เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน – ตอนที่ 188 เข้าสู่สำนักศึกษาตงหลัน การสอนเริ่มขึ้นแล้ว

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

ตอนที่ 188 เข้าสู่สำนักศึกษาตงหลัน การสอนเริ่มขึ้นแล้ว

“ท่านเย่ พวกเรามาถึงแล้วขอรับ”

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม

เมื่อรถม้าหยุดลง จางเฉินก็เอ่ยกับเย่ฉางชิงด้วยความนอบน้อม

‘ถึงเร็วปานนี้เชียว ? ’

‘ข้ายังกลั่นกรองคำพูดมิเสร็จเลย ! ’

เย่ฉางชิงได้ยินเช่นนั้นภายในใจก็นึกกระหวัดขึ้น หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้าให้เล็กน้อย

“เช่นนั้นพวกเราก็ลงไปกันเถิด”

เย่ฉางชิงกวาดตามองทุกคนพลางเอ่ยขึ้น

พวกเยี่ยนปิงซินชะงักไป ก่อนที่ใบหน้าจะปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา

จากนั้นทุกคนก็ได้ลุกขึ้นก่อนทยอยเดินลงจากรถม้า

แต่ในตอนที่เย่ฉางชิงออกมาจากรถม้านั้น

ก็ต้องนิ่งไปทันทีที่ได้เห็นภาพอันตระการตาตรงหน้า

เบื้องหน้าของเขาคือประตูขนาดใหญ่และสูงตระหง่านบานหนึ่ง

ด้านบนสลักอักษรโบราณทรงพลังและฉวัดเฉวียนคำว่า ‘สำนักศึกษาตงหลัน’

ใช่แล้ว !

ที่นี่ก็คือสำนักศึกษาตงหลันนั่นเอง !

เวลานี้เยี่ยนเทียนซานและเยี่ยนหยางเหนียนยืนอยู่ด้านหน้าสุด ส่วนด้านหลังก็มีเหล่าผู้อาวุโสท่าทางสง่างามกว่าคนทั่วไปหลายคนยืนอยู่

ถัดไปอีกก็เป็นเหล่าศิษย์ที่มีอายุน้อยกว่า

เมื่อมองไปก็จะเห็นเพียงส่วนหัวของกลุ่มคนแน่นขนัด

เพียงแค่จินตนาการดูก็รู้แล้วว่าภาพเช่นนี้จะน่าตกใจเพียงใด

ทว่าเมื่อครู่เพิ่งได้รับการคาราวะจากเหล่าสาวกจำนวนมากไปแล้ว ทำให้เย่ฉางชิงสามารถสะกดอารมณ์เมื่อเห็นภาพที่น่าตกใจเช่นนี้เอาไว้ได้

หลังจากผงะไปเล็กน้อย มินานเย่ฉางชิงก็ได้สติขึ้นมา

แต่ปัญหาที่ตามมาก็คือ

เมื่อคนที่มาฟังการสอนมากมายถึงเพียงนี้ เขาควรจะสอนเช่นไรดี ?

เดิมก่อนหน้านี้เขาคิดจะปรึกษาเรื่องนี้กับจางเฉินตอนอยู่บนรถม้า

แต่เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นที่เขาตะวันออก ทำให้ตอนนี้เขากลายเป็นท่านเทพฉางชิงผู้ที่มีฐานะสูงส่งไปเสียแล้ว

เป็นถึงท่านเทพฉางชิงที่ผู้คนเคารพนับถือ หากปัญหาแค่นี้ยังต้องปรึกษาคนอื่นจะเป็นการเผยพิรุธออกมาหรือไม่ ?

หลังจากไตร่ตรองดูแล้ว ในที่สุดเย่ฉางชิงจึงได้ละทิ้งความคิดนี้ไป

จากนั้นเย่ฉางชิงที่สวมอาภรณ์สีขาว ที่มีบุคลิกท่าทางแตกต่างจากคนทั่วไปก็เดินออกมาจากรถม้าและปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางสายตาของทุกคน

ทันใดนั้นทุกคนที่ได้เห็นต่างก็ตกตะลึงงันไปตาม ๆ กัน

เพราะนี่เป็นคราแรกที่พวกเขาได้เห็นท่านเทพฉางชิงตัวเป็น ๆ

‘ใช่แล้ว ๆ นี่ก็คือท่านเทพฉางชิง ข้าได้เห็นท่านเทพฉางชิงกับตาตัวเองแล้ว ! ’

‘รูปงามดุจหยก ท่าทางสง่างามไร้ผู้เทียบเคียงได้ มีเพียงผู้ที่ไร้เทียมทานเช่นนี้จึงจะคู่ควรกับใบหน้าและบุคลิกท่าทางที่ไร้ที่ติเช่นนี้’

‘ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ คิดมิถึงว่าชีวิตนี้ข้าจะมีบุญได้เห็นผู้ที่ไร้เทียมทานเช่นนี้กับตาตัวเอง ช่างเป็นบุญของข้าจริง ๆ ’

‘ท่านพ่อ ท่านแม่ วันนี้ลูกได้เห็นท่านเทพฉางชิงแล้ว เขาเป็นถึงเทพผู้ไร้เทียมทานที่ลงมายังโลกมนุษย์เชียวนะขอรับ ! ’

‘……’

ขณะที่ทุกคนกำลังคิดกันไปต่าง ๆ นานา

“ผู้น้อยคาราวะท่านเทพฉางชิง ! ”

เยี่ยนเทียนซานที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะโค้งคำนับเย่ฉางชิงด้วยท่าทางเคร่งครึม

เยี่ยนเทียนซานรู้ดีว่าผู้ที่ไร้เทียมทานผู้นี้มิชอบให้ผู้อื่นเรียกเขาว่าผู้อาวุโส ทว่าเวลานี้คนทั้งเมืองหลวงกำลังจับตามองที่นี่อยู่

เช่นนั้นเขาจึงจำเป็นต้องเอ่ยออกมาเช่นนี้ด้วยความจนใจ

หลังสิ้นเสียงของเยี่ยนเทียนซาน ผู้คนหลายพันที่อยู่ด้านหลังเขาก็ได้โค้งคำนับลงอย่างนอบน้อมพร้อม ๆ กัน

“ผู้น้อยคาราวะท่านเทพฉางชิง ! ”

ทันใดนั้นก็มีเสียงดังกึกก้องและกังวานขึ้นเป็นเวลานาน

ขณะเดียวกันไอพลังบางอย่างทะยานขึ้นสู่ฟ้า

เย่ฉางชิงเมื่อได้ยินดังนั้นก็สูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ พยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองลงอีกครา

“ทุกท่านมิต้องมากพิธี ลุกขึ้นเถิด”

เย่ฉางชิงกวาดตามองทุกคน ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

สิ้นเสียง เย่ฉางชิงก็เดินลงมาจากรถม้า

เยี่ยนเทียนซานจึงรีบเดินเข้าไปหาด้วยท่าทางนอบน้อม “ท่านเย่ เชิญขอรับ”

เย่ฉางชิงมิได้แสดงสีหน้าใด ๆ ออกมา เพียงแค่พยักหน้ารับเท่านั้น

จากนั้นเยี่ยนเทียนซานก็ได้โค้งตัวก่อนเดินนำหน้าไป เย่ฉางชิงจึงเดินตามมาทางด้านหลังอย่างมิเร่งรีบ

พวกเยี่ยนปิงซินสื่อสารกันทางสายตาเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามหลังไปอีกที

เย่ฉางชิงเดินผ่านประตูสูงตระหง่านเข้าไปในสำนักศึกษาตงหลัน ท่ามกลางสายตาของคนนับพัน

“ท่านเย่ ท่านจะพักสักครู่แล้วค่อยเริ่มทำการสอน หรือว่าจะตรงไปยังลานสอนเลยดีขอรับ ? ”

หลังจากเข้ามาในสำนักศึกษาตงหลันแล้ว เยี่ยนเทียนซานก็ชะลอฝีเท้าลงพลางถามขึ้นเบา ๆ

“เริ่มเลยเถอะ”

เย่ฉางชิงเอ่ยตอบโดยมิต้องคิด

ความจริงแล้วเวลานี้เย่ฉางชิงอยากจะไปจากที่นี่เต็มที และกลับเรือนจิ่งหลันหยวนเสียเดี๋ยวนี้

มิใช่สิ !

หากจะพูดให้ถูกก็คือเขาอยากไปจากเมืองหลวง เพื่อกลับไปเมืองเสี่ยวฉือให้เร็วที่สุดต่างหาก

ประการแรก มีคนมาฟังการสอนของเขามากมายเช่นนี้ หากระหว่างการสอนเกิดมีพิรุธจนคนจับได้ขึ้นมา เช่นนั้นต้องเป็นเรื่องแน่

เรื่องนี้ทำให้เขาเหนื่อยใจอย่างมาก

ประการที่สอง ก่อนหน้านี้ท่านเทพฉางชิงได้มอบรากวิญญาณชนิดหนึ่งให้แก่เขา

มิแน่เขาอาจจะเป็นอัจฉริยะในการบำเพ็ญเพียร ที่พบได้ยากในรอบหมื่นปีก็เป็นได้

เช่นนั้นเวลานี้เขาจึงอยากจะรีบไปทดสอบดูว่า ตนเองจะใช่ยอดฝีมือเช่นนั้นจริงหรือไม่

อีกอย่างเขาก็ได้ตัดสินใจแล้วว่าขอเพียงเขาเป็นอัจฉริยะในการบำเพ็ญเพียร เช่นนั้นต่อให้ต้องอยู่ที่เมืองเสี่ยวฉือไปอีกหลายปี หลายสิบปี หรือว่านานกว่านั้น

รอจนเขากลายเป็นผู้ที่ไร้เทียมทาน ต่อไปเมื่อออกมายังโลกภายนอกก็จะได้มิมีความกังวลเช่นนี้อีก มิหนำซ้ำยังจะสามารถเหาะเหินเดินอากาศขี่กระบี่ทะยานขึ้นฟ้าได้อีกด้วย

ถึงตอนนั้นเขาจะองอาจผ่าเผยและมีอิสระเพียงใดกันนะ ?

แค่คิดก็รู้สึกราวกับฝันไปเสียแล้ว !

มินาน เยี่ยนเทียนซานก็เดินนำเย่ฉางชิงมายังจตุรัสที่กว้างใหญ่ และมีเบาะรองนั่งมากมายวางอยู่

ก่อนจะเดินนำตรงไปยังเวทีที่อยู่ด้านหน้าของจตุรัส

กลางเวทีถูกจัดวางเอาไว้ด้วยหลังคากระโจมหรูหรามีหัวมังกรประดับอยู่ทั้งสี่เสา ด้านล่างเป็นโต๊ะเตี้ย ๆ สำหรับนั่ง ที่ทำมาจากไม้จินซือหนานตัวหนึ่ง

บนโต๊ะมีแท่นวางของเล็ก ๆ วางอยู่ โดยด้านบนได้มีการจุดกำยานหอม รวมทั้งมีการจัดเตรียมชุดชาและจานผลไม้เอาไว้

การตกแต่งจัดวางเช่นนี้ เรียกว่าใส่ใจมิน้อยเลยทีเดียว !

เย่ฉางชิงหลังจากเดินขึ้นไปบนเวทีแล้ว ก็ได้นั่งขัดสมาธิลงบนโต๊ะตัวเล็กอย่างมิเกรงใจเช่นกัน

ขณะเดียวกันหลังจากที่เย่ฉางชิงนั่งลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จัตุรัสแห่งนั้นก็เต็มไปด้วยผู้คนแน่นขนัดในพริบตา

“ทุกท่านเชิญนั่งเถิด”

เย่ฉางชิงยืดตัวตรงจัดอาภรณ์เรียบร้อย ก่อนกวาดสายตามองผู้คนที่อยู่ด้านล่าง

“ขอรับ/เจ้าค่ะ ! ”

ทุกคนสบตากันเล็กน้อย ก่อนจะโค้งคำนับลงอีกครา

สุดท้ายก็ได้ทยอยนั่งลง

หลังจากกลั่นกรองคำพูดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เย่ฉางชิงก็ลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนที่จะกล่าวขึ้นท่ามกลางสายตาที่จับจ้องอยู่นับพัน ๆ คู่

“การสอนในวันนี้ ข้าบอกทุกท่านได้เพียงคำเดียวว่า”

เย่ฉางชิงเอ่ยถึงตรงนี้ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังต่อว่า “ยาก ! ”

ผู้คนที่อยู่ด้านล่างเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วเบา ๆ สีหน้าเปลี่ยนไปในทันที พลางลอบสื่อสารกันทางสายตาอย่างอดมิได้

‘ยากงั้นหรือ ? ’

‘แม้จะเป็นคำเพียงคำเดียว ทว่าขอบเขตดูจะกว้างเกินไปหรือไม่ ? ’

‘สมกับที่เป็นท่านเทพผู้ไร้เทียมทานจริง ๆ เพียงแค่หัวข้อที่เลือกมาก็มองเห็นมุมมองอันสูงส่งของเขาแล้ว’

ตอนนั้นเองจางเฉินที่นั่งอยู่ด้านหน้าก็ได้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนถามออกมาอย่างสุภาพว่า

“ชีวิตยากลำบาก เรียนหนังสือยากลำบาก ดั่งแล่นเรือทวนน้ำ การบำเพ็ญเพียรยากพอ ๆ กับการขึ้นสวรรค์ ขอถามท่านเย่แล้วคำว่ายากที่ท่านกล่าวถึง หมายถึงด้านใดหรือขอรับ ? ”

ทันทีที่จางเฉินเอ่ยถามออกไป

ทุกคนก็สบตากันเล็กน้อย ก่อนที่จะพยักหน้าหงึกหงักอย่างเห็นด้วย

‘สมแล้วที่ท่านจางจะถูกขนานนามว่าเทพแห่งการศึกษา คำถามที่ถามออกไปช่างเฉียบแหลมอย่างมาก แม้จะเป็นคำถามสั้น ๆ ทว่าตรงประเด็นยิ่งนัก’

ทันใดนั้นเย่ฉางชิงก็ยกยิ้มอ่อนโยนออกมา ก่อนโบกมือไปมาให้แก่จางเฉินด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

Status: Ongoing
นิยายแปลไทยเรื่อง เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน รายละเอียด เทพแห่งกระบี่ : หากผู้อาวุโสเย่มอบภาพอักษรพู่กันให้ข้าอีกสักภาพ พรุ่งนี้ข้าคงสามารถเปิดประตูสวรรค์ได้แล้ว …… ……เย่ฉางชิงรู้สึกเอือมระอายิ่งนัก ทั้งๆ ที่เขาเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง เหตุใดถึงได้มีผู้คนแวะเวียนมาหาไม่แต่ละเว้นวันเช่นนี้นะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท