เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน – ตอนที่ 100 ผู้ใดรบกวนความสงบของนายท่านมันต้องตาย

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

ตอนที่ 100 ผู้ใดรบกวนความสงบของนายท่านมันต้องตาย

“นี่มันไอพลังจากสมบัติโบราณนี่นา ? ”

“เช่นนี้ก็มิถูกต้องน่ะสิ จ้าวปีศาจพยัคฆ์ดำตนนี้บุกเข้าแดนจงหยวนของเราเพื่อตามหาสมบัติโบราณของเผ่าพยัคฆ์ดำชิ้นนั้นมิใช่หรือ แต่สมบัติโบราณกลับอยู่ที่กายมันแล้ว ปีศาจตนนี้ต้องการจะทำสิ่งใดกันแน่ ? ”

“นี่มันหลอกลวงกันชัด ๆ ปีศาจตนนี้มิได้มาเพื่อสมบัติโบราณของเผ่าพยัคฆ์ดำ แต่กลับมีแผนการอื่น ! ”

“บัดซบ ปีศาจตนนี้มีเจตนาชั่วร้ายจริง ๆ ด้วย ! ”

“ใช่ พวกเราควรลงมือส่งเจ้าปีศาจตนนี้ให้กระเด็นออกไปนอกจงหยวนตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว”

“แต่ที่นี่เป็นเขตแดนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน หรือว่าจ้าวปีศาจพยัคฆ์ดำตนนี้จะมีความแค้นบางอย่างกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน จึงต้องการจะมาแก้แค้นถึงที่นี่ ? ”

“หรือว่าผู้แข็งแกร่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน จะแอบพาผู้สืบทอดหญิงของเผ่าพยัคฆ์ดำกลับมาด้วย เพื่อเป็นคู่ฝึกกับผู้สืบทอดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน ? ”

“ใช่แล้ว เป็นไปได้”

“บัดซบ นักพรตฉางเสวียนเลอะเลือนแล้วหรือไง ผู้สืบทอดของพวกเขามิมีบ้านมิมีที่ดิน ก็เลยไปชิงตัวผู้หญิงอื่นมาเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“ดีจริง ๆ ตอนนี้ศัตรูมาหาถึงที่แล้ว ! ”

“พี่น้องทุกท่าน ตอนนี้ดูเหมือนสถานการณ์มิดีเท่าไรนัก พวกเราจะร่วมมือกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนหรือไม่ ? ”

“จะช่วยอะไรอีกเล่า พวกไร้ศีลธรรมไปชิงตัวผู้หญิงของคนอื่นมา ยังคู่ควรแก่การนับหน้าถือตาอีกอย่างนั้นหรือ ? ”

“ใช่แล้ว ได้ยินมาว่าเทพแห่งหมากตอนนี้ได้กลายเป็นแขกอาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนด้วยนี่นา”

“ข้าเองก็ได้ยินเรื่องเช่นนี้มาเหมือนกัน”

“……”

ในขณะที่เหล่าเจ้าสำนัก เจ้านิกาย และเจ้าหอคนอื่น ๆ กำลังรวมตัวกันวิพากษ์วิจารณ์ โดยมีเจ้าสำนักหยินหยางเป็นผู้นำอยู่นั้น

ก็มีเงาร่างเพรียวบางร่างหนึ่งโฉบผ่านพวกเขาไป

“แย่แล้ว มีไอปีศาจ ! ”

เจ้าสำนักหยินหยาง ต้วนฉางเต๋อ ตะโกนออกมาอย่างตื่นตระหนก พลางขยับถอยออกไปหลายร้อยจั้ง

ขณะเดียวกันผู้แข็งแกร่งของสำนักใหญ่ต่างก็ลงมือทันที

ทันใดนั้นถูซื่อที่กำลังจะจากไป กลับถูกกลุ่มผู้เฒ่าผมขาวที่มีพลังเต๋าขั้นสูงล้อมเอาไว้

“เจ้าคือ ? ”

ต้วนฉางเต๋อพินิจพิจารณาถูซื่อที่มีใบหน้างดงาม ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าคือจ้าวปีศาจจิ้งจอกวิญญาณผู้นั้นงั้นหรือ ? ”

“ใช่แล้วเจ้าจะทำเยี่ยงไร มิใช่แล้วเจ้าจะทำเยี่ยงไร ? ”

ถูซื่อกวาดตามองทุกคนอย่างระแวดระวัง ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบว่า “หรือว่าผู้แข็งแกร่งที่เผ่ามนุษย์ของพวกเจ้าเรียกกัน นิยมใช้วิธีหมาหมู่เช่นนี้หรอกหรือ ? ”

“จ้าวปีศาจจิ้งจอกวิญญาณ ท่านเข้าใจผิดแล้ว”

ต้วนฉางเต๋อโบกมือไปมา แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พวกข้ามิได้ต้องการที่จะทำร้ายท่าน และมิคิดที่จะทำเช่นนั้น พวกข้าเพียงแค่แปลกใจเท่านั้น”

สิ้นเสียง เหล่าเจ้าสำนัก เจ้านิกาย และเจ้าหอคนอื่น ๆ ต่างก็สบตากัน ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย

เพราะข่าวที่หวงฉีเสวียนส่งมาจากแดนใต้ บอกว่าจ้าวปีศาจของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณผู้นี้มาตามหาทายาท

แต่ท่าทางของจ้าวปีศาจจิ้งจอกวิญญาณในตอนนี้ราวกับกินปูนร้อนท้อง มิเหมือนผู้ที่มาตามหาทายาทแต่อย่างใด

คิดถึงตรงนี้ เจ้าสำนักดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้าหลัวที่ใบหน้าแฝงรอยยิ้มเรียบ ๆ เอาไว้ ก็ได้เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “แดนใต้ส่งข่าวมาว่าที่ท่านเข้ามาจงหยวนครานี้ ก็เพื่อตามหาทายาทเผ่าจิ้งจอกวิญญาณของท่าน”

“เช่นนั้นข้าอยากทราบว่าท่านตามหาทายาทเผ่าจิ้งจอกวิญญาณของท่านเจอแล้วหรือยัง ? ”

ได้ยินดังนั้นทุกคนต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะหันไปมองถูซื่อเป็นตาเดียว

ถูซื่อเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวว่า “เนื่องจากข้าเข้ามาจงหยวนของพวกเจ้าด้วยร่างที่แยกออกมา ตบะบารมีมิถึงหนึ่งในสิบ อีกทั้งทายาทผู้นั้นของข้ายังถูกผู้แข็งแกร่งผู้หนึ่งพาตัวมา เช่นนั้นข้าจึงต้องกลับไปก่อนอย่างช่วยมิได้”

‘ถูกผู้แข็งแกร่งผู้หนึ่งพาตัวมา ? ’

บัดนี้อยู่ในเขตของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน

เช่นนั้นก็เป็นการยืนยันการคาดเดาของเจ้าสำนักหยินหยาง ต้วนฉางเต๋อ ได้เป็นอย่างดี

ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนแอบขโมยทายาทของเผ่าปีศาจมาจริง ๆ ด้วย

เพียงแต่มิใช่ทายาทของเผ่าพยัคฆ์ดำ แต่เป็นทายาทของเผ่าจิ้งจอกวิญญาณ

อีกทั้งทุกคนต่างก็รู้ดีว่า สตรีเผ่าจิ้งจอกวิญญาณมีชื่อเสียงเรื่องความงดงาม

เช่นนั้นจึงเดาได้มิยากว่าทายาทเผ่าจิ้งจอกวิญญาณผู้นี้จะต้องเป็นสตรีที่งามล่มเมืองเป็นแน่

เช่นนั้นแล้วจ้าวปีศาจพยัคฆ์ดำเกี่ยวอะไรด้วย ?

ขณะนั้นเองผู้อาวุโสท่านหนึ่งของนิกายหมื่นกระบี่ก็ขมวดคิ้วมุ่นพลางถามขึ้นว่า “จ้าวปีศาจจิ้งจอกวิญญาณ เช่นนั้นจ้าวปีศาจพยัคฆ์ดำมาที่นี่เพราะเหตุใดกัน ? ”

ถูซื่อลังเลเล็กน้อย ก่อนเอ่ยว่า “เพราะสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่ง”

ด้วยความหวาดกลัวที่มีต่อผู้แข็งแกร่งลึกลับก่อนหน้านี้ ถูซื่อจึงกวาดตามองทุกคนก่อนจะเอ่ยว่า “ตอนนี้ข้าไปได้หรือยัง ? ”

ทุกคนสบตากัน ก่อนจะหลีกทางให้แก่ถูซื่อ

รอจนถูซื่อจากไปแล้ว

เจ้าสำนักหยินหยาง ต้วนฉางเต๋อจึงเอ่ยขึ้นอย่างเกรี้ยวกราดว่า “บัดซบ ตาเฒ่าฉางเสวียนทำเรื่องไร้ศีลธรรมจริง ๆ ทำให้สำนักบำเพ็ญเพียรในจงหยวนของพวกเราต้องอับอายขายหน้ายิ่งนัก ! ”

“พี่ต้วน เรื่องนี้พักไว้ก่อนเถิด”

เจ้าสำนักต้าหลัวยังคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “บัดนี้เรารู้แล้วว่า จ้าวปีศาจเผ่าพยัคฆ์ดำบุกเข้าจงหยวนเพื่อสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่ง ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราก็มิอาจจะนิ่งดูดายได้”

จากนั้นก็มีคนเอ่ยสนับสนุนขึ้นอีกว่า “เจ้าสำนักต้าหลัวพูดได้ถูกต้องแล้ว จ้าวปีศาจเผ่าพยัคฆ์ดำใช้กำลังบุกเข้าแดนใต้ของเรา หากปล่อยให้มันขโมยสมบัติชิ้นนั้นไปได้ แล้วสำนักบำเพ็ญเพียรในจงหยวนเช่นพวกเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน ! ”

“ใช่ เราจะยอมให้เป็นเช่นนั้นมิได้ ! ”

“สังหารเจ้าเฒ่าพยัคฆ์ดำกันเถิด ! ”

ทันใดนั้นพลังวิเศษของทุกคนก็ปะทุขึ้นด้วยความเดือดดาล พร้อมกับปลดปล่อยพลังอันแข็งแกร่งออกมา ก่อนแปลงกายเป็นลำแสงแล้วมุ่งหน้าไปยังเมืองเสี่ยวฉือทันที

……………………………..

อีกด้านหนึ่ง

ราชันทมิฬหมอบอยู่ที่พื้น ในที่สุดพลังก็ฟื้นคืนกลับมาแล้วเพราะภาพวาดราชันทมิฬ

เขาหันไปยิ้มให้แก่ถูสือซานที่กำลังทำหน้าครุ่นคิด พร้อมกับเอ่ยว่า “เด็กน้อย ตามข้าไปพบนายท่านกันเถอะ”

“ห๊ะ ! ”

ถูสือซานร้องออกมาด้วยความตกใจทันทีที่ได้สติ มีท่าทางตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด

“ราชันทมิฬ ข้าไปพบท่านยอดฝีมือผู้นั้นได้จริง ๆ น่ะหรือ ? ”

ดวงตาดำขลับของถูสือซานเปล่งประกาย แต่กลับเต็มไปด้วยความสับสน

“ราชันทมิฬ เจ้าตั้งใจจะพาเด็กน้อยเผ่าจิ้งจอกวิญญาณผู้นี้ไปพบนายท่านเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

ตอนนั้นเองเสียงลึกลับก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“พี่ต้นไม้ สายเลือดของเด็กคนนี้มีสัญญาณว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ความสำเร็จในอนาคตมิอาจวัดได้อย่างแน่นอน”

ราชันทมิฬฉีกยิ้มและเอ่ยต่อว่า “แน่นอนว่านายท่านพักผ่อนอยู่ที่นี่ บางทีคงจะรู้สึกเบื่อหน่าย ข้าจึงได้ตัดสินใจพานางกลับมาด้วย จะได้ให้นางคอยดูแลรับใช้ข้างกายนายท่าน”

“เป็นสายเลือดมิเลวจริง ๆ ได้รับใช้อยู่ข้างกายนายท่านถือเป็นชะตาและวาสนาของนางแล้ว อีกทั้งความคิดนี้ของเจ้าก็มิเลวจริง ๆ ”

มินานเสียงลึกลับก็เอ่ยขึ้นอย่างเห็นด้วยกับความคิดของราชันทมิฬ

“วิ้ว ! ”

ทันทีที่สิ้นเสียงไอดำประหลาดที่แผ่พลังอันน่ากลัวก็ปกคลุมเข้ามา จนถึงที่ที่ราชันทมิฬ และถูสือซานอยู่

“นี่มัน… นี่มันบรรพบุรุษท่านนั้นของเผ่าพยัคฆ์ดำนี่นา ! ”

ถูสือซานร้องขึ้นด้วยความตกใจทันทีที่สัมผัสได้ถึงไอพลังสายเลือด ที่เผ่าพยัคฆ์ดำต่างสืบทอดกันมา

มินานเสียงอันยโสโอหังเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากไอสีดำนั่น

“เด็กน้อย ส่งภาพเทพมารมาซะ แล้วข้าจะมิเอาชีวิตเจ้า ! ” เฮยฉางหลิงเอ่ยขึ้น

ราชันทมิฬแสยะยิ้มออกมา ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงดูถูกดูแคลนว่า “ตาเฒ่า เจ้าคงเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่เต็มทีแล้วสินะ”

ขณะเดียวกันเสียงลึกลับนั้นก็ค่อย ๆ ดังขึ้น แต่กลับแฝงไว้ด้วยความเย็นชาจนน่าขนลุกเอาไว้

“ผู้ใดรบกวนความสงบของนายท่าน มันต้องตาย ! ”

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

Status: Ongoing
นิยายแปลไทยเรื่อง เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน รายละเอียด เทพแห่งกระบี่ : หากผู้อาวุโสเย่มอบภาพอักษรพู่กันให้ข้าอีกสักภาพ พรุ่งนี้ข้าคงสามารถเปิดประตูสวรรค์ได้แล้ว …… ……เย่ฉางชิงรู้สึกเอือมระอายิ่งนัก ทั้งๆ ที่เขาเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง เหตุใดถึงได้มีผู้คนแวะเวียนมาหาไม่แต่ละเว้นวันเช่นนี้นะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท