เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน – ตอนที่ 150 มิมีอะไรน่าสนใจเลย

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

ตอนที่ 150 มิมีอะไรน่าสนใจเลย

“ยินดีด้วย ที่เจ้าแก้กลหมากปริศนาที่ข้าทิ้งเอาได้สำเร็จ นั่นหมายความว่าเจ้ามีคุณสมบัติพอที่จะได้รับการถ่ายทอดจากข้า”

“ข้าใกล้จะสำเร็จเป็นเซียนแล้ว เช่นนั้นภายในกลหมากปริศนาทุกกลจะมีจิตวิญญาณดั้งเดิมหลงเหลืออยู่ จิตวิญญาณดั้งเดิมนี้มีความทรงจำส่วนหนึ่งของข้ารวมอยู่ด้วย”

“เจ้าเตรียมพร้อมรับความทรงจำของข้าแล้วหรือยัง ? ”

“……”

‘ความทรงจำ ? ’

เย่ฉางชิงที่ได้ยินเสียงนั้นถึงกับผงะไปเล็กน้อย

กลหมากปริศนาภาพนี้แม้จะค่อนข้างซับซ้อน ทั้งกลหมากนั้นอาจกล่าวได้ว่าดูยุ่งเหยิงโกลาหล จึงทำให้ผู้คนมิอาจพบจุดสำคัญในการแก้กลหมากได้

มิได้ถือว่าล้ำลึกแต่อย่างใด

แต่ภาพกลหมากปริศนานี้กลับมีความทรงจำที่ผู้แข็งแกร่งบางท่านทิ้งเอาไว้งั้นหรือ ?

หรือว่าผู้แข็งแกร่งท่านนี้จะว่างมาก ?

เย่ฉางชิงเมื่อคิดเช่นนั้นจึงมิได้ปฏิเสธที่จะรับความทรงจำแต่อย่างใด

ถ้าหากเป็นเคล็ดวิชาโบราณบางอย่าง ที่แม้จะไร้รากวิญญาณก็สามารถบำเพ็ญเพียรได้เล่า ?

เช่นนั้นเย่ฉางชิงจึงค่อย ๆ หลับตาลง เตรียมรับความทรงจำที่เสียง ๆ นั้นเอ่ยเอาไว้

เวลาผ่านไปครึ่งก้านธูป

เสียงแหบแห้งนั้นกลับมิได้เอ่ยสิ่งใดต่อ

‘ไหนบอกว่าจะถ่ายทอดความทรงจำไงเล่า ? ’

‘แล้วความทรงจำล่ะ ? ’

‘เอ๊ะ ? ’

‘หรือว่าจิตวิญญาณดั้งเดิมจะยังมิสมบูรณ์ ? ’

เย่ฉางชิงเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ขณะรอคอยสิ่งที่เรียกว่าการถ่ายทอดความทรงจำอย่างอดทน

แต่การกระทำของเขานั้นในสายตาของทุกคนกลับเข้าใจไปอีกทางหนึ่ง

“เหตุใดท่านเทพแห่งหมากถึงหลับตากัน ? ”

“ชู่ ! เบา ๆ หน่อย หากมิมีสิ่งใดผิดพลาด ผู้อาวุโสคงกำลังเข้าถึงแก่นแท้บางอย่างจากกลหมากปริศนานี้อยู่”

“ว่ากันว่าภายในกลหมากปริศนาสิบสามภาพที่สืบทอดมาจากสมัยบรรพกาล ล้วนมีสิ่งลึกลับซ่อนอยู่ บางทีผู้อาวุโสอาจอาจจะกำลังรับการถ่ายทอดอยู่ก็เป็นได้”

“ใช่แล้ว มีความเป็นไปได้”

ผู้คนในชั้นหมากล้อม ต่างก็คอยลอบมองเย่ฉางชิงด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความอิจฉา

เวลาล่วงเลยไปอีกหนึ่งก้านธูป

ในที่สุดเย่ฉางชิงก็ลืมตาขึ้น เพียงแต่ท่าทางของเขากลับฉายความผิดหวังออกมา

ใช่…

เขามิได้รับในสิ่งที่เรียกว่าการถ่ายทอดความทรงจำแต่อย่างใด

หลังจากเสียงนั้นเอ่ยถึงการสืบทอดความทรงจำ ก็เหมือนจะเงียบหายไปทันที

เขาเฝ้ารออยู่อย่างนั้นเกือบสองก้านธูป จนในที่สุดเย่ฉางชิงก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา

‘ผู้แข็งแกร่งสมัยบรรพกาลท่านนี้มิได้เรื่องเลยจริง ๆ ! ’

“ท่านเย่ เป็นเช่นไรบ้าง ? ”

เยี่ยนปิงซินที่เดินมาข้างกายเย่ฉางชิง เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

‘เป็นเช่นไรบ้าง ? ’

เย่ฉางชิงนิ่งอึ้งไป ก่อนจะยิ้มออกมา “ก็ดี”

ตอนนั้นเองเย่ฉางชิงเหมือนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหันมาเอ่ยถามว่า “คุณหนูเยี่ยน ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่าภาพกลหมากปริศนามี 13 ภาพใช่หรือไม่ ? ”

เยี่ยนปิงซินมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที พร้อมกับขมวดคิ้วน้อย ๆ “ท่านเย่ ท่านคิดจะแก้กลหมากปริศนาทั้งสิบสามภาพเลยหรือเจ้าคะ ? ”

“ใช่แล้ว”

เย่ฉางชิงยิ้มออกมา “หรือว่าที่นี่ยังมีกฎอื่น ๆ อีกเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

ความจริงแล้วนับตั้งแต่ที่เย่ฉางชิงมายังโลกเซียนแห่งนี้ ก็ยังมิเคยพบยอดฝีมือในการเล่นหมากล้อม รวมทั้งกลหมากที่มีความลึกล้ำใด ๆ มาก่อน

อีกทั้งภาพสิบสามกลหมากปริศนานี้ เมื่อพิจารณาจากภาพแรกเมื่อครู่นี้แล้ว ก็ถือเป็นกลหมากที่ใช้ได้ทีเดียว

เช่นนั้นเย่ฉางชิงที่กำลังรู้สึกสนุกสนานอยู่ในตอนนี้ จึงอยากที่จะรู้ว่ากลหมากปริศนาที่เหลือจะเป็นเช่นไรบ้าง

“น่าจะได้นะเจ้าคะ”

เยี่ยนปิงซินรับคำ ก่อนจะหันไปเอ่ยถามกับหลู่ฉี “ผู้ดูแลหลู่ ท่านเย่ต้องการจะดูภาพกลหมากปริศนาที่เหลือ คงมิมีปัญหาอะไรใช่หรือไม่ ? ”

“สูด ! ”

ทั้งหลู่ฉีและคนอื่น ๆ ที่ได้ยินต่างก็สูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่

‘อะไรนะ ? ’

‘หรือว่าผู้อาวุโสท่านนี้คิดจะแก้กลหมากปริศนาทั้งสิบสามภาพเลยเยี่ยงนั้นหรือ ? ’

‘ฝีมือเยี่ยมยอดยิ่งนัก ! ’

นับตั้งแต่หอสายลมจันทราเปิดทำการ นี่ถือเป็นคราแรกที่มีผู้ที่สามารถแก้กลหมากปริศนาหนึ่งภาพได้ในเวลาอันสั้นเพียงนี้ และเป็นครั้งแรกที่มีคนเอ่ยปากต้องการแก้กลหมากปริศนาทั้งหมดภายในวันเดียว

นี่จึงถือเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่เลยก็ว่าได้ !

หลังจากที่ได้สติหลู่ฉีก็ยิ้มออกมาอย่างร่าเริง “ในเมื่อผู้อาวุโสท่านนี้เป็นคนเอ่ยปาก เช่นนั้นก็ย่อมได้ขอรับ”

“เช่นนั้นต้องรบกวนผู้ดูแลหลู่แล้ว”

เยี่ยนปิงซินคำนับให้หลู่ฉีน้อย ๆ พร้อมรอยยิ้ม

“ทั้งสองท่านโปรดรอสักครู่ ข้าจะไปหยิบภาพกลหมากปริศนาที่เหลือทั้งหมดมาให้ขอรับ”

ครั้งนี้หลู่ฉีมิได้สั่งให้สาวใช้ไปหยิบกลหมากปริศนามาให้อีก แต่เขากลับเป็นคนไปหยิบด้วยตัวเอง เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อเทพแห่งหมากท่านนี้

แน่นอนว่าการที่กลหมากปริศนาถูกแก้ได้สำเร็จ เขาจึงคิดว่าจำเป็นที่จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้นายท่านของหอสายลมจันทราได้รับทราบ

มินานหลู่ฉีก็เดินนำสาวใช้สองคนไปทางระเบียงทางเดิน

แล้วทั้งสามคนก็มาถึงยังห้อง ๆ หนึ่งที่ถูกจัดวางผนึกเอาไว้

หลังเข้ามาด้านในห้องแล้ว

หลู่ฉีก็รีบหยิบยันต์หยกถ่ายทอดเสียงชิ้นหนึ่งออกมาจากเอวทันที

หลังจากที่เขาปล่อยพลังวิญญาณเข้าไปในยันต์หยก

มิกี่อึดใจต่อมา ตัวยันต์ก็เปล่งแสงระยิบระยับ พร้อมกับมีพลังวิเศษจาง ๆ ปะทุออกมา

“หลู่ฉี เจ้าส่งเสียงมาตอนนี้มีเรื่องอันใดงั้นหรือ ? ”

มินานก็มีเสียงสตรีเสียงหนึ่งดังออกมาจากยันต์หยก

หากเย่ฉางชิงอยู่ตรงนี้ แล้วได้ยินเสียงนี้ เขาคงคิดถึงสาว ๆ ในเกมที่มีบุคลิกเท่ ๆ เป็นแน่

ถูกต้อง !

สาว ๆ ในเกมที่มีบุคลิกเท่ ๆ !

เสียงเรียบนิ่งทว่ากลับดึงดูดใจ แสดงว่าต้องเป็นคนที่เย็นชาและเย่อหยิ่งมิน้อยเลยทีเดียว

“เรียนท่านเจ้าหอ เมื่อครู่นี้มีชายหนุ่มผู้หนึ่งใช้เวลามิถึงหนึ่งชั่วยาม ก็สามารถแก้กลหมากปริศนาภาพหนึ่งได้แล้วขอรับ”

“บัดนี้ชายหนุ่มผู้นั้นต้องการที่จะแก้กลหมากปริศนาที่เหลือทั้งหมดด้วยขอรับ”

หลู่ฉีเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความหวั่นเกรง

“ต้องการที่จะแก้กลหมากปริศนาทั้งหมดเลยงั้นหรือ ? ! ”

เห็นได้ชัดว่าสตรีลึกลับที่อยู่อีกด้านของยันต์หยกรู้สึกประหลาดใจเพียงใดที่ได้ยิน

“เรียนท่านเจ้าหอ ใช่แล้วขอรับ”

หลู่ฉีชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยย้ำอีกครั้ง

“ดี ข้าก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าเป็นผู้ใดกัน ที่มิเพียงแก้กลหมากปริศนาภาพหนึ่งได้สำเร็จ แต่ยังต้องการจะแก้กลหมากปริศนาที่เหลือทั้งหมดนี้”

เสียงสตรีลึกลับภายในยันต์หยกดังขึ้นอีกครั้ง

“ท่านเจ้าหอ เช่นนั้นข้านำกลหมากปริศนาที่เหลือไปให้เขาเลยนะขอรับ ? ”

“นำออกมาให้หมด ข้าอยากจะเห็นว่าเขาจะมีความสามารถจริงหรือไม่”

“ข้าน้อยทราบแล้วขอรับ”

รอจนแสงที่ลอยวนรอบ ๆ ยันต์หยกมลายหายไปแล้ว หลู่ฉีจึงได้สั่งสาวใช้ตรงหน้าทั้งสองว่า “หยิบกลหมากปริศนาทั้งหมดออกมา”

สาวใช้รูปร่างอ้อนแอ้นนางหนึ่งเอ่ยถามขึ้นอย่างหวั่นเกรงว่า “ผู้ดูแลหลู่ วันนี้ท่านเจ้าหอจะมายังหอสายลมจันทราของเราหรือเจ้าคะ ? ”

“นี่มิใช่สิ่งที่เจ้าควรถาม และมิใช่สิ่งที่คนรับใช้เช่นพวกเราควรคิด แค่ทำตามคำสั่งของท่านเจ้าหอก็พอแล้ว”

เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป

ในที่สุดหลู่ฉีก็เดินนำสาวใช้กลุ่มหนึ่งที่ยกกล่องไม้ทรงยาวสิบกว่ากล่องมาด้วย

หลู่ฉีประสานมือคาราวะเย่ฉางชิงก่อน จากนั้นจึงหมุนตัวหยิบกล่องไม้ทรงยาวกล่องหนึ่งมา และใช้เลือดป้ายไปบนกล่องไม้

มินานกล่องไม้ทรงยาวก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง ม้วนหนังสัตว์โบราณแผ่นหนึ่งก็ปรากฏสู่สายตาของทุกคน

เย่ฉางชิงพยักหน้าให้ยิ้ม ๆ ก่อนที่สายตาจะกวาดมองกลหมากปริศนาที่ต่างออกไปภาพนี้ โดยที่มือยังคงลูบหัวของจิ้งจอกน้อยเช่นเคย

จนเวลาผ่านไปครึ่งชั่วยาม

เย่ฉางชิงก็ยังมิได้เอ่ยสิ่งใดออกมา คนอื่น ๆ ที่อยู่ในชั้นหมากล้อมเองก็มิกล้าเอ่ยสิ่งใดเช่นกัน

เนื่องด้วยภาพกลหมากปริศนาแฝงไว้ด้วยอันตราย พวกเขาจึงทำได้เพียงสังเกตสีหน้าของเย่ฉางชิงเท่านั้น

เวลาผ่านไปอีกหนึ่งก้านธูป

“เปรี้ยง ! ”

ด้านหลังของเย่ฉางชิงปรากฏนิมิตขึ้นอีกครั้ง กระดานหมากที่เกิดจากลำแสงเจิดจ้ามากมายประสานกัน ก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ

มินานกลหมากบนภาพกลหมากปริศนา ก็ได้ปรากฏขึ้นและซ้อนทับลงไปบนกระดานนิมิตนี้อย่างสมบูรณ์

ตอนนั้นเองมุมปากของเย่ฉางชิงก็โค้งขึ้นจนเกิดเป็นรอยยิ้ม ก่อนจะส่ายหน้าและพึมพำกับตัวเองว่า ‘ไม่มีอะไรน่าสนใจเลย ! ’

สิ้นเสียงนั้นนิ้วเรียวยาวของเย่ฉางชิง สองนิ้วก็พุ่งไปยังตำแหน่งหนึ่งบนกลหมากปริศนา

ครานี้หมากขาวบนภาพกลหมากปริศนา ก็ปรากฏบนกระดานนิมิตด้านหลังของเย่ฉางชิงด้วย

หมายความว่ากลหมากปริศนาภาพที่สองนั้น ถูกเย่ฉางชิงแก้สำเร็จแล้ว

ทันทีที่ภาพกลหมากปริศนาถูกแก้ได้ ลำแสงหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่เย่ฉางชิงอีกครา

ขณะเดียวกันเสียงแหบแห้งเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในโสตประสาท

“ยินดีด้วย ที่เจ้าแก้กลหมากปริศนาที่ข้าทิ้งเอาได้สำเร็จ นั่นก็หมายความว่าเจ้ามีคุณสมบัติพอที่จะได้รับการถ่ายทอดจากข้า”

“ข้าใกล้จะสำเร็จเป็นเซียนแล้ว เช่นนั้นภายในกลหมากปริศนาทุกกลจะมีจิตวิญญาณดั้งเดิมหลงเหลืออยู่ จิตวิญญาณดั้งเดิมนี้มีความทรงจำส่วนหนึ่งของข้ารวมอยู่ด้วย”

“เจ้าเตรียมพร้อมรับความทรงจำของข้าแล้วหรือยัง?”

เย่ฉางชิง “……”

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

Status: Ongoing
นิยายแปลไทยเรื่อง เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน รายละเอียด เทพแห่งกระบี่ : หากผู้อาวุโสเย่มอบภาพอักษรพู่กันให้ข้าอีกสักภาพ พรุ่งนี้ข้าคงสามารถเปิดประตูสวรรค์ได้แล้ว …… ……เย่ฉางชิงรู้สึกเอือมระอายิ่งนัก ทั้งๆ ที่เขาเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง เหตุใดถึงได้มีผู้คนแวะเวียนมาหาไม่แต่ละเว้นวันเช่นนี้นะ?

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท