พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – บทที่ 1508 มีคนที่ถูกใจแล้ว

บทที่ 1508 มีคนที่ถูกใจแล้ว

แน่นอน การแต่งงานกับผู้หญิงของตระกูลโค่วเป็นการรับประกันอย่างหนึ่งจริงๆ สิ่งนี้มีอะไรต้องสงสัย แต่เหมียวอี้ไม่ได้อยากอาศัยบารมีนี้เลย ถ้าเข้าไปอยู่ลึกในตระกูลโค่ว ตัวข้าไปอยู่ในสภาพแวดล้อมอย่างตระกูลโค่ว กำพืดของเขาก็จะถูกเปิดโปงได้ง่าย ถ้าตระกูลโค่วรู้กำพืดของเขาแล้ว เกรงว่าฝ่ายแรกที่กลัวจะมีส่วนพัวพันและฆ่าปิดปากเขาก็คือตระกูลโค่ว เมื่อเคยโดนหกปราชญ์ทรยศมาแล้ว เขาก็ทำใจเชื่อได้ยากว่าตระกูลใหญ่อย่างตระกูลโค่วจะยอมทุ่มเททุกอย่างเพื่อปกป้องเขา!

เหมียวอี้มองดูสีหน้าเฝ้าคอยของโค่วเหวินหลานอย่างนิ่งอึ้ง ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี ความสนิทกับโค่วเหวินหลานก็ส่วนความสนิท ความประพฤติของโค่วเหวินหลานก็นับว่าไม่เลวจริงๆ แต่เขาก็ไม่ลืมว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับโค่วเหวินหลานเริ่มสร้างขึ้นมาอย่างไร นั่นเป็นเพราะเขาโดนกดดันจนหมดทางเลือกจึงต้องแบ่งหุ้นสองส่วนของร้านขายของชำซื่อตรงไปแลกมา

เขาเองก็ยังไม่ลืมเรื่องทดสอบที่สถานที่ไร้ชีพในตอนแรกเช่นกัน เพื่อที่จะมีที่ยืนในตระกูล โค่วเหวินหลานกดดันให้พวกเหมียวอี้ไปสู้ตาย ถ้าไม่สามารถทำคะแนนให้โค่วเหวินหลานได้ โค่วเหวินหลานก็บอกไว้ชัดเจนล่วงหน้าแล้ว หลังจากกลับมาก็อย่าคิดว่าจะได้อยู่ดีมีสุขเลย ไม่มีทางเหลือให้เจรจาอะไรทั้งนั้น!

เรื่องพวกนั้นก็ส่วนเรื่องพวกนั้น แต่ถ้าจะให้เหมียวอี้เชื่อว่าโค่วเหวินหลานไม่เสียดายที่จะมอบน้องสาวให้แต่งงานกับเหมียวอี้เพราะคำนึงถึงเหมียวอี้ล้วนๆ เช่นนั้นเหมียวอี้ก็ทำได้เพียงหัวเราะแห้งแล้ว เชื่อได้เหรอ?

ถ้าเป็นเยี่ยนเป่ยหงกับเหยียนซิวพูดแบบนี้ เหมียวอี้ก็อาจจะเชื่อไปแล้ว ถ้าพูดในกรณีที่แย่ที่สุด เมื่อมีอวิ๋นจือชิวอยู่แล้ว ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะรับการแต่งงานนี้ ผู้หญิงของตระกูลโค่วจะเป็นอนุภรรยาได้อย่างไร ต่อให้ยินดีจะเป็นอนุภรรยา แต่เกรงว่าตระกูลโค่วคงจะไม่ปล่อยให้อวิ๋นจือชิวมีชีวิตอยู่ได้นาน ตราบใดที่แต่งงานกับผู้หญิงของตระกูลโค่วแล้ว จุดจบของอวิ๋นจือชิวต่อให้ไม่ตาย แต่ไม่ช้าก็เร็วที่จะต้องแยกทางกับเขา ใครมาเหยียบหัวผู้หญิงตระกูลโค่ว คนนั้นก็ไม่ได้มีจุดจบที่ดีหรอก!

บางครั้งเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง ตระกูลโค่วก็อาจจะเสียสละลูกหลานเพื่อแลกกับผลประโยชน์บางอย่างเช่นกัน แต่ก็ยังให้การรับประกันขั้นพื้นฐานบางอย่างได้ หลักการนี้ไม่ว่าจะเป็นตระกูลร่ำรวยตระกูลไหนก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น ไม่มีเหตุผลที่ตระกูลโค่วจะเป็นข้อยกเว้นและทำน้อยกว่านั้น

หลังจากตะลึงค้างไปครู่หนึ่ง เหมียวอี้ที่ในหัวคิดร้อยตลบก็เอียงหน้ามองไปยังโค่วเหวินจื่อที่ดีดฉินอยู่ในศาลามุงจากแวบหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะกล่าวด้วยรอยยิ้มเจื่อน “น้ำใจของพี่โค่วข้ารับไว้แล้ว แต่หนิวรู้จักเจียมตัว ไม่คู่ควรกับน้องสาวของท่านจริงๆ!”

“พูดแบบนี้ไม่ถูกนะ!” โค่วเหวินหลานกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “จะไม่คู่ควรได้ยังไง? ถึงแม้น้องหนิวจะไม่ได้มีพื้นเพมาจากตระกูลใหญ่? แต่มีตระกูลใหญ่ที่ไหนบ้างที่เกิดมาแล้วใหญ่เลย? พวกท่านปู่ของข้า สี่อ๋องสวรรค์มีใครบางที่ไม่ได้เริ่มต้นจากจุดเล็กๆ? แต่ไหนแต่ไรมาวีรบุรุษล้วนออกมาจากรากหญ้าทั้งนั้น น้องหนิวชื่อเสียงโด่งดังทั้งใต้หล้า เป็นวีรบุรุษที่โลกรู้จัก ชื่อเสียงบารมีที่โจมตีฝ่าเข้าฝ่าออกทัพใหญ่หนึ่งล้าน น้องสาวข้ายังเอ่ยชมอยู่บ่อยๆ เลย บอกว่าลูกผู้ชายควรจะเป็นแบบน้องหนิว แล้วจะไม่เหมาะสมกับน้องสาวข้าได้ยังไง? หรือน้องหนิวกังวลว่าคนในครอบครัวข้าจะไม่เห็นด้วย? ถ้ากังวลเรื่องนี้ งั้นก็ไม่จำเป็นแล้ว พ่อแม่ข้าเป็นคนมีความคิดก้าวหน้า แถมท่านปู่ข้าก็ชื่นชมคนหนุ่มที่มีความสามารถที่สุด ขอเพียงน้องหนิวตอบตกลง ที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกังวลใจเลย ข้าจะรับทุกอย่างไว้เอง รับรองว่าจะเป็นตัวกลางช่วยประสานงานให้เรียบร้อย!”

เหมียวอี้โบกมืออย่างอึดอัด “เจตนาอันงดงามของพี่โค่ว หนิวรับไว้ไม่ไหวจริงๆ เรื่องนี้ไม่เหมาะสมจริงๆ ขอรับ!”

โค่วเหวินหลานบอกอีกว่า “กังวลทางหน่วยองครักษ์ซ้ายเหรอ? เจ้าวางใจได้ ตราบใดที่กำหนดเรื่องแต่งงานแล้ว ก็จมีข้ออ้างในการย้ายเจ้าออกมาได้อย่างราบรื่นมีสมเหตุสมผล”

“ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่หนิวไม่เหมาะกับน้องสาวท่านจริงๆ” เหมียวอี้รีบปฏิเสธ

โค่วเหวินหลานแอบร้อนใจนิดหน่อย พ่อแม่บอกไว้ไม่มีผิด ถ้าต้องการให้ผู้หญิงของตระกูลโค่วแต่งงานกับหนิวโหย่วเต๋อ ก็ไม่สู้ให้แต่งกับน้องสาวของเขาจริงๆ ถ้ามีน้องเขยที่ได้รับความสำคัญจากท่านปู่ ก็จะช่วยเรื่องอนาคตของเขาได้เยอะมาก!

ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือ สำหรับเขาแล้ว ที่จริงเหมียวอี้ไม่ได้สำคัญสำหรับตระกูลใหญ่อย่างตระกูลโค่วเลย ที่สำคัญคือท่าทีที่อ๋องสวรรค์โค่วมีต่อโค่วเหวินหลานต่างหาก!

“น้องหนิวไม่ถูกใจน้องสาวข้าเหรอ?” โค่วเหวินหลานซักไซ้อีก

“เปล่าๆ!” เหมียวอี้รีบโบกมือปฏเสธ เขามีสิทธิ์ไม่ถูกใจโค่วเหวินจื่อเหรอ ถ้าใครได้ยินคงหัวเราะจนฟันร่วง เขาถอนหายใจแล้วตอบว่า “น้องสาวท่านเหมือนใบหยกที่ต้องหากิ่งทอง ทั้งยังชำนาญฉินฉีซูฮว่า เป็นคนที่สูงส่งสง่างาม หนิวเป็นแค่คนหยาบคนหนึ่ง ไม่คู่ควรหรอก ไม่คู่ควรจริงๆ”

“นี่ไม่ใช่เหตุผล ความสูงสง่ากับฉินฉีซูฮว่ามันเอามากินแทนข้าวหรือใช่เป็นทรัพยากรฝึกตนได้เหรอ? อย่าบอกนะว่าเวลาให้น้องสาวแต่งงานจะต้องเลือกคนที่ได้ฉินฉีซูฮว่า?” โค่วเหวินหลานซักไซ่ต่อ “ได้ยินว่าเฟยหงอนุภรรยาของเจ้าก็หน้าตางดงามมาก หาพบได้ยากมากในโลกนี้ หรือว่าเจอคนสวยจนชินแล้ว รู้สึกว่าน้องสาวข้ายังสวยไม่เข้าตาเจ้า?”

“ไม่ใช่ๆ แม่นางโค่วเป็นสตรีที่งามที่สุดในแผ่นดินแล้ว ขนาดหนิวมองสองครั้งยังกลัวว่าจะเป็นการดูหมื่นเลย มีหรือที่จะกล้ารังเกียจ!” เหมียวอี้โบกมืออย่างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก แต่คนที่อยู่ในตำแหน่งฐานะอย่างเขา จะมัวมาให้ความสำคัญกับสิ่งนี้ได้อย่างไร

แน่นอน ถ้าบอกว่าจะเอาไว้เล่นเฉยๆ เขาก็เลือกเล่นกับคนสวยๆ อยู่แล้ว แต่ประเด็นคือเขาผ่านระดับนั้นมานานแล้ว เขาไม่ใช่เขาในปีนั้นที่เห็นว่าลูกสาวร้านเฒ่าหลี่ขายเต้าหูสวยแล้วไปสู่ขอเพราะอยากได้ ในปีนั้นเหล่าไป๋บอกไว้ไม่มีผิด คนเราเมื่อเดินมาถึงระดับหนึ่งแล้ว เรื่องสุรานารีเอาไว้ตอนว่างก็พอ ตอนนี้เหมียวอี้ไม่ขาดผู้หญิง และไม่ขาดผู้หญิงสวยเช่นกัน ต่อให้สวยกว่านี้แต่ก็ไม่มีความหมายอะไรสำหรับเขาแล้ว อย่างมากก็แค่ยั่วยวนให้เขากระเหี้ยนกระหือรืออยากลองของใหม่ก็เท่านั้นเอง ไม่มีความหมายอะไรมากกว่านี้จริงๆ

เมื่อเห็นว่าโค่วเหวินหลาน ‘จริงใจ’ เกินไปจริงๆ เขาก็จำเป็นต้องพูดอย่างจริงจังจริงใจ “พี่โค่ว ข้ากับน้องสาวท่านไม่เหมาะสมกันจริงๆ! การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ จะทำแบบเลอะเลือนไม่ได้ ไม่อยากทำให้น้องสาวท่านได้รับความไม่ยุติธรรมด้วย!”

พูดมาถึงขั้นนี้แล้ว โค่วเหวินหลานก็เงียบแล้วเช่นกัน เขาเข้าใจควมคิดของอีกฝ่าย เรื่องของน้องสาวคงเป็นไปไม่ได้แล้ว

แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เช่นกัน ถึงอย่างไรเขาก็มาพร้อมภารกิจ ถ้าเป็นตัวกลางทำให้น้องสาวได้แต่งจะดีที่สุด แต่ถ้าทำไม่สำเร็จก็อย่าทำให้งานเสียเพราะเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว

หลังจากดื่มสุราเงียบๆ ไปหลายจอก เขาก็ถอนหายใจแล้วบอกอีกว่า “น้องหนิว ข้ากังวลจริงๆ ว่าตระกูลอิ๋งจะทำไม่ดีกับเจ้า ข้าเองก็หวังจะช่วยเจ้าจริงๆ การแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลโค่วคือวิธีการที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้เจ้าผ่านวิกฤติ ข้ารู้สึกว่าเจ้าควรจะพิจารณาให้ดี เอาอย่างนี้แล้วกัน ในเมื่อเจ้ารู้สึกว่าไม่เหมาะกับน้องสาวข้า พี่หญิงรองเหวินหงของบ้านท่านลุงใหญ่แต่งงานไปแล้ว ไม่ต้องเอ่ยถึง แต่พี่หญิงสี่เหวินลวี่บ้านลุงใหญ่กับพี่หญิงห้าเหวินชิงบ้านลุงรองก็ยังไม่ได้แต่งงาน หน้าตาความสวยไม่ได้ด้อยกว่าน้องสาวข้าเลย นิสัยอ่อนโยนกว่าน้องสาวข้าอีก พี่หญิงห้าเหวินชิงของข้า เจ้าเองก็เคยเจอแล้ว น่าจะรู้ว่าข้าไม่ได้พูดซี้ซั้ว ส่วนพี่หญิงสี่เหวินลวี่เจ้าก็ไม่เคยเห็น แต่ถ้าอยากเห็นก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ ข้าก็ช่วยนัดเจอให้เจ้าได้ เอาแบบนี้ดีมั้ย?”

เหมียวอี้แทบจะเป็นลมแล้ว สงสัยนอกจากคนที่แต่งงานไปแล้ว ผู้หญิงในรุ่นหลานของตระกูลโค่วจะมาเป็นตัวเลือกให้เขาหมด! ข้าเหมียวอี้กลายเป็นคนมีอำนาจมากแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร? จึงถามอย่างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกว่า “ข้าบอกนะพี่โค่ว ความคิดใหญ่โตขนาดนี้ คนในตระกูลท่านรู้หรือเปล่า?”

ก็ย่อมรู้อยู่แล้ว แต่โค่วเหวินหลานไม่ยอมรับแน่นอน ยังพูดอย่างจริงจังว่า  “เจ้าไม่ต้องห่วง ในเมื่อข้าตัดสินใจแล้วว่าช่วยเจ้า ข้าก็ไม่พูดเรื่อยเปื่อยแน่ ขอเพียงเจ้ารู้สึกว่าเหมาะสม ข้าจะพยายามเป็นพ่อสื่อให้สำเร็จแน่นอน…เรื่องในตระกูลข้าเข้าใจดี ถ้าไม่มั่นใจข้าก็ไม่พูดซี้ซั้วหรอก มีโอกาสมหวังสูงมาก ขอเพียงเจ้าตอบตกลง ข้ามีวิธีการทำให้สำเร็จแน่นอน!”

เหมียวอี้ถามอย่างสงสัยว่า “พี่โค่ว ท่านมีเรื่องอะไรที่จำเป็นต้องให้ข้าช่วยใช่มั้ย? ถ้ามีก็บอกมาตรงๆ ได้เลย ถ้าข้าช่วยได้ก็จะไม่ปฏิเสธเด็ดขาด!”

โค่วเหวินหลานพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง จากนั้นถอนหายใจแล้วบอกว่า “น้องหนิว ไม่ใช่ว่าข้ามีเรื่องอะไรหรอก แต่ข้าอยากจะช่วยเจ้าจริงๆ!”

เหมียวอี้เงียบแล้ว ไม่รู้ว่าในนั้นมีลับลมคมในอะไร หลังจากครุ่นคิดไปสักพัก ก็นั่งอย่างเรียบร้อยและกล่าวอย่างจริงจังว่า “ก็อย่างที่บอก ข้าซาบซึ้งในน้ำใจของพี่โค่วแล้ว ไม่ใช่ว่าหนิวคนนี้ไม่รู้จักกาลเทศะนะ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้าจะบอกให้ขัดเจนเลยก็ได้ ข้ามีคนที่ถูกใจอยู่แล้ว ข้าสาบานได้เลย ว่าฮูหยินเอกจะต้องเป็นนางเท่านั้น ไม่มีทางพิจารณาคนอื่นอีก!”

โค่วเหวินหลานอึ้งทันที แล้วถามว่า “เป็นใครกัน? ข้ารู้จักหรือเปล่า?”

เหมียวอี้ส่ายหน้า “ขออภัยที่ข้าบอกไม่ได้ แต่อีกไม่นานข้าจะเปิดเผยคำตอบแน่นอน!”

พูดถึงขั้นนี้แล้ว โค่วเหวินหลานก็เป็นพ่อสื่อต่อไปไม่ได้อีก ถ้าอีกฝ่ายแค่ไม่ยอมบอกว่าเป็นใคร เขาก็อาจจะสงสัยว่าเหมียวอี้หาข้ออ้างหรือเปล่า แต่เหมียวอี้บอกแล้วว่าจะให้คำตอบเร็วๆ นี้ เช่นนั้นก็ไม่ใช่การหลอกตบตาแน่นอน ไม่อย่างนั้นจะเป็นการปั่นหัวเขาเล่นแล้ว

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ทำได้เพียงยินดีด้วย ข้าเองก็อยากจะเห็นว่ายอดหญิงงามคนไหนที่ทำให้น้องหนิวยอมทิ้งอนาคตดีๆ อย่างไม่เสียดายแบบนี้ได้” โค่วเหวินหลานถอนหายใจอย่างเสียดาย สุดท้ายก็ส่ายหน้าบอกอีกว่า “แต่ข้าก็ขอพูดเสริมอีกหน่อย สิ่งที่ข้าพูดก่อนหน้านี้ น้องหนิวไปพิจารณาดูอีกทีก็ได้นะ ถ้าเปลี่ยนความคิดเมื่อไร ก็ติดต่อข้ามาได้ทุกเมื่อ”

“ดื่มสุรา!” เหมียวอี้ยกกาสุรารินให้ สื่อความหมายว่าไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว

เมื่อเจรจาไม่สำเร็จ โค่วเหวินหลานจะมีอารมณ์ดื่มได้อย่างไร เขาฝืนยิ้มอย่างมีความสุขก็นับว่าเป็นการเลี้ยงต้อนรับเหมียวอี้แล้ว จากนั้นก็บอกว่ามีธุระอยู่ต่อนานๆ ไม่ได้ ก่อนจะพาโค่วเหวินจื่อผู้เป็นน้องสาวจากไป โค่วเหวินจื่อที่น่าสงสารไม่รู้เลยสักนิดว่าเกือบจะโดนพี่ชายตัวเองขายทิ้งเสียแล้ว นางยังมีสีหน้าสำราญบานใจ เหมือนดีใจมากด้วย

ส่วนเหมียวอี้ ก็ยังอยู่ต่อในสวนดอกสาลี่นี้ชั่วคราว ตระกูลโค่วยังไม่ถึงขั้นทิ้งสวนนี้ไปเสียเลย เดี๋ยวก็มีคนจากสมาคมร้านค้าตลาดสวรรค์มารับช่วงต่อเอง เหมียวอี้แค่ยืมใช้ชั่วคราวเท่านั้น

หลังจากนั้นครึ่งวัน สีของท้องฟ้าก็ใกล้ค่ำ เหยียนซิวไปตรวจตราบริเวณนี้อย่างละเอียดรอบหนึ่ง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครก็กลับมารายงาน

เหมียวอี้ให้ให้เขาซ่อนตัวอยู่ที่นี่ระดับที่สูงหน่อย ป้องกันไม่ให้มีคนเข้าใกล้ เสร็จแล้วถึงได้หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อหวงฝู่จวินโหรว

หวงฝู่จวินโหรวได้ยินแล้วดีใจ ในที่สุดศัตรูคู่แค้นก็มาแล้ว

การอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าคือเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง จากนั้นก็ปลอมตัว ย่องออกจากตึกเงียบๆ ปิดค่ายกลป้องกันเงียบๆ ปีนข้ามกำแพงของลานบ้านด้านหลังเงียบๆ พอออกจากร้านค้าสมาคมวีรชนแล้วก็เปิดใช้งานค่ายกลป้องกันอีกครั้ง จากนั้นออกจากเขตเมืองตะวันตกไปเขตเมืองตะวันออก ออกจากประตูเมืองตะวันออก และหายเข้าไปในป่าภูเขานอกประตูเมืองตะวันออกเงียบๆ

หลบซ่อนอย่างระมัดระวังตลอดทางจนในที่สุดก็มาถึงสวนที่อยู่ติดภูเขาและแม่น้ำ นางเองก็แปลกใจนิดหน่อย ว่าที่นี่สร้างสวนไว้ด้วยเหรอ?

ตรงประตูก็ไม่มีคนเฝ้า บุกเข้ามาอย่างระมัดระวังตลอดทางแต่ก็ไม่เห็นใคร ตรงมาจนกระทั่งถึงสวนดอกสาลี่ข้างหลัง ถึงได้เห็นเหมียวอี้นั่งจิบชาช้าๆ อยู่ในศาลามุงจาก

เหมียวอี้เอียงหน้ามองมา ถึงแม้หวงฝู่จวินโหรวจะปลอมตัวมา แต่พอเห็นเงาร่างที่อยู่ใต้แสงจันทร์ก็รู้แล้วว่าใครมา จากนั้นยกจอกน้ำชาขึ้น “ดื่มน้ำชา ข้าต้มรอเจ้าแล้ว”

หวงฝู่จวินโหรวผ่อนคลาย แล้วเดินเข้ามาในศาลา ถอดหน้ากากออก เผยโฉมหน้าจริงอันงดงาม แล้วก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เดิมอ้อมเข้ามาดอกข้างหลังเหมียวอี้โดยตรง เอามือคล้องคอเหมียวอี้ ก้มศีรษะเกยบนบ่าเขาด้วยสีหน้าปลอบโยน

…………………………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา!

เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’

เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น

เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง

ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง!

หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน

แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น

ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด

ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท