอง”

เฒ่าถังมองเขาอย่างชื่นชม สามารถยอมรับผิดและตำหนิตัวเองได้ นี่สิความใจกว้างของผู้สืบทอดตระกูลโค่วในอนาคต ถ้าฝึกฝนอย่างหนักเพิ่ม ตระกูลโค่วก็มีผู้สืบทอดแล้ว จึงพูดปลอบใจว่า “เรื่องบางเรื่องต่างเวลาก็ต่างสถานการณ์ ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นก็คงทำเหมือนกัน คุณชายใหญ่ไม่จำเป็นต้องตำหนิตัวเอง”

โค่วฉินไม่พอใจสายตาชื่นชมที่เฒ่าถังมองพี่ใหญ่ของตัวเอง จึงพูดแขวะว่า “ตำหนิตัวเองเพื่อหนิวโหย่วเต๋อที่ต่ำต้อยแบบนี้ พี่ใหญ่ทำเกินไปแล้วมั้ง” ความหมายแฝงในคำพูดก็คือพี่ใหญ่จงใจดัดจริต และอยากจะเตือนเฒ่าถังให้สังเกต อย่าได้โดนตบตา

คำพูดนี้ทำให้บรรยากาศในห้องเริ่มละเอียดอ่อนทันที ในใจพี่ใหญ่โค่วเจิงจะไม่รู้ได้อย่างไร แต่สีหน้ายังไม่แสดงความผิดปกติอะไร เอียงหน้าช้าๆ มองไปที่โค่วฉิน แล้วถามว่า “น้องงรอง เจ้าต้องรู้ไว้นะว่าอาจารย์ของหนิวโหย่วเต๋อคือใคร?”

“อาจารย์ของหนิวโหย่วเต๋อเหรอ?” โค่วฉินงุนงง โดนคำถามนี้ทำให้อึ้ง ถามกลับอย่างมึนงงว่า “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับอาจารย์ของหนิวโหย่วเต๋อ?”

“เรื่องนี้ก็ไม่แปลกเช่นกัน ถ้าเจ้ารู้ว่าอาจารย์ของเขาคือใคร เกรงว่าเจ้าคงจะไม่พูดอย่างนี้” โค่วเจิงตอบเสียงเรียบ

“อาจารย์เขาคือใคร? ทำให้พี่ใหญ่ให้ความสำคัญขนาดนี้ได้ อย่าบอกนะว่าอาจารย์เขาคือฝ่าบาทราชันสวรรค์?” โค่วฉินสงสัย

“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก” โค่วเจิงส่ายหน้า แล้วกล่าวเบาๆ อย่างอ่อนโยนว่า “ช่วงนี้ภายนอกมีข่าวลือมาจากไหนก็ไม่รู้ บอกว่าอาจารย์ของหนิวโหย่วเต๋อคืออสุราอัคนี!”

“อสุราอัคนี?” โค่วฉินกับโค่วเหมี่ยน สองพี่น้องอุทานตกใจพร้อมกัน

โค่วเหวินหลานยังงุนงง ไม่ได้เคยได้ยินชื่อบุคคลนี้มาก่อน แต่พอเห็นท่าทางของบิดากับลุงรองแล้ว ก็เหมือนจะตกตะลึงไม่เบา พอมองไปที่เฒ่าถังอีกครั้ง ก็พบว่ายังมีสีหน้าสงบนิ่งอยู่ ไม่ประหลาดใจเลยสักนิด ราวกับรู้อะไรบางอย่างมา

“พี่ใหญ่ อสุราอัคนีไหน?” โค่วฉินทั้งประหลาดใจทั้งสงสัย

โค่วเจิงตอบว่า “เจ้าคิดว่ามีหลายอสุราอัคนีรึไงล่ะ? ก็ต้องเป็นอสุราอัคนีที่อยู่ในยุคโจรกบฏหกปราชญ์อยู่แล้ว!”

“เป็นเขาเหรอ!” สองพี่น้องอุทานอย่างตกใจอีกครั้ง

คนของยุคหกปราชญ์เหรอ? โค่วเหวินหลานอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ท่านพ่อ อสุราอัคนีนี่เป็นคนยังไงเหรอ?”

โค่วเหมี่ยนตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “ในยุคหกปราชญ์จะมีคนอยู่คนหนึ่งที่ถูกหกปราชญ์ดึงตัว แต่ก็ไม่ยอมรับการควบคุมจากหกปราชญ์ อาศัยพลังอันแข็งแกร่งของตัวเองไปไหนมาไหนตามลำพัง นิสัยใจร้อนไม่ชอบถูกควบคุม วางอำนาจบาตรใหญ่ ไปมาอย่างอิสระในใต้หล้า แต่หกปราชญ์ก็ดันทำอะไรเขาไม่ได้ จากสิ่งนี้จะเห็นได้ว่าเขามีพลังแข็งแกร่งขนาดไหน”

โค่วเหวินหลานแอบตกใจ คนที่ยอดเยี่ยมระดับนี้เป็นอาจารย์ของหนิวโหย่วเต๋อเหรอ หนิวโหย่วเต๋อมีภูมิหลังแบบนี้ด้วยเหรอ? เขาอดไม่ได้ที่จะถามอีกครั้ง “แล้วตอนนี้อาจารย์ของหนิวโหย่วเต๋ออยู่ที่ไหนขอรับ?”

โค่วเหมี่ยนถอนหายใจ “ตอนหลังไม่รู้ว่าคนคนนี้ไปทำอะไรผิด ยั่วโมโหประมุขไป๋เข้าแล้ว ประมุขไป๋ไล่ฆ่าไม่หยุด สุดท้ายก็กำจัดเขาได้! ก่อนหน้านี้ประมุขไป๋ยังเป็นคนที่ไม่โด่งดัง เรื่องแรกที่ทำหลังจากออกมาเผชิญโลกนี้ก็คือกำจัดอสุราอัคนี เพราะศึกนี้นี่แหละ ถึงได้ทำให้คนในใต้หล้ารู้จักตัวละครสำคัญอย่างประมุขไป๋!” พูดจบก็หันไปถามโค่วเจิง “พี่ใหญ่ แน่ใจได้ยังไงว่าหนิวโหย่วเต๋อเป็นศิษย์ของอสุราอัคนี? ข่าวลือผิดพลาดหรือเปล่า?”

โค่วเจิงไม่ตอบ แต่มองไปที่เฒ่าถังแทน

เฒ่าถังยิ้มบางๆ ถึงแม้จะอธิบายตอบแล้ว แต่กลับยังพูดไม่ละเอียดพอ “เกรงว่าทางฝ่าบาทคงจะสืบเจอแล้วว่าหนิวโหย่วเต๋อคือศิษย์ของอสุราอัคนี ไม่อย่างนั้นโพ่จวินที่ปกป้องหนิวโหย่วเต๋อคงไม่ตอบตกลงให้หนิวโหย่วเต๋อไปแดนมรณะดึกดำบรรพ์หลังจากเข้าวังไปรอบหนึ่งหรอก เกรงว่าโพ่จวินก็คงจะรู้กำพืดของหนิวโหย่วเต๋อแล้วเช่นกัน อสุราอัคนีก็คือคนส่วนน้อยในปีนั้นที่สามารถเข้าออกแดนมรณะดึกดำบรรพ์ได้อย่างอิสระ หลังจากเขาฝึกตนอยู่ในแดนดึกดำบรรพ์แล้วออกมา เขาถึงได้มีชื่อเสียงสะท้านใต้หล้า ตอนนี้หนิวโหย่วเต๋อเข้าไปในแดนดึกดำบรรพ์หนึ่งพันปีแล้วออกมาอย่างปลอดภัย ทำให้คนตกตะลึงจริงๆ ไม่ใช่ความบังเอิญแน่นอน”

เพี้ยะ! โค่วฉินพลันปรบมือ ถอนหายใจอย่างสะเทือนอารมณ์ “ถ้าเป็นแบบนี้ก็น่าเสียดายแล้วจริงๆ!” ในใจเจ็บปวดยิ่งกว่าที่แสดงออกมาเสียอีก หนิวโหย่วเต๋อมีประวัติภูมิหลังแบบนี้ ฐานะตัวตนสูงขึ้นมาในรวดเดียว ถ้าให้คู่กับเหวินชิงลูกสาวตัวเองก็ไม่ถือว่าเกาะผู้หญิงกิน ถ้าสามารถหาลูกเขยแบบนี้ได้ ในภายหลังตัวเองก็จะมีแรงสนับสนุนเยอะแล้ว น่าเสียดาย ไม่น่าเชื่อว่าจะพลาดไปแบบนี้แล้ว!

โค่วเจิงกับโค่วเหมี่ยนจะไม่รู้สึกเสียดายเหมือนกันได้อย่างไร

โค่วเหวินหลานถามเบาๆ ว่า “ถ้าเป็นแบบนี้ก็เกรงว่าจะมีคนไม่น้อยที่จ้องอยากได้วิชาฝึกตนของหนิวโหย่วเต๋อ”

เฒ่าถังส่ายหน้าเบาๆ “คุณชายน้อยอาจจะไม่รู้ ในชื่อเสียงของอสุราอัคนีมีคำว่า ‘ไฟ’ อยู่ด้วย เป็นเพราะเคล็ดวิชาที่เขาฝึกเป็นเคล็ดวิชาธาตุไฟ เคล็ดวิชาธาตุไม่ได้เหมาะกับทุกคน เพราะให้ความสำคัญกับพรสวรรค์ ยิ่งระดับสูงก็ยิ่งเน้น ต่อให้ฝึกเคล็ดวิชาทั่วไป แต่ความสำเร็จในขั้นสุดท้ายก็ต่างกันไปตามเงื่อนไขของแต่ละคนเช่นกัน ไม่อย่างนั้นฝ่าบาทรู้กำพืดของหนิวโหย่วเต๋อแล้ว มีหรือที่จะปล่อยให้หนิวโหย่วเต๋อมีชีวิตรอดมาจนตอนนี้ได้”

…………………………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา!

เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’

เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น

เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง

ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง!

หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน

แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น

ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด

ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท